อินเทล คอร์ปอเรชั่น เผยโฉมผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นล่าสุดที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้งาน พร้อมจะช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในวงการการประมวลผลสามารถต่อยอดสู่ธุรกิจโฉมใหม่ โดยนายเคิร์ก สกาวเก้น รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจพีซีของอินเทลกล่าวเปิดงานคอมพิวเท็กซ์ 2015 โดยได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการในไต้หวันเข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อคว้าโอกาสในการกำหนดทิศทางแห่งอนาคตของวงการคอมพิวเตอร์
นายสกาวเก้นกล่าวว่า “กฎของมัวร์เป็นพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมคอมพิวเตอร์อันน่าอัศจรรย์มาแล้วกว่า 50 ปี และกฎนี้จะทำให้อุปกรณ์แทบทุกชนิดในอนาคตมีศักยภาพในการประมวลผลและเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ ความร่วมมือระหว่างอินเทลและพันธมิตรในไต้หวันตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เป็นที่มาของนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงโลกมากมาย นับตั้งแต่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปจนถึงคลาวด์และดาต้า เซ็นเตอร์ และสำหรับอีก 30 ปีข้างหน้านั้น เราพร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ล้ำสมัยยิ่งกว่าเดิม เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ในรูปแบบใหม่ ทั้งยังนำเสนอเทคโนโลยี Internet of Things ที่ทั้งชาญฉลาดและสอดประสานกับชีวิตได้เป็นอย่างดี”
ในโอกาสนี้ นายสกาวเก้นได้เผยถึงวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มที่จะเปลี่ยนวิสัยทัศน์นี้ให้กลายเป็นความจริง และผนึกนวัตกรรมอัจฉริยะต่างๆ เข้ากับทุกด้านของชีวิต
ข่าวสารเทคโนโลยี Internet of Things (IoT):
• อินเทลได้ประกาศขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ตระกูลIntel® IoT Gateway (อินเทล® ไอโอที เกทเวย์) ซึ่งการออกแบบล่าสุดที่เพิ่มขึ้นนี้ จะรองรับชิปประมวลผลและซอฟต์แวร์ที่กว้างขวางขึ้น รวมถึงเกตเวย์ที่ใช้โปรเซสเซอร์ในตระกูลอินเทล® คอร์TM และแพลตฟอร์มอุปกรณ์อัจฉริยะ Wind River* Intelligent Device Platform XT 3 ทั้งยังมีรูปแบบแพ็คเกจที่เป็นทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานโดยที่ไม่ต้องลงทุนสูง
• นอกจากนี้ ฮาร์ดแวร์ที่พัฒนาขึ้นภายใต้มาตรฐาน Intel® IoT Gateway นี้ ยังรองรับระบบปฏิบัติการ Ubuntu Snappy Core จาก Canonical* เพิ่มเติมเป็นอีกหนึ่งทางเลือก นอกเหนือจากระบบปฏิบัติการของ Microsoft* และ Wind River ที่เดิมรองรับอยู่แล้ว
• สำหรับโซลูชั่น IoT ที่พร้อมใช้งานทันที โดยเฉพาะในธุรกิจค้าปลีกและบริการทางการแพทย์ อินเทลก็ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ในตระกูล Intel® Pentium®, Intel® Celeron® and Intel® Atom™ (อินเทล® เพนเทียม®, อินเทล® เซเลรอน® และอินเทล® อะตอม™) รุ่นใหม่ ที่มีสมรรถนะด้านกราฟฟิกสูงแต่ใช้พลังงานต่ำ ทั้งยังปรับแต่งมาเป็นพิเศษเพื่อการใช้งานในรูปแบบ IoT โดยจะมีการผลิตเพื่อรองรับการใช้งานตลอดระยะเวลา 7 ปีข้างหน้านี้
ข่าวสารนวัตกรรมคอมพิวเตอร์และแพลตฟอร์ม:
• อินเทลได้เปิดตัวโซลูชั่น อินเทล® ยูไนต์TM (Intel® Unite) เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจในด้านการติดต่อสื่อสาร ประสานงาน และการประชุม ให้ทั้งสะดวกสบาย มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ายิ่งขึ้น ด้วยโซลูชั่นนี้ ห้องประชุมแบบเดิมๆ จะสามารถยกระดับขึ้นเป็นห้องประชุมออนไลน์อัจฉริยะที่มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างแข็งแกร่ง เพียงติดตั้งคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้ชิปประมวลผล อินเทล® คอร์TM วีโปรTM (Intel® Core™ vPro™) พร้อมด้วยแอพพลิเคชั่น Intel Unite บนอุปกรณ์ต่างๆ เท่านั้น
• เทคโนโลยี ธันเดอร์โบลท์TM (Thunderbolt) ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยมาตรฐานธันเดอร์โบลท์™ 3 ที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถใช้พอร์ทเพียงช่องเดียวในการเชื่อมต่อกับทั้งอุปกรณ์ธันเดอร์โบลท์ จอแสดงผลทุกรูปแบบ และอุปกรณ์ USB นับล้านชิ้น ด้วยสายเคเบิลเพียงเส้นเดียวที่ถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่าสายเคเบิลมาตรฐานอื่นถึง 4 เท่าตัว รองรับแบนด์วิธวิดีโอสูงกว่าถึง 2 เท่า และยังทำหน้าที่จ่ายพลังงานได้อีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ Thunderbolt 3 รองรับการใช้งานได้หลายรูปแบบ ทั้งวิดีโอความละเอียดระดับ 4K ฐานเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ชาร์จไฟได้ กราฟฟิกการ์ดแบบติดตั้งภายนอกเครื่อง และการเชื่อมต่อเครือข่ายระดับ 10GbE ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยี Thunderbolt 3 จะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงสิ้นปี 2558 นี้เป็นต้นไป
• โปรเซสเซอร์ในตระกูลอินเทล คอร์ เจนเนอเรชั่น 5 รุ่นล่าสุดในวันนี้จะมีชิปประมวลผลซ็อกเก็ต LGA สำหรับเครื่องเดสก์ท็อปรุ่นแรกที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟฟิกและมัลติมีเดียที่ทรงพลังที่สุดของอินเทลอย่าง ไอริสTM โปร (Irs™ Pro) โดยค่า TDP ที่ลดระดับลงมาอยู่ที่ 65 วัตต์ จะช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กและบางเบา เช่นเครื่องมินิพีซีหรือออลอินวัน มีสมรรถนะที่สูงเทียบเท่าพีซีขนาดใหญ่ ประมวลผลภาพกราฟฟิกสามมิติได้เร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่าตัว แปลงไฟล์วิดีโอได้เร็วขึ้นร้อยละ 35 และจัดการกับงานคิดคำนวณต่างๆ ได้เร็วขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับชิปประมวลผลในรุ่นก่อน หน้า1
• นอกจากนี้อินเทลยังได้เปิดตัว โปรเซสเซอร์ในตระกูล Intel® Core™ Generation 5 สำหรับอุปกรณ์พกพาและ IoT ที่มีหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Intel® Iris™ Pro เช่นกัน เพื่อให้คอเกมและนักสร้างสรรค์คอนเทนท์มืออาชีพสามารถทำงานและเล่นสนุกได้ทุกที่ ด้วยโปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังด้วยหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Iris Pro 6200 ซึ่งมีสมรรถนะการทำงานคิดคำนวณและงานกราฟฟิกสามมิติสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่าตัว2 นอกจากนี้ ชิปรุ่นล่าสุดนี้ยังเหมาะกับอุปกรณ์ IoT ที่ใช้งานในเชิงการแพทย์ งานโยธาธิการ และภาคอุตสาหกรรม ด้วยคุณสมบัติเด่นมากมายสำหรับแพลตฟอร์ม IoT ทั้งการรองรับหน่วยความจำแบบ ECC และเทคโนโลยี อินเทล® วีโปรTM (Intel® vPro™) โดยจะมีการผลิตเพื่อรองรับการใช้งานตลอดระยะเวลา 7 ปีข้างหน้า
• อินเทลและทาร์กัส* ประกาศความร่วมมือเพื่อยกระดับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แบบไร้สายด้วยการร่วมพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายภายใต้มาตรฐาน Rezence นอกจากนี้ อินเทลยังมีข้อตกลงกับบริษัท ไฮเออร์* จากประเทศจีน เพื่อติดตั้งระบบชาร์จไร้สายในร้านอาหาร โรงแรม ร้านกาแฟ และสนามบินทั่วประเทศจีนในปีนี้ ส่วนองค์กรที่เป็นสมาชิกกลุ่ม A4WP (Alliance for Wireless Power) อย่าง Foxconn Interconnect* Basecom* BYD* และ Primax* ก็ตกลงร่วมมือกับ อินเทลเพื่อเปิดตัวระบบชาร์จไร้สายออกสู่ตลาดภายในปีนี้เช่นกัน
ข่าวสารเกี่ยวกับดาต้า เซ็นเตอร์:
• อินเทลได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ในตระกูล Intel® Xeon® processor E3-1200 v4 (อินเทล® ซีออน® E3-1200 v4) ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ในตระกูลซีออนรุ่นแรกๆ ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Intel® Iris™ Pro P6300 ชิปในซีรีส์นี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบ 14 นาโนเมตร และออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานประเภทกราฟฟิกและคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบ เช่นการแปลงสัญญาณวิดีโอความละเอียดสูง หรือการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับทำงานในการทำงานแบบทางไกล โดยมีสมรรถนะในการแปลงสัญญาณวิดีโอและการทำงานกราฟฟิก 3-D สูงกว่าชิปรุ่นก่อนหน้าสูงสุดราว 1.43 และ 1.84 เท่าตัวตามลำดับ