หลังจากเดินทางผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 10 ปี “22 ตุลาคม 2552” คือวันที่ “วินโดว์ส 7” จะออกวางตลาดอย่างเป็นทางการทั่วโลก
Version ไม่ใช่แค่ OS ใหม่ที่แฟนพันธุ์แท้ไมโครซอฟท์ตั้งตารอ แต่เป็น version ที่ทั้งนักพัฒนา ISV หรือแม้แต่ผู้ใช้ทั่วไป หวังเห็นการเปลี่ยนแปลง และฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ทำให้ผู้เคยเมินการอัพเกรด Windows เวอร์ชั่นใหม่ยอมเทใจให้ … Windows 7
ย้ำนโยบายเปลี่ยนตามไลฟ์ไซเคิล
“ลิซ่า ลัม” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด, Microsot (ประเทศไทย) บอกว่า การเปิดตัว Windows 7 ครั้งนี้เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามอายุการใช้งานของโปรแกรม ปกติไมโครซอฟท์จะออก OS ใหม่ทุก 3 ปี และครั้งนี้ก็เช่นกันที่ “Windows 7” มีกำหนดเปิดตัวปี 2552 ตามหลังหลังรุ่นพี่ “Windows Vista” ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2549
“Windows 7 ออกมาเพราะถึงเวลาที่ต้องออกแล้วจริงๆ ไม่ใช่ทำออกมาเพื่อแก้จุดด้อยของ OS ไหน ซึ่งตั้งแต่เราเปิดตัว OS ตัวแรกคือ Windows 3.1 เมื่อราวๆ ปี 1990 นับถึงตอนนี้ Windows 7 ก็จะเป็น Generation ที่ 7 พอดี” ลิซ่า กล่าว
เธอบอกว่า OS เวอร์ชั่นใหม่ บริษัททำงานหนักขึ้น ตั้งแต่ทำวิจัยความต้องการผู้ใช้ เปิดช่องทางสื่อสารกับผู้บริโภคให้มากที่สุด เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้งานพอใจ
แน่นอนว่า ก่อนผลิตภัณฑ์จะสู่กระบวนการ OEM และวางตลาดจริง ไมโครซอฟท์ได้ส่งเวอร์ชั่น “ทดลอง” ที่เปิดกว้างให้ผู้ใช้งานจริงทุกคนสัมผัสก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งเฉพาะช่วงที่เปิดให้นักพัฒนา และบรรดา ISV มือโปร ดาวน์โหลดไปทดสอบตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีแล้วกว่า 3 ล้านคน พร้อมกับฟีดแบ็กกลับมายังบริษัททุกๆ 2 วินาที
ส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจกับ OS ตัวใหม่ แม้ว่าหลายคนจะมองว่า อินเทอร์เฟซต่างๆ บน Window 7 ดูหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับ OS ของคู่แข่งไม่น้อยทีเดียว
Netbook ก็ใช้ได้
สเปคเครื่องขั้นต่ำสำหรับ Windows 7ต้องบอกว่า ต่ำได้มากจริงๆ แค่ CPU ระดับ Pentium 4 หรือ ATOM พร้อมแ RAM 1 กิะไบต์ และHarddisk 16 กิกะไบต์ ก็สามารถใช้ Windows 7 ได้สบายๆ นั่นหมายความว่า ผู้ใช้งานก็สามารถใช้ OS ดังกล่าวกับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก หรือ Netbook ได้เช่นกัน ขณะที่แบตเตอรี่ใช้งานนานขึ้น 10-15%
ผู้บริหารไมโครซอฟท์ อธิบายว่า เพราะ OS ใหม่ออกแบบระบบให้ใช้หน่วยความจำเครื่องแบบไดนามิก ระบบจะไม่จองพื้นที่บนหน่วยความจำไว้ล่วงหน้าสำหรับโปรแกรมที่เลือกขึ้นมารอใช้งาน แต่จะใช้พื้นที่จริงๆ เมื่อมีการเรียกใช้งานโปรแกรม Windows เท่านั้น ช่วยประหยัดพลังงานได้ระดับหนึ่ง รวมถึงช่วยเพิ่มความเร็วในการเปิด และปิดเครื่องได้ทันใจผู้ใช้มากยิ่งขึ้น
ไฮไลต์ฟีเจอร์ใหม่
คุณสมบัติใหม่ๆ บน Windows 7 หลักๆ เป็นการอุดช่องโหว่ที่ได้รับเสียงติติงมาจากครั้งเปิดตัววิสต้า ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวของการใช้ account “User Account Control (UAC)” ซึ่งเป็น Pop up สร้างความรำคาญให้ผู้ใช้วิสต้าค่อนข้างมาก แต่เวอร์ชั่นใหม่จะให้สิทธิผู้ใช้กำหนดระดับการแจ้งเตือนได้ตามต้องการ
นอกจากนี้ ยังปรับปรุง user interface ใหม่ ให้ใช้งานได้แค่คลิกเดียว เช่น ฟังก์ชั่น “จัมพ์ลิสต์” เมื่อคลิกขวาที่โปรแกรมที่ต้องการใช้งานเพียงครั้งเดียว ระบบจะดึงไฟล์ที่ถูกเปิดบ่อยขึ้นมาให้เลือก ลดความยุ่งยากในการเข้าถึงไฟล์ หรือโปรแกรมที่ต้องการ รวมทั้งการพัฒนา Task bar ใหม่ เพื่อจัดกลุ่มแอพพลิเคชั่น หรือโปรแกรมที่ต้องการให้อยู่ในที่เดียวกัน เพื่อง่ายต่อการเรียกใช้งาน
ขณะที่ผู้ใช้ยังสามารถอัพเกรด Windows เวอร์ชั่นสูงกว่าได้เร็วและง่ายขึ้น โดยไม่มีผลกระทบต่อไฟล์ แอพพลิเคชั่น หรือการตั้งค่าเดิมของเครื่อง ในเวลาการอัพเกรดน้อยกว่า 10 นาที
ขณะที่ cool feature ที่สาวก Windows ตัวจริงไม่ควรพลาดเลยก็คือ ฟังก์ชั่น “Windows Shake” หรือการเขย่าหน้าจอด้วยเมาส์ เพื่อเปิด-ปิด หรือรวบโปรแกรมที่ยังไม่ต้องการใช้งานไว้บน Task bar แทนการย่อ-ขยายหน้าต่างแบบเดิม
นอกจากนี้ยัง OS ใหม่ยังมีฟังก์ชั่นการจัดแบ่งหน้าจอออกเป็นส่วนๆ สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการดูข้อมูลเปรียบเทียบจากไฟล์ต่างกัน โดยไม่ต้องย่อโปรแกรม หรือเปิดปิดไฟล์บ่อยๆ
แฟนคลับเทใจให้เลข “7”
เหล่าแฟนคลับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะตามเว็บบอร์ดในเว็บไซต์ต่างๆ ของไทยหลายคน ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า วินโดว์ส 7 เป็นระบบที่พัฒนาต่อขึ้นมาจากวิสต้า ที่ปรับความเสถียรจนเป็นเลิศ และเห็นว่า Windows คือ ลูกผสมระหว่างความเสถียรของ XP และลูกเล่นเด็ดๆ ของVista…
ขณะที่ “XP” เหมาะสำหรับคนที่ยังพอใจของเดิม คอมพิวเตอร์มีอายุการใช้งานมากกว่า 3-5 ปีแล้ว ส่วน “Vista” เหมาะสำหรับคนที่ซื้อคอมพิวเตอร์ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะซีพียูในรุ่นหลังๆ มีพลังเหลือเฟือในการประมวลผลวิสต้า
โดยสรุปแล้ว หลายคนเห็นว่า Windows 7 เหมาะสำหรับคน 2 แบบ
- 1. ใช้ XP อยู่ และอยากลอง Windows 7 (ข้าม Vista ไปเลย)
- 2. ใช้ Vista สักพักแล้วอยากเปลี่ยนเป็น Windows 7 (อันนี้แนะนำ)
“ฟังก์ชั่นการใช้งาน Windows 7 ครอบคลุมทุกอย่าง ดูเป็นเชิงสัมผัสมากขึ้น ทำงานสะดวก ใครเคยใช้วิสต้าจะรู้สึกว่าตัวโอเอสดูใหญ่ กินทรัพยากรเครื่อง แต่เวอร์ชั่น 7 ไมโครซอฟท์พยายามผนวกฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เข้ากับชีวิตประจำมากขึ้น ใช้งานง่ายกว่าวิสต้าเยอะ” แฟนคลับ คนหนึ่งให้ความเห็น
Source: กรุงเทพธุรกิจ