Millennials Generation นั้นเป็นกลุ่มคนวัยสำคัญที่หลาย ๆ แบรนด์ และ นักการตลาดนั้นต้องการเข้าไปจับจองพื้นที่ในหัวใจของกลุ่มคนเหล่านี้ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่มีพลัง มีการค้นหา มีการกระจายของความยากและบอกต่อสูงมาก และสร้างพลังให้แบรนด์ได้อย่างมาก การสื่อสารหนึ่งที่เกิดขึ้นในเมืองนอกและเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้คือ การสื่อสารด้วย Emoji หรือการส่งข้อความรูปให้กันและกันในเมืองไทยเองก็เปรียบได้กับการส่ง Sticker วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องนี้ร่วมกัน
Emoji นั้นแปลได้อย่างตรงว่าข้อความรูปภาพ ซึ่งกำเนิดโดย Shigetaka Kurita หนึ่งในทีมงาน NTT Docomo ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายผู้ให้บริการมือถือในญี่ปุ่น ในช่วงปี 1998-1999 โดยพัฒนา emoji ตรงนี้ในอำนวยความสะดวกในการสื่อสารของคนใช้บริการ และสร้างความแตกต่างให้กับค่ายเครือข่ายของมือถือตัวเอง และนับตั้งแต่นั้นมา Emoji ก็เติบโตในประเทศญี่ปุ่นและขยายออกสู่โลกกว้าง เด็กยุคใหม่ที่เกิดจากปี 2000 หรือที่เราเรียกกันว่า Millenials Generation นั้นก็โตมาพร้อม Emoji ตรงนี้ด้วย ทำให้กลุ่มคนพวกนี้คุ้นเคยและใช้ Emoji ในการสื่อสารมากกว่าทุกกลุ่ม และเมื่อมีความสำคัญมากขึ้น emoji นั้นได้ถูกรองรับเป็นมาตรฐานหนึ่งในการสื่อสารผ่านคอมพิวเตอร์ ผ่าน Unicode Consortium และได้ทำการปล่อย emoji จำนวน 2,834 อักษรภาพออกมาในปี 2014 ด้วย Emoji นั้นเป็นการสื่อสารในมือถือ ทำให้การสื่อสารผ่าน Emoji นั้นมีข้อดีร่วมกับการสื่อสารแบบตัวอักษรแบบพอดี เพราะการสื่อสารแบบตัวอักษรนั้นไม่มีอารมณ์ และสามารถทำให้เข้าใจผิดได้ผ่านตัวอักษร (ซึ่งหลาย ๆ คนคงจะเคยเจอปัญหานี้ทั้งผ่าน email, sms และ chat ต่าง ๆ) การใส่ emoji เข้าไปนั้นสามารถสร้างโทนหรืออารมณ์ของข้อความนั้นได้ หรือลดอารมณ์รุนแรงของข้อความนั้นได้ สร้างความรู้สึกบวกหรือลบผ่าน emoji ที่ส่งไป ซึ่ง emoji นี้ทำให้ข้อความนั้นมีอารมณ์และดูเป็นมนุษย์สื่อสารมากขึ้น แทนการเจอหน้าที่เราสามารถเห็นสีหน้า โทนของเสียง และกิริยาท่าทางต่าง ๆ ได้
ด้วยจำนวนมือถือนั้นมีมากขึ้นกว่าในอดีต เรียกได้ว่าเรามีมือถือกว่า 2 พันล้านเครื่องแล้ว ทำให้ Mobile Marketing นั้นมาแรงมากในการทำตลาด นักการตลาดหลาย ๆ คนเลยสนใจที่จะทำ Mobile Marketing เพื่อเข้าถึง Touchpoint ของคนหรือ consumer journey ให้มากขึ้น ประกอบกับกลุ่ม Millenials นี้คือกลุ่มที่ทำการตลาดยากของนักการตลาดหลาย ๆ คน การใช้ Emoji เพื่อทำ Marketing นั้นจึงกลายเป็นทางออกแบบหนึ่งสำหรับนักการตลาดในต่างประเทศ
Emoji เริ่มฮิตและใช้แพร่หลายมากขึ้น เมื่อระบบปฏิบัติการมือถือ นั้นเอา Emoji บรรจุเข้าไปใน Keyboard มือถือส่วนหนึ่ง ทำให้การใช้ emoji นั้นง่ายขึ้นกว่าในอดีตที่ต้องโหลด keyboard หรือ app emoji มาใช้ และตั้งแต่นั้นก็จะเริ่มเห็นการใช้ emoji สื่อสารในแบรนด์ต่าง ๆ ต่อวัยรุ่น แต่ Campaign ที่เด่น ๆ ในการใช้ emoji ที่ผ่านมานั้น จะเห็นได้จาก Coca Cola ที่ใช้ emoji นั้นมาส่งความสุขให้กับคนทั่วไป
httpv://www.youtube.com/watch?v=g9AxB9exTPE
นอกจาก Coca Cola ที่ทำการตลาดผ่าน Emoji แล้ว แบรนด์ที่ใช้ emoji ที่สร้างความฮือฮา และทำให้คนนั้นพยายามถอดรหัส เหมือนกันนั้นคือ Domino’s Pizza ในการส่งข้อความผ่าน Twitter ด้วย Emoji อย่างเดียวและเล่นกับแบรนด์อื่น ๆ ด้วยการสื่อสาร emoji ไปยังแบรนด์ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังให้ผู้บริโภค หรือแฟน ๆ ที่ติดตาม Domino’s Pizza น้ันสั่ง Pizza ผ่าน Emoji ได้ด้วย และ WWF นั้นก็ทำ Campaign ผ่าน Emoji ด้วยเช่นกัน ด้วยการให้คนที่สนใจบริจาคเงินนั้น สามารถบริจาคเงินผ่าน Emoji ได้ด้วยเช่นกัน IKEA นั้นเองก็เล่นกับกระแส Emoji ด้วยการออกชุด emoji ของตัวเองให้คนนั้นไปเล่นกัน โดยการสร้าง emoji ชุดนี้ของ IKEA นั้นเพื่อทำให้การสื่อสารภายในบ้านและครอบครัวนั้นดีขึ้น
httpv://www.youtube.com/watch?v=NtdLsJsObrU
การทำ Emoji นั้นสามารถสร้างกระแสได้มากมาย เช่น Twitter นั้นได้สร้าง emoji หลาย ๆ ประเภทเพื่อในโอกาสต่าง ๆ และคนนั้นเล่นอย่างมากมาย เช่น emoji Starwars เพื่อเฉลิมฉลองการกลับมาของภาพยนตร์ Starwars หรือ การสร้าง emoji สำหรับคนที่ส่งข้อความด้วย #lovewins ในช่วงที่ประกาศการแต่งงานของ LGBT นั้นถูกต้องตามกฏหมาย สำหรับนักการตลาดและนักโฆษณาก็คงได้เล่น #Canneslions ไปและ Twitter ก็สร้าง emoji สิงโต เพื่อร่วมเฉลิมฉลองงาน Cannes Lions International Festival of Creativity เช่นกัน
แต่หากจะตามกระแส emoji ตามต่างประเทศในไทยแล้ว ก็ต้องมีข้อที่ควรจะศึกษาก่อนทำดังนี้
- ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในการติดต่อสื่อสาร แบรนด์หรือนักการตลาดนั้นต้องเข้าใจว่าเทคโนโลยีหรือ Platform ใด ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, IG หรืออื่น ๆ นั้นกลุ่มเป้าหมายอย่าง Millenials นั้นใช้งาน เสพและส่งต่อกัน แล้วเทคโนโลยีเหล่านี้เหมาะกับ Emoji หรือมีการใช้ Emoji มากน้อยแค่ไหน
- คิดถึงเรื่อง “Mobile Marketing” ก่อน แม้ว่ามือถือนั้นจะมีอัตราการโตมากมาย แต่ใช้ว่าทุกเครื่องนั้นจะต่ออินเทอร์เนตทั้งหมด ก่อนที่แบรนด์หรือนักการตลาดจะใช้ Emoji ในการสื่อสาร ต้องศึกษาว่าจะทำยังไงให้การใช้งานนั้นเกิดขึ้นผ่านมือถือที่ต่ออินเทอร์เนต หรือให้เกิดการใช้งานผ่านอินเทอร์เนตขึ้นได้
- จับอารมณ์เพื่อการสื่อสาร จากการศึกษาเรื่องผู้บริโภคในปัจจุบัน การสื่อสารที่มีอารมณ์หรือการตลาดที่ส่งผ่านอารมณ์นั้นได้ผลดีกว่าโปรโมชั่น แบรนด์และนักการตลาดควรเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายนั้นสนใจอะไร และทำข้อความการตลาดให้เหมาะสมกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายนั้นสนใจจะส่งไป
- สร้างความง่าย เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ จากการที่ emoji นั้นเกิดขึ้นมา ทำให้นักการตลาดและแบรนด์นั้นได้เรียนรู้ว่า การสื่อสารที่ง่าย ๆ รวดเร็ว และเข้าใจได้ทันที นั้นเป็นสิ่งที่เข้าไปสู่ผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น แบรนด์ที่ชนะใจคนนั้นคือแบรนด์ที่สามารถส่งข้อความที่ง่ายแต่ Effective เข้าสู่คนได้นั้นเอง
- ทดสอบทุกอย่างก่อนลงตลาด emoji นั้นเป็นการทำตลาดที่เกิดขึ้นและเป็นการสื่อสารในหมู่วัยรุ่น แต่การสื่อสารแบบนี้ยังจำกัดอยู่ในคนกลุ่ม Millenials เท่านั้น และอาจจะไม่เหมาะกับคนทุกกลุ่ม การทำ Emoji Marketing นั้นควรจะทดสอบในกลุ่มคนที่เป็นเป้าหมายก่อน และศึกษาว่าวิธีไหนที่จะเป็นการทำการตลาดที่ดีต่อไป
แล้วถ้าตัดสินใจจะเริ่มทำ Emoji จะต้องสื่อสารแบบไหน นี้คือเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยคุณ
- ความชัดเจน การสื่อสารที่ง่าย ๆ อย่างเช่นที่บอกไปนั้นทำให้การสื่อสารผ่าน Emoji นั้นไม่มึนงง หรือสับสนได้ ทุกคนรู้ว่า emoji ที่สื่อสารนั้นหมายถึงอะไร
- จงเป็นนักบุกเบิกนวัตกรรม ถ้า emoji ช่วยสื่อสารเรื่องราวได้ การสามารถเอา emoji มาใช้ในด้านอื่น ๆ ได้ เช่นแคมเปญหรือกิจกรรมอื่น ๆ ได้ และแม้แต่การทำ Password ก็ได้
- จงเป็นนักสร้างสรรค์ เราสามารถใช้ emoji มาเพื่อสื่อสารในเรื่องต่าง ๆ หรือเป็นวิธีในการ execute creative idea ต่าง ๆ ได้ เช่น มูลนิธิสิทธิเด็กในสวีเดน ใช้ emoji เพื่อให้เด็กสื่อสารผ่านรูปภาพข้อความเหล่านี้เพื่อบรรยายสิ่งที่เค้าอยากจะบอก แต่บอกได้ยาก
- จงเป็นส่วนตัวและให้ผู้บริโภคได้สร้างสรรค์ สร้าง emoji ให้กับคนหรือ consumer เพื่อให้แสดงออกถึงความเป็นตัวเองได้ หรือหา emoji ที่บ่งบอกความเป็นตัวเองได้และสื่อสารผ่านผู้บริโภคด้วย emoji ที่เป็นตัวของตัวเองเข้าด้วยกัน จะทำให้เกิดการใช้งานและสื่อสารที่ทำให้เกิดการอยากลอง อยากส่งต่อมากมายต่อไป
httpv://www.youtube.com/watch?v=QPwaSrlW7hQ
Emoji นั้นเปรียบได้กับการตลาดด้วย Sticker ในปัจจุบันในประเทศไทย แต่แบรนด์นั้นสามารถเอา Emoji นี้มาเล่นผ่าน Platform ที่คนใช้อยู่ได้หลากหลาย และสร้างอารมณ์ของข้อความหรือเนื้อหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และสามารถสร้างอารมณ์ให้ข้อความที่ส่งหาผู้บริโภคได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามหากข้อความนั้นมีความซับซ้อนมากเกินไปก็อาจจะทำให้เข้าใจยาก หรือข้อความนั้นอาจจะไม่เหมาะกับทุกกลุ่มก็เป็นได้