เชื่อว่าตอนเป็นเด็กผู้อ่านหลายคนคงไม่พลาดที่จะไปยืนต่อแถวเพื่อได้ชิมไมโลแก้วเล็กที่อร่อยกว่าปกติจากรถไมโลที่มาจอดในโรงเรียน (Milo Vans) หลายคนเติบโตมาพร้อมกับ ‘ไมโล’ เครื่องดื่มรสช็อกโกแลตมอลต์ห่อหุ้มด้วยบรรจุภัณฑ์สีเขียวคุ้นตา ที่ถูกผลิตขึ้นครั้งที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อปี 1934 พัฒนาสูตรอยู่หลายครั้งก่อนจะกลายเป็นเครื่องดื่มที่ถูกปากคนไปทั่วโลก วันนี้เรานำ facts ที่น่าสนใจจากไมโลมาให้ผู้อ่านได้อ่านกันเพลินๆ อ่านจบแล้วอาจจะอยากไปซื้อไมโลเย็นๆมาดื่มกันสักกล่องก็เป็นได้
1. ไมโล เป็นเครื่องดื่มช็อกโกแล็ตผสมมอลต์แบบผงของบริษัท Nestlé พัฒนาสูตรในออสเตรเลียเมื่อปี 1934 โดย Thomas Mayne ซึ่งถูกโปรโมทให้เป็น energy drink
2. หลังพัฒนาสูตรอยู่นับปีจนได้รสชาติที่กลมกล่อม ไมโลก็ถูกผลิตและวางจำหน่ายไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
3. ช่วงปี 1930s ไมโลได้เพิ่มสารอาหารเข้าไปในผลิตภัณฑ์มากขึ้นในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เพราะเด็กส่วนใหญ่ได้รับสารอาหารต่อวันไม่เพียงพอ
4. ไมโล 100g ให้พลังงาน 412 kcal ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต
5. ความจริงแล้วคนที่ปรุงรสชาติของไมโลคือภรรยาของ Thomas Mayne เธอใช้เวลาประมาณ 1 ปีที่บ้านเพื่อทดลองและปรุงรสชาติของไมโลจนออกมาอร่อยที่สุดก่อนจะนำสูตรไปเข้ากระบวนการผลิตในโรงงาน
6. Milo Dinosaur คือสูตรการชงไมโลแบบมาเลเซียซึ่งเป็นต้นกำเนิดไมโลภูเขาไฟในบ้านเรา
7. หลายครั้งที่เราชงไมโลแล้วจะสังเกตได้ว่าไมโลละลายไม่หมด จะมีผงไมโลที่จับตัวเป็นก้อนลอยอยู่บนผิวหน้าซึ่ง Thomas Mayne พยายามอย่างยิ่งเพื่อปรับปรุงสูตรให้ไมโลสามารถละลายได้หมดเวลาชง แต่เขากลับพบว่าลูกค้าโดยเฉพาะเด็กๆชอบกินผงไมโลที่ลอยจับตัวกันบนผิวมาก
image: wikipedia
8. ไมโลปริมาณ 15 ช้อนชาต่อวันสามารถทำให้คนเสพติดมันได้ ซึ่งไม่ใช่กับเฉพาะไมโล แต่การเสพติดสามารถเกิดขึ้นได้กับอาหารทุกชนิดที่มีส่วนผสมของ cocoa เพราะสาร theobromine และ xanthine alkaloid ในเมล็ดโกโก้ออกฤทธิ์คล้ายกับคาเฟอีน ซึ่งทำให้คนสามารถติดไมโลได้ไม่ต่างจากติดกาแฟ
9. แม้ไมโลจะกำเนิดในออสเตรเรีย แต่ประเทศที่บริโภคไมโลมากที่สุดในโลกคือ มาเลเซีย
10. ฟิลิปปินส์ มีผลิตภัณฑ์ Milo R2 เป็นไมโลสูตรพิเศษสำหรับผู้ใหญ่และนักกีฬา