ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะจับ “แบรนด์” และ “ครีเอทีฟ” มาเจอกันบนเวทีเดียว ซึ่งงานล่าสุดที่จัดให้ตัวแทนของทั้งสองฝ่ายมาเจอกัน ในงาน “Youtube Pulse” จัดโดย GoogleThailand เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ เมืองไทย จีเอ็มเอ็มไลฟ์เฮาส์ ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งได้รับความสนใจจากหลากหลายแบรนด์ เอเจนซี่ และมีเดีย มากมาย โดยเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนแบ่งปันประสบการณ์การทำงาน ในการใช้ Youtube ในฐานะแพล็ตฟอร์มสำคัญในการทำงานมาร์เก็ตติ้งบนโลกออนไลน์
“บุญสืบ จันทร์แจ่มศรี” ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารการตลาด ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ตัวแทนแบรนด์ที่โดดเด่นในการทำการตลาดและแบรนดิ้งผ่าน Youtube ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก กล่าวถึงแนวคิดที่ทำให้ผลงานหลายชิ้นได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค ว่า สิ่งที่ยูทูบให้เราได้มากกว่าทีวีก็คือ เวลา เพราะว่าเราไม่ถูกจำกัดตรงนี้ ดังนั้น ถ้าทำงานในเชิงอีโมชั่นนัลจะได้ผลดีกว่าในทีวี นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่เรียนรู้จากยูทูบคือ users ชอบความ Real อาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจรงิกับลูกค้า หรือเป็นอินไซด์ของผู้บริโภค จะได้รับการตอบรับดีมากๆ
“เราได้รับคำแนะนำจากกูเกิ้ลว่า ในการพัฒนาคอนเท้นต์ 3H ด้วยกันได้แก่ 1.How to ด้วยความที่แบรนด์ของเราเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดังนั้น การทำ How to จึงสำคัญมากที่จะทำให้ผู้บริโภคเข้าใจวิธีการใช้งาน และเห็นความสำคัญว่ามันช่วยทำให้ชีวิตของเขาง่ายขึ้น 2.Hub เป็นการแนะนำสินค้าตัวใหม่ของเรา อย่างโฆษณาล่าสุดของคุณโอปอลล์ ก็ประสบความสำเร็จมากเช่นกัน 3.Hero Content ตรงนี้เราทำแบรนดิ้งอย่างเดียว โดยทำทั้งแบบตลกและอีโมชั่นนัล ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราเน้นในวิดีโอ คอนเท้นต์บนยูทูบ”
สิ่งสุดท้ายที่ “บุญสืบ” เน้นก็คือ “KPI” โดยระบุว่า เราจะเช็คเคพีไอตลอดเวลา ส่วนเรื่องวิวเราก็สนใจแต่ให้ความสำคัญเป็นอันดับรองๆ ลงมา โดยเราจะพิจารณาไปที่ไลก์กับดิสไลก์ เราโพสต์ลงไปแล้วเราดูว่ามีดิสไลก์คิดเป็นไลก์กี่เปอร์เซนต์ รวมทั้งคอมเม้นต์ด้านล่างเราอ่านทุกคอมเม้นต์ ที่พูดถึงว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร และนำมาใช้ตลอด ซึ่งทั้งหมดนี้มันอาจจะบอกไม่ได้ว่าเป็นสูตรสำเร็จหรือไม่ แต่บอกได้ว่าเป็นแนวทางที่เราทำมาตลอด
ด้าน “ภาวิต จิตรกร” กรรมการผู้จัดการบริษัท Ogilvy & Mather ประเทศไทย ได้กล่าวถึงการผลิตวิดีโอ คอนเท้นต์อย่างไรให้ประสบความสำเร็จมานักต่อนัก ว่า คีย์แรกเลย คือเราไม่ได้ทำงานแข่งกับคู่แข่งของแบรนด์ลูกค้า แต่เราทำงานแข่งกับ ‘ความสนใจของผู้บริโภค’ ว่าตอนนี้คนสนใจอะไร นั่นคือหน้าที่ของเอเจนซี่ต้องเข้าใจและทำให้ได้ คีย์ที่สองคือ การตั้งคำถามที่ถูกต้องกับแบรนด์ เช่น เราทำแคมเปญให้กับออฟฟิศเมท การทำให้แบรนด์ให้ออฟฟิส เมท ถามว่าใครจะสนใจเครื่องใช้สำนักงาน แล้วมีใครรู้บ้างว่าจริงๆ แล้วแบรนด์นี้เค้าขายของมากกว่านั้น เช่น ไม้ถูพื้น เครื่องชงกาแฟ เราจึงไปจับคำถามว่าอะไรคือความสนใจของคนในวันนี้
“เรากำลังจะเอาแบรนด์ที่รักของลูกค้าเรา เข้าไป interrupt วิถีชีวิตของพวกเขา มันไม่เหมือนยุคเดิมที่เราบังคับเขาดู เมื่อเราเข้าไป interrupt เราก็ต้องแสดงออกอะไรบางอย่างที่ผู้บริโภครู้สึกได้ในการที่เราเข้าไปแทรกแซง ผมไม่คิดว่าเราจะต้องแอบซ่อน หรือหลบซ่อนแบรนด์ ไม่ต้องพยายามเนียนมากในการที่จะเอาแบรนด์เข้าไป engage กับคน หลายๆ คนก็คงรู้ว่าพี่จะมาโฆษณาแหละ แต่ว่าจะทำอย่างไรให้คนรู้สึกได้ว่า นี่คือวิธีที่มา interrupt เขา และเขาก็รู้สึกอยากที่จะเข้ามามีส่วนร่วม เพราะอุตส่าห์ดู อุตส่าห์มีคอนเวอร์เซชั่น อุตส่าห์แชร์ ถ้าไม่ได้วางกลยุทธ์ไว้ไม่มีทางที่จะทำให้เกิดมีแอคชั่นกับแบรนด์ได้”
ทั้งหมดนี้คือยุทธศาสตร์ที่ทั้งจากฝั่งแบรนด์และเอเจนซี่ได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความสำเร็จ จากการทำงานบนแพล็ตฟอร์มยอดนิยม Youtube ซึ่งแม้ว่าไม่ได้มีสูตรหรือหลักตายตัวอันแท้จริงว่าทำแบบไหน อย่างไรแล้วถึงจะประสบความสำเร็จ แต่วิธีการคิดจากทั้งตัวแทนแบรนด์และเอเจนซี่ คงพอทำให้เข้าใจธรรมชาติของผู้บริโภคที่มีต่อ Youtube มากขึ้น.
