GrabTaxi สิงคโปร์ เพิ่งประกาศไปเมื่อเร็วๆ นี้ว่าจะเปิดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นเงินทั้งสิ้น 2.79 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อเป็นสวัสดิการให้กับพนักงานขับรถ ซึ่งทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานการบริการที่สูง
สำหรับกองทุนดังกล่าวมาจากเงินลงทุนโดยตรง ซึ่ง Grab Taxi จะได้รับในทุกๆ 14 เดือน ซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 340 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
“สวัสดิการให้กับพนักงานขับรถนี้จะเป็นแรงจูงใจที่สำคัญ เพราะเรารู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่พนักงานขับรถต้องการอย่างแท้จริง” Lim Kell Jay ผู้จัดการทั่วไป GrabTaxi สิงคโปร์กล่าว และว่า โดยสวัสดิการดังกล่าวจะครอบคลุมทั้งค่ายา ค่าอุบัติเหตุ และค่าวิกฤตต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหากคุณทำงานดีคุณจะก็จะได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทนกลับไป”
ทั้งนี้ GrabTaxi จะฝากเงินเข้ากองทุนทุกๆ เดือน เดือนละ 240 ดอลล่าร์สหรัฐให้กับพนักงานแต่ละคน ซึ่งจะทำให้งานบริการบรรลุเป้าหมายตามมาตรฐานที่วางไว้ โดยกำหนดยอดไว้ว่าพนักงานขับรถหนึ่งคนจะมีสิทธิใช้เงินจากกองทุนดังกล่าวนี้ได้ประมาณ 2,879 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปี
สำหรับ GrabTaxi นับว่าเป็นbooking apps ขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอับดับ 3 ของสิงคโปร์ ซึ่งตอนนี้มีพนักงานขับรถอยู่ราว 6 หมื่นคน และยังมีแผนขยายเครือข่ายออกไปอีก โดยตั้งเป้าที่จะเป็นแอพฯแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์
นอกจากนี้ ความนิยมการใช้ Grab taxi มีสูงมาก ถึงขนาดที่ว่ามีการบุ๊กกิ้ง 6 ครั้งต่อวินาทีในแต่ละภูมิภาค และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้คนใช้บริการแอพฯ นี้อย่างน้อยเดือนละครั้งถึง 620,000 คน
“นี่คือจุดเริ่มต้นของพวกเราที่จะก้าวและเติบโตต่อไปร่วมกับเครือข่ายในสิงคโปร์” Kell Jay กล่าวและว่า เราตระหนักอย่างเต็มเปี่ยมี่ว่าพนักงานขับรถของเรานั้นทำงานหนักและทำงานต่อชั่วโมงยาวนาน ดังนั้น กองทุนนี้จะนำมาซึ่งโอกาสให้กับพวกเราเพื่อเป็นการขอบคุณถึงผลงานอันดีเลิศของเหล่าพนักงานขับรถ.
