ในช่วงที่ซีกโลกตะวันตกมีวิกฤตไข่แพง แบรนด์สกินแคร์ The Ordinary จึงจับมือกับศิลปินกลุ่ม MSCHF ขายไข่สดในราคาไม่แรง 3.37 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ร้านสาขา Nolita และ 5th Avenue ของ The Ordinary ในนิวยอร์กซิตี้ กลายเป็นแคมเปญที่เป็นทั้งการวิจารณ์สังคมและถูกล่าวขานถึงในเชิงกลยุทธ์ทางการตลาด ไดยแผงไข่นี้วางจำหน่ายเฉพาะวันที่ 22-23 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา
The Ordinary กำหนดให้ลูกค้าสามารถซื้อได้สูงสุด 2 แผงต่อคน โดยแต่ละแผงมี 12 ฟอง บรรจุภัณฑ์ไข่สดออกแบบในสไตล์มินิมอลแบบเดียวกับผลิตภัณฑ์สกินแคร์ของแบรนด์ ซึ่งแม้ The Ordinary จะเป็นแบรนด์วีแกน แต่กลับเลือกขายไข่ ทำให้ปฏิกิริยาบนโซเชียลมีเดียมีทั้งขบขันและชื่นชม โดยมีผู้ใช้คนหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า “น่าเศร้าที่ต้องอาศัยแบรนด์ความงามเพื่อให้ได้อาหารในราคาที่จ่ายได้” และบางคนชี้ให้เห็นถึงความย้อนแย้งระหว่างประเทศ ที่แบรนด์แคนาดากำลังช่วยเหลือผู้บริโภคชาวอเมริกัน
ราคาไข่ในสหรัฐฯนั้นมีความผันผวนในปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นกว่า 65% เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานและการระบาดของไข้หวัดนกที่รุนแรง ตามข้อมูลของ USDA ราคาขายส่งลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง เนื่องจากการนำเข้าจากประเทศเช่นเกาหลีใต้และตุรกี และในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2025 ไข่หนึ่งโหลมีราคาประมาณ 4.90 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 8.17 ดอลลาร์
แม้ว่า The Ordinary อาจไม่ได้มีแผนจะขายสินค้าอุปโภคบริโภคเต็มรูปแบบ แต่การเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นถึงความเร่งด่วนของปัญหา ขณะเดียวกัน เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำถามว่าถ้าแบรนด์สกินแคร์สามารถขายของชำในราคาที่เข้าถึงได้ อะไรที่ทำให้หน่วยงานรัฐฯไม่สามารถทำได้?
