กลับมาอีกครั้งกับการประกาศผล คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย’ ฉบับประจำปี 2568 (The MICHELIN Guide Thailand 2025) ที่ในปีนี้มีความพิเศษกว่าปีอื่นๆ นั่นคือการที่ร้าน ‘ศรณ์’ คว้ารางวัล ‘มิชลิน 3 ดาว’ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ร้านอาหารไทย โดยในปีนี้ได้มีการขยายขอบเขตการสำรวจไปสู่จังหวัด ‘ชลบุรี’ เป็นปีแรกด้วย
‘ศุภักษร จงศิริ’ เจ้าของร้าน ‘ศรณ์’ ผู้คว้า ‘มิชลิน 3 ดาว’ เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ไทย
ก่อนหน้านี้ ทาง Marketing Oops! มีโอกาสได้สัมภาษณ์ ‘เชฟไอซ์’ หรือคุณศุภักษร จงศิริ เจ้าของร้านศรณ์ ผู้เข้าสู่วงการอาหารตั้งแต่ยังเด็กผ่านการเป็นมือลูกมือในครัวให้คุณย่า สู่การเป็นร้านอาหารหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ติดอันดับ 39 ในการประกาศรางวัล 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมของโลก หรือ The World’s 50 Best Restaurants 2022
สำหรับในปี 2024 นี้ เชฟไอซ์ได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการนำทัพร้าน ‘ศรณ์’ คว้ารางวัล ‘Three MICHELIN Stars’ เป็นครั้งแรกของวงการร้านอาหารในไทยได้สำเร็จ โดยเริ่มจากการได้รับ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ เมื่อปี 2562 และก้าวสู่ระดับ ‘สองดาวมิชลิน’ ในเวลาเพียง 1 ปีต่อจากนั้น และรักษาระดับไว้ได้อย่างต่อเนื่อง 5 ปี ติดต่อกัน ก่อนจะขึ้นเป็นระดับ ‘สามดาวมิชลิน’ ได้สำเร็จในปีนี้
ในเชิงของธุรกิจ เรียกได้ว่าเชฟไอซ์สามารถรักษาความเป็นเลิศของร้าน ‘ศรณ์’ ได้อย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ความรักที่ตนมีต่ออาหาร ส่งต่อเป็นคุณภาพในทุกจานที่ส่งมอบให้ลูกค้า จนกลายเป็นสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเป็นจุดหมายปลายทางที่ควรดั้นด้นเดินทางเพื่อไปชิมสักครั้ง
“ในวันที่ลูกผมโตขึ้น เขาจะได้เรียนรู้ว่าใครเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ขึ้นไปท่องอวกาศ และเขาจะได้รู้ด้วยว่า พ่อของเขาเป็นคนคนแรกของประเทศไทยที่ได้มิชลิน 3 ดาว” – ‘เชฟไอซ์’ – ศุภักษร จงศิริ ในงาน ‘MICHELIN Guide Ceremony 2025 Thailand’
ทิศทางวงการร้านอาหารไทย จากมุมมอง ‘มิชลิน ไกด์’
จากการศึกษา และติดตามวงการอาหารไทยอย่างใกล้ชิด มร.ปูลเล็นเนค ผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ ได้สรุปออกมาเป็น 4 ประเด็น ดังนี้
ร้านอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นเติบโตต่อเนื่อง
- มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- เชฟไทยรุ่นใหม่ (อายุเฉลี่ยต่ำกว่า 35 ปี) เป็นเจ้าของมากขึ้น
- เชฟเหล่านี้มีประสบการณ์ทำงานในต่างประเทศหรือศึกษาศาสตร์การทำอาหารตะวันตก
- นำเสนอเทรนด์อาหารไทยดั้งเดิมในรูปแบบที่ทันสมัย และดึงดูดความสนใจขึ้น
ทิศทางอุตสาหกรรมร้านอาหาร Fine Dining
- ดึงดูดเชฟชาวต่างชาติให้มาทำงานในไทย
- เชฟต่างชาติร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และฝึกฝนทีมงานรุ่นใหม่
- มีการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมากขึ้นเพื่อความยั่งยืน
- เชฟผสมผสานความคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนารูปแบบใหม่ในวงการอาหาร
ความยั่งยืนเริ่มเป็นหัวข้อใหญ่ในวงการอาหาร
- เชฟไทยมุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- มีการร่วมมือกับผู้ผลิตรายย่อยเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน
- การจัดการขยะอาหารและการสร้างสรรค์เมนูที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ร้านอาหารขนาดเล็กเติบโตดีขึ้น
- ร้านอาหารที่สืบทอดสูตรอาหารจากรุ่นสู่รุ่นมีบทบาทสำคัญ
- มุ่งเน้นความเรียบง่ายและการรักษาเอกลักษณ์อาหารไทยดั้งเดิม
- เสริมภาพลักษณ์ไทยในฐานะประเทศที่มีอาหารคุณภาพในราคาย่อมเยา
รวมรางวัล ‘MICHELIN Guide Thailand 2025’
- คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2568 มีร้านอาหารผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 462 ร้าน เป็นร้านรางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ 1 ร้าน, ‘สองดาวมิชลิน’ 7 ร้าน, ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ 28 ร้าน, รางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ 156 ร้าน และร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected อีก 270 ร้าน
- MICHELIN Green Star มีร้านใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่ง คือ ‘บ้านเทพา’ ที่ยึดแนวคิดการบริหารร้านอาหารบนความยั่งยืน และรับผิดชอบต่อสังคมไปจนถึงสิ่งแวดล้อม
- จังหวัดชลบุรี ซึ่ง ‘มิชลิน ไกด์’ ขยายขอบเขตเข้าดำเนินการสำรวจ และจัดอันดับเป็นปีแรก มีร้านอาหารได้รับการตีพิมพ์ในคู่มือฯ รวมทั้งสิ้น 20 ร้าน เป็นร้านระดับรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ 5 ร้าน และร้านแนะนำ 15 ร้าน
Three MICHELIN Stars: 1 ร้าน
- ร้านศรณ์ (Sorn) – Promoted from Two MICHELIN Stars
Two MICHELIN Stars: 7 ร้าน
สำหรับร้านอาหารระดับ ‘สองดาวมิชลิน’ มีร้านที่ได้รับการเลื่อนระดับเพิ่มขึ้น 1 ร้าน คือ โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค ซึ่งโดดเด่นด้วยการผสมผสานรสชาติจากเฟรนช์ริเวียรา เมดิเตอร์เรเนียน ฝรั่งเศส และอิตาลี พร้อมสร้างสรรค์เมนูอันเป็นเอกลักษณ์จากวัตถุดิบตามฤดูกาล และมีร้านอื่นๆ ดังนี้
- บ้านเทพา (Baan Tepa)
- เชฟส์เทเบิล (Chef’s Table)
- กา (Gaa)
- เมซซาลูน่า (Mezzaluna)
- อาหาร (R-Haan)
- ซูห์ริง (Sühring)
One MICHELIN Stars: 28 ร้าน
ร้านอาหารระดับ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ แต่ละร้านมีจุดเด่นที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญของเชฟ ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานเทคนิคดั้งเดิมกับนวัตกรรมสมัยใหม่ การนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ หรือการคงไว้ซึ่งรสชาติอาหารดั้งเดิมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งหมดนี้ทำให้ร้านเหล่านี้ควรค่าแก่การแวะชิม มีทั้งหมด 28 ร้าน ดังนี้
1. อัคคี (AKKEE) – New
2. เอวองท์ (AVANT) – New
3. โกท (GOAT) – New
4. อาวลิส (Aulis) – New
5. โคด้า (Coda) – Promoted from MICHELIN Selected
6. 80/20
7. อักษร (Aksorn)
8. บลู บาย อลัง ดูคาส (Blue by Alain Ducasse)
9. ชิม บาย สยามวิสดอม (Chim by Siam Wisdom)
10. เอเลเมนท์ อินสไปร์ บาย เซล เบลอ (Elements, Inspired by Ciel Bleu)
11. ฮาโอมา (Haoma)
12. อิกนีฟ (IGNIV)
13. อินดี (INDDEE)
14. เจ๊ไฝ (Jay Fai)
15. ฤดู (Le Du)
16. เลอ นอร์มังดี (Le Normandie)
17. เมซง ดูนานท์ (Maison Dunand)
18. มีอา (Mia)
19. น้ำ (Nahm)
20. นว (NAWA)
21. โพทง (Potong)
22. เรโซแนนซ์ (Resonance)
23. สำรับสำหรับไทย (Samrub Samrub Thai)
24. เสน่ห์จันทน์ (Saneh Jaan)
25. ซิกเนเจอร์ (Signature)
26. สวนทิพย์ (Suan Thip)
27. วรรณยุค (Wana Yook)
28. พรุ (PRU)
MICHELIN Green Star: 4 ร้าน
ร้านที่โดดเด่นด้านการดำเนินกิจการอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม และในปีนี้มีร้านที่ได้รับรางวัลเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง คือ บ้านเทพา ร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เมนูอาหารโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ไปจนถึงการเลือกซื้อสินค้าวัตถุดิบในท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการชุมชน และออกแบบเมนูในร้านโดยคำนึงเรื่องการเกิดขยะได้น้อยที่สุด โดยมี 4 ร้านที่ได้รับรางวัลนี้
- บ้านเทพา (Baan Tepa) – New
- ฮาโอมา (Haoma)
- จำปา (Jampa)
- พรุ (PRU)
Special Rewards: 4 รางวัล