อลิอันซ์ อยุธยา เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จจากการใช้ Social Media ในโครงการ Social Media for Sales เสริมแกร่งทีมขาย พร้อมให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลเต็มรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างตัวแทนฝ่ายขาย และลูกค้า เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการบริการลูกค้าผ่านสื่อออนไลน์ ตอกย้ำสโลแกน “การบริการที่เป็นเลิศ” เคียงข้างทุกจังหวะชีวิต พร้อมยึดตำแหน่งผู้นำด้านนวัตกรรมการตลาดด้วยการคว้า 2 รางวัลระดับโลกเป็นเครื่องการันตี ตั้งเป้าภายในปีนี้ตัวแทนฝ่ายขายที่เข้าร่วมโครงการให้ถึง 100 คน
คุณพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการ Social Media for Sales เป็นนวัตกรรมการขายประกันแบบใหม่ที่คิดค้นขึ้นมา เพื่อช่วยฝ่ายขายในการติดต่อและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในโลกออนไลน์ มาพร้อมกับเครื่องมือบริหารหน้าเพจแบบครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่ถูกต้องและตรงกัน
โดยจะมีทีมการตลาดดิจิทัลคอยจัดหาคอนเทนต์ต่างๆ ที่หลากหลาย และมีความต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบที่เป็นแบนเนอร์ รูปภาพ วิดีโอ อินโฟกราฟฟิก และอื่นๆ ซึ่งจัดเก็บอยู่ในห้องสมุดคอนเทนต์เพื่อให้ตัวแทนฝ่ายขายเลือกไปใช้สื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังมีการเปิดใช้งาน และฝึกอบรรมให้กับสมาชิกอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มทักษะให้พวกเขากลายเป็นตัวแทนฝ่ายขายโซเชียลมืออาชีพ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเพิ่มความถี่และคุณภาพในการติดต่อกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ โครงการ Social Media for Sales ได้มีการทดลองนำร่องมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 โดยมี Facebook Business Page อย่างเป็นทางการ นำเสนอว่า เป็นตัวแทนอลิอันซ์ อยุธยา พร้อมแนะนำให้กับตัวแทนที่เข้าใจเรื่องดิจิทัล เริ่มจากตัวแทนที่สนใจมีคุณสมบัติและมีศักยภาพในการใช้โซเชียลมีเดียเข้าร่วมโครงการนำร่องก่อน 27 คน ซึ่งผลสำเร็จของโครงการนี้เกิดความคาดหมาย สร้างผลงานภายใน 5 เดือน ณ เดือนธันวาคม 2557 โครงการฯ นี้สามารถสร้างเบี้ยประกันได้ถึง 1.2 ล้านบาท รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการขยายและสร้างทีมงานฝ่ายขายใหม่ๆ เข้ามาในธุรกิจได้ถึง 18 คน
โฉมหน้า 27 ตัวแทนที่เข้าร่วมโครงการ
ในส่วนของลูกค้าก็ให้คะแนนความพึงพอใจ เพิ่มขึ้นจาก 46% มาอยู่ที่ 58% จำนวนแฟนเพจเพิ่มขึ้น 33% จากเมื่อเริ่มโครงการมีแฟนเพจอยู่ที่ 6,643 คน เพิ่มขึ้นเป็น 28,771 คน อัตราส่วนการมีส่วนร่วม (Engagement Ratio) เพิ่มขึ้นจาก 5.1 มาอยู่ที่ 6.42 ปัจจุบันมีจำนวนฝ่ายขายที่อยู่ในโครงการ 95 คน ถือเป็นผลงานความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจของอลิอันซ์ อยุธยา เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้รับการยกย่องและเป็นแบบอย่างให้กับบริษัทอื่นๆ ของกลุ่มอลิอันซ์ เนื่องจากมีผลงานเป็นที่ 1 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
และอีกหนึ่งสิ่งที่พิสูจน์ความสำเร็จของโครงการ Social Media for Sales ก็คือ การคว้า 2 รางวัลใหญ่ระดับโลก คือ รางวัล Gold Stevie Winner ประเภท Online Marketing Campaign of the Year และรางวัล Fastest Growing Online Marketing in Thailand 2015 จาก Global Banking Award เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยเป็นแคมเปญการตลาดที่ใช้โซเชียลมีเดียช่วยในการติดต่อและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านออนไลน์ ซึ่งเป็นบริษัทแรกและแห่งเดียวที่ใช้กลยุทธ์ดังกล่าวสนับสนุนการขาย ทั้งยังมุ่งให้ความรู้ และส่งเสริมให้ตัวแทนใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
คุณพัชรา กล่าวว่า เราใช้กลุ่มปิดของ Facebook เป็นเครื่องมือสื่อสารหลักที่เข้าถึงสมาชิกไดด้อย่างทั่วถึง และยังรักษาความเป็นส่วนตัวและมีความยืดหยุ่นสำหรับสมาชิก โดยมีการให้ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงาน ข่าวสารใหม่ๆ วาระในการประชุม การแบ่งปันความรู้ รางวัลและเกียรติยศต่างๆ รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับโครงการ ซึ่งสมาชิกทุกคนจะได้รับข้อมูลที่อัพเดทตลอดเวลา เป็นการใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นำไปสู่การบริการลูกค้าที่รวดเร็วทันใจ พร้อมข้อมูลที่ครบถ้วนทันต่อเหตุการณ์ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
สำหรับโครงการ Social Media for Sales คุณพัชรา ยังบอกอีกว่า อลิอันซ์ ไม่ไดต้องการให้ตัวแทนขายประกันผ่าน Facebook แต่ต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า การขายได้ ก็ถือเป็นผลพลอยได้จากโครงการมากกว่า การให้ตัวแทนมี Official Page ก็เพื่อแสดงความโปร่งใส และสร้างความสนิทสนม ซึ่งตัวแทนทุกคนก็ต้องปฏิบัตตามกฏระเบียบร่วมกัน
จากความสำเร็จที่ผ่านมา ทำให้เรามั่นใจว่าโครงการ Social Media for Sales จะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่สามารถต่อยอดได้อีกมากมาย และเราจะมุ่งมั่นพัฒนากลยุทธ์ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อไป โดยใช้ประโยชน์จากช่องทางสื่อออนไลน์ให้เต็มรูปแบบเพื่อประโยชน์ที่ทุกฝ่ายจะไดรับ ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนฝ่ายขาย รวมไปถึงลูกค้าก็จะมีช่องทางสื่อสารกันสะดวกขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการเพื่อการตัดสินใจที่เร็วขึ้น โดยตั้งเป้าจะเชิญชวนตัวแทนเข้าร่วมโครงการให้ได้ 100 คนภายในปีนี้ และขยายเป็น 500 คนภายในปี 2016 รวมถึงต้องทำผลงานของทั้ง 3 ประเทศ (อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย) ให้ดีกว่าประเทศในฝั่งยุโรปให้ได้ โดยการสนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน เน้นสร้างบรรยากาศความสนุกสนาน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการทำงาน