ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กรุ่นมิลเลนเนียลกำลังเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจปัจจุบันซึ่งทำให้คนรุ่นพ่อที่ตอนนี้ก้าวไปสู่ตำแหน่งบริหารสำคัญๆ ต้องปวดหัวกับการปกครองเด็กยุคมิลเลนเนียล พวกเขารั้น พวกเขาดื้อ พวกเขาเอาแต่ใจ หรือเป็นคนมีจุดยืนหนักแน่นของตัวเอง ชอบความท้าทาย และไม่ยึดติดกับความมั่นคงกันแน่นะ?
ต่อไปนี้เป็น 5 สิ่งที่เด็กชาวมิลเลนเนียลต่างจากยุคก่อนๆ ครับ
1.พวกเขาไม่เชื่อเรื่องประเพณีหรือการยึดติดกับสถานที่
เด็กยุคใหม่ไม่รู้แล้วว่าห้องแต่ล่ะห้องมีความสำคัญอย่างไร ห้องทานข้าวก็สามารถนำสมาร์ทโฟนไปดูหนังได้ ห้องสมุดก็สามารถนำแท็บเล็ตไปนั่งเล่นเกมได้ ห้องดูหนังก็สามารถเอาหนังสือเข้าไปอ่านได้ สรุปได้ว่าเด็กยุคใหม่ไม่ยึดติดกับการต้องเข้าออฟฟิศเพื่อทำงานของตนเอง ต้องขอบคุณโลกแห่ง Wi-Fi และ 3G ที่ทำให้เขาสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา
2.พวกเขาไม่เชื่อเรื่องการต้องเจอหน้ากันเพื่อปฏิสัมพันธ์อีกต่อไปแล้ว
ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ชอบเข้าสังคม พวกเขาแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องเสียเงินค่าเดินทาง อาหารเพื่อมาพบกันตัวเป็นๆ ด้วยล่ะ นี่แหละผลกระทบของเทคโนโลยีต่อมนุษย์ของจริง อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีที่พวกเขามีอยู่ในมือบวกกับวิธีการสื่อสารที่เจ๋งเป้ง ประสิทธิภาพในการทำงานของพวกเขาสูงกว่ารุ่นก่อนพอสมควร
…ก็ไม่ต้องเสียเวลาขึ้นรถลงเรือนี่
3.พวกเขาเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่ได้อยู่ในกระดาษ
คนสมัยก่อนชอบยึดปริญญาบัตรเป็นที่ตั้ง คิดว่าพวกเขาจะได้งานหรือไม่ได้งานขึ้นอยู่กับพวกมันแต่เด็กรุ่นใหม่บอกว่าพวกเขาอยากเรียนรู้อะไรจากบริษัท ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่แคร์ปริญญาแต่พอมาในเรื่องของการทำงานพวกเขาแคร์ว่าอะไรเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากเรียนรู้มากกว่า โลกทัศน์ของคนยุคใหม่คือการเรียนรู้ไม่สิ้นสุดและพร้อมจะโดดไปเรียนคอร์สออนไลน์ ฝึกงานที่ตัวเองสนใจ
4.พวกเขาชอบเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น
คนรุ่นใหม่อยากเรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์ตรงในสิ่งที่เขาต้องการเสียมากกว่า คำว่า ‘pick the brains’ หรือการขโมยความรู้จากคนอื่นมาใส่ในหัวตัวเองเป็นสิ่งที่เด็กยุคใหม่ทำอยู่เสมอ พวกเขาเบื่อกับการต้องมานั่งเข้าห้องเรียนและฟังจากปากพวกผู้เชี่ยวชาญที่ทำธุรกิจเองก็เจ๋งนั้นแหละ
5.พวกเขาเชื่อในชีวิต ไม่ใช่การบาลานซ์ชีวิตและงาน
คนรุ่นใหม่ไม่ได้อุทิศชีวิตให้งานแล้วนะ พวกเขาดีไซน์ชีวิตตัวเองโดยมีงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตต่างหาก ในโลกของพวกเขามี ขณะที่พวกผู้ใหญ่พูดว่า “โลกในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร” แต่เด็กรุ่นใหม่พูดว่า “ชิวิตของฉันจะดีไซน์มันว่าอย่างไร” พวกเขาไม่คิดว่าต้องตามกระแสโลกแต่พวกเขาจะทำให้โลกกลายมาเป็นกระแสของตัวเอง
อีกมุมมองใหม่ของเด็กๆ ที่ผู้ใหญ่อาจละเลย อืม น่าสนใจไหมล่ะคุณ…