ทำไมโฆษณา Michael Phelps ของ Under Armour จึงถูกใจกลุ่ม Millennial และถูกแชร์เป็นจำนวนมาก

  • 188
  •  
  •  
  •  
  •  

โอลิมปิก Rio 2016 เป็นการกลับคืนเวที (หรือกลับคืนสระ) อีกครั้งของตำนานนักกีฬาว่ายน้ำโลก Michael Phelps ซึ่งในปีนี้เขาก็สามารถกวาดเหรียญรางวัลไปได้มากพอสมควรทีเดียว

แต่ก่อนการกลับมาของเขาก็ได้ร่วมกับแบรนด์ชุดกีฬาชื่อดัง Under Armour ซึ่งสร้างสรรค์ผลงานโดยเอเจนซี่ Droga5 ในชื่อชุดว่า Rule Yourself” ซึ่งประสบความสำเร็จมาก ได้รับรางวัล Film Craft Grand Prix จากเทศกาล Cannes Lions2016 และเป็นหนึ่งในสปอตโฆษณากีฬาที่ถูกแชร์มากที่สุดในตอนนี้ กับยอดวิวมากกว่า 10 ล้านวิว

UNDER ARMOUR | RULE YOURSELF | MICHAEL PHELPS

httpv://youtu.be/Xh9jAD1ofm4

ทั้งนี้ มีข้อมูลเปิดเผยจาก Unruly ถึงสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับโฆษณาชิ้นนี้ของ Michael Phelps ซึ่งทำให้เป็นโฆษณาโอลิมปิก 2016 ที่ถูกแชร์มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก “We’re The Superhumans” และเป็นอันดับ 5 ของโฆษณากีฬาโอลิมปิกที่ถูกแชร์มากที่สุดตลอดกาล ลองมาดูกันสิว่าอะไรทำให้โฆษณานี้จึงได้รับความนิยมมากขนาดนี้

ก่อนอื่นเลยคงต้องบอกว่า โฆษณาชิ้นนี้ที่นำเสนอด้านอีโมชั่นได้โดนใจกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งได้แก่ กลุ่มผู้ชาย Millennial อายุระหว่าง 18-34 ปี และตัวเนื้อหาที่พาผู้ชมไปพบกับความเครียดจากการฝึกซ้อม และกระบวนการสร้างแรงบรรดาลใจต่างๆ ทั้งนี้ 47% เป็นผู้ชมทั่วไป และ 68% เป็นผู้ชมในกลุ่มผู้ชาย Millennial และ 22% ของผู้ชมมีการรายงานว่ารู้สึกประหลาดใจเมื่อชมการฝึกซ้อมที่เข้มข้น มีทั้งอารมณ์สุขและเซอร์ไพรส์ และทุกคีย์ของอีโมชั่นยังสามารถ engage กลุ่มผู้ชมอายุน้อยได้อีกด้วย

phelps1

“เราได้ทำการทดสอบจากโฆษณาหลายๆ ชิ้นแล้ว โดยหากแบ่งตามความแตกต่างด้าน demographics จะพบว่าโฆษณาที่เน้นแนวสร้าง ‘แรงบันดาลใจ’ จะได้รับการตอบรับจากกลุ่ม Millennials มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Millennials ชาย” Devra Prywes, VP, marketing and insight at Unruly กล่าว และเสริมว่า ทั้งนี้ ปัจจัยเรื่องของการสร้างแรงบันดาลใจ ดูเหมือนจะขาดหายไปในโฆษณาของ Super Bowl ในปีนี้ แต่กลับมาโดดเด่นอย่างมากในโฆษณาโอลิมปิก ซึ่งจุดนี้เองดูเหมือนว่าจะส่งผลให้เกิดการแชร์งานโฆษณาโอลิมปิกมากขึ้น

นอกจากนี้ 56% พบว่าการแชร์ของโฆษณาตัวนี้มากจาก Facebook ตามมาด้วย Twitter ที่มีการแชร์อยู่ที่ 28%

Prywes ยังกล่าวด้วยว่า Under Armour นั้นประสบความสำเร็จกับโฆษณษชิ้นอื่นๆ มาแล้วก่อนหน้านี้มากมาย เช่น โฆษณษจาก Misty Copeland นักบัลเล่ต์ชื่อดัง ไปจนถึงโฆษณาจากทีมชาติยิมนาสติกหญิงของสหรัฐฯ ผลงานแต่ละชิ้นนำเสนอเรื่องของแรงบันดาลใจและเซอร์ไพรส์ผู้ชมได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันยังสร้างเซนส์ของความภาคภูมิใจให้เกิดขึ้นอีกด้วย

ด้าน Harry Roman, Head of strategy จาก Droga5 กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้โฆษณาจาก Phelps ถูกแชร์ออกไปมากก็เพราะ มันสามารถนำส่งสิ่งที่เรียกว่าการอุทิศตน หรือการเสียสละตนอย่างมากของนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ ในการฝึกซ้อมเพื่อไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกได้อย่างน่าประทับใจ

“ผมคิดว่าสิ่งที่ผู้คนเชื่อมโยงได้จากหนังโฆษณาเรื่องนี้ก็เพราะ มันคือความเจ็บปวดที่เห็นว่าเขาทำงานหนักและเสียสละเพื่อให้ได้สโตรก์การว่ายที่สุดยอดขนาดนี้ อีกสิ่งหนึ่งก็คือมันมีทั้งความดิบและความเรียลทุกสิ่งเพื่อคำว่าชัยชนะ ผมอยากจะคิดว่าสิ่งที่หนังได้ปลุกเร้าผู้คนก็มาจากท่อนเพลงที่ว่า “It’s The Last Goodbye” มันคือการอำลาครั้งสุดท้ายของเขา ซึ่งเขาไปเล่นในจิตใจของผู้คนว่าพวกเขาจะเห็น Phelps ส่งยิ้มแบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายบนโพเดียม และเราอาจจะไม่ได้เห็นนักกีฬาอย่าง  Michael Phelps ไปอีกนาน”

Prywes ยังเสริมอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลระบุอีกว่าผู้ชมอายุน้อยส่วนใหญ่ มากกว่า 3 ใน 4 จะสูญเสียความเชื่อถือแบรนด์ถ้าเกิดรู้สึกว่าโฆษณามันเฟค แต่โฆษณาหลายชิ้นของ Under Armour สามารถนำเสนอความเป็นของแท้ได้อย่างดี นำเสนอเรื่องราวความเป็นนักกีฬาที่แท้จริงออกมาได้อย่างดี แสดงในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้เห็นกัน

phelps2 phelps3 phelps4

ที่มา 


  • 188
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!