ในยุคการใช้งานดิจิตอลและไลฟ์สไตล์ออนไลน์ของคนยุคปัจจุบัน ทำให้นักการตลาดต้องทำงานหนักขึ้น ละเอียดมากขึ้น และตอบสนองผู้บริโภคหรือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและทันใจมากขึ้น โดยจะเลือกใช้วิธีการบริหารแบรนด์ในแบบเดิมๆ ก็คงไม่ทันการ เพราะปัจจุบันผู้บริโภคเลือกที่จะสื่อสาร เสพเนื้อหา ผ่านสื่อออนไลน์เป็นประจำ ไม่เพียงแค่มีจำนวนผู้ใช้งานออนไลน์ที่มากขึ้น หรือช่องทางที่มากขึ้น แต่เป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และสื่อออนไลน์กำลังจะกลายเป็นปัจจัยการใช้ชีวิตที่ขาดไม่ได้อีกแล้ว ทำให้นักการตลาด นักโฆษณา และเจ้าของแบรนด์สินค้าจำต้องย้ายตัวเองเข้ามาเป็นผู้ใช้สื่อออนไลน์ด้วยเช่นกัน ทั้งการจัดกิจกรรมทางการตลาด การนำเสนอสินค้า และการทำโฆษณา ก็จำต้องใช้สื่อออนไลน์ในการเข้าถึงผู้บริโภค
พฤติกรรมอีกอย่างที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค คือ “การเลือกที่จะเข้าถึงแบรนด์”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากเราต้องการตำหนิ หรือแสดงความพึงพอใจกับแบรนด์สินค้า เราก็จะเลือกติดต่อกับแบรนด์ผ่านสำนักงานใหญ่ อาจจะเป็นทางจดหมายที่เขียนอย่างเป็นทางการ หรือทางโทรศัพท์ ส่วนจะได้รับการตอบกลับจากทางแบรนด์สินค้าหรือไม่นั้น อันนี้ก็แล้วแต่ปัญหาของแต่ละคนคืออะไร หรือบางคนก็แล้วแต่ดวง
พฤติกรรมผู้บริโภคในวันนี้ แน่นอนว่าผู้บริโภคในวันนี้ มีวิธีเข้าถึงแบรนด์ที่แตกต่าง และในบางเคสสามารถทำให้แบรนด์เกิดอาการนอนไม่หลับได้ เพราะผู้บริโภคจะเข้าถึงแบรนด์ผ่านปลายนิ้ว เช่น การโพสผ่านเฟสบุ๊คเพื่อต่อว่าแบรนด์ในทันที พร้อมภาพประกอบ ต่อด้วยการพิมพ์ตรงไปยัง Facebook Page ของแบรนด์สินค้าเพื่อทำการต่อว่ากลาง Timelineให้ลูกค้าท่านอื่นๆได้เห็นด้วย หนักไปกว่านั้นก็จะเป็นการสาธยายความประทับใจและความไม่พอใจบนเว็บบอร์ดชื่อดังอย่าง Pantip.com หรือการถ่ายเป็นคลิปวิดีโอเพื่อให้เห็นความไม่พอใจกันผ่านวิดีโอและแชร์ให้ว่อนผ่าน YouTube ทำเอาแต่ละแบรนด์อกสั่นและนอนไม่หลับกันทีเดียว เพราะกว่าจะรู้ก็แชร์ต่อๆกันไปหลายหมื่นหลายแสนคน หรือกลายเป็นเรื่อง Talk of The Town ที่สื่ออื่นๆ อาจหยิบไปนำเสนอต่อ ซึ่งหากถึงขั้นนั้นก็เตรียมรับมือกันปาดเหงื่อได้เลย
Brand Monitoring จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับแบรนด์สินค้า ที่แบรนด์ชั้นนำของโลกและของไทยต่างเลือกใช้เพื่อสอดส่องความเคลื่อนไหวกับเรื่องราวความพึงพอใจความไม่พอใจของแบรนด์ของตน ว่ามีผู้บริโภคหรือใครกล่าวถึงแบรนด์บนโลกออนไลน์กันที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ และทำไม เพื่อจะได้ทราบถึงว่าผู้บริโภคมีความพึงพอใจสินค้าและบริการอย่างไร
รู้จักกับ OBVOC ผู้ให้บริการติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์ผ่านสื่อ Social
OBVOC ถือเป็นรายแรกของไทยที่ให้บริการ Brand Monitoring บริการติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆของแบรนด์ผ่านสื่อ Social ทั้ง Facebook, Twitter และ เว็บไซต์ OBVOC เป็นบริการที่เหล่าคนวงการโฆษณาออนไลน์รู้จักกันดี และปัจจุบันยังมีหลายดิจิตอลเอเจนซี่โฆษณา หลายแบรนด์ให้ความไว้วางใจ OBVOC ในการติดตามดูว่าใครกล่าวถึงแบรนด์ตนเองและแบรนด์คู่แข่งอย่างไร โดยทาง OBVOC จะวิเคราะห์และทำความเข้าใจสินค้า บริการ และแม้แต่แคมเปญของแบรนด์สินค้า เพื่อกำหนดคีเวิร์ด (keyword) เพื่อใช้ติดตามผ่านสื่อโซเชียล โดยจะมีการสอดส่องและรวบรวมทุกๆคำพูดที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาวิเคราะห์และรายงานว่ามีผู้บริโภคกล่าวถึงแบรนด์อย่างไร ทั้งในแง่ดี แง่ร้าย หรือการกล่าวถึงทั่วไป เพื่อให้แบรนด์สามารถนำผลที่ได้จาก OBVOC มาปรับปรุงแก้ไขสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และทำให้ผู้บริโภคพอใจได้อย่างรวดเร็ว
OBVOC กับบริการ 24/7 Social Media Monitoring
นอกจากจะติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์สินค้าแล้ว OBVOC ยังเข้าใจถึง “วิกฤตโซเชียลมีเดีย” วิกฤตที่ลูกค้าแสดงความไม่พอใจและก่อไวรัลให้เกิดความดี หรือความเสียหายต่อแบรนด์สินค้า ซึ่งวิกฤตดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หรือเพียงข้ามคืน OBVOC จึงต่อยอดการให้บริการเปิดรายงานผลต่อเนื่องในแบบ 24/7 โดยนอกจากจะมีการติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์ต่างๆ บนโลก Social แล้วยังจะมีการรายงานผลทุกๆชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์แบรนด์ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อชนะใจลูกค้าเก่า และเพื่อมองหาโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ และติดตามความเคลื่อนไหวของคู่แข่งให้กับแบรนด์บน Social Media ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์
ประโยชน์ของการใช้บริการ 24/7 Social Media Monitoring
- รับฟังเสียงของผู้บริโภคที่ไม่พอใจต่อแบรนด์ สินค้าหรือบริการเพื่อแก้ไข และค้นหาต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่จะลุกลามออกไปจนกลายเป็น Crisis
- รับฟังความเข้าใจผิดของผู้บริโภคและให้ข้อมูลที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที เพื่อลดปัญหาความเข้าใจผิดในตัวสินค้าหรือบริการ
- ชนะใจลูกค้าด้วยการตอบข้อซักถามที่ผู้บริโภคกำลังมีความสงสัย
- มองหาความต้องการของผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ (Buying Signal) เพื่อนำไปสู่การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังช่วยสร้างกระแสเชิงบวกให้แก่ผู้ที่กำลังมีความสนใจในสินค้า หรือบริการในลักษณะเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ
- รับฟังความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรม โปรโมชั่นต่างๆ หรือข่าวประชาสัมพันธ์ต่างๆ ของคู่แข่งบนโลกออนไลน์
ข้อดีของการใช้บริการ 24/7 Social Media Monitoring
- ข้อความที่ได้รับจะถูกตรวจสอบ และคัดกรองจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ข้อมูลที่ได้รับถูกต้อง แม่นยำ สามารถจัดกลุ่มข้อมูลตามรูปแบบที่กำหนดและจัดส่งไปยังหน่วยงานหรือแผนกที่เกี่ยวข้องได้ตรงตามความต้องการของแบรนด์
- รับฟังและแจ้งเตือนให้ทราบภายใน 1 ชม. หลังจากกระทู้หรือข้อความได้ถูกโพสต์ขึ้น สามารถระบุช่องทางที่ต้องการรับรายงานเร่งด่วนได้ ไม่ว่าจะเป็นทางอีเมล์ โทรศัพท์ กรุ๊ป Line กรุ๊ป Facebook และอื่นๆ ทำให้แก้ปัญหา หรือสร้างโอกาสได้อย่างทันท่วงที
- ลดต้นทุนในการจัดจ้างทีมงานและซื้อ(หรือเช่า)ซอฟต์แวร์มาทำเอง อีกทั้งยังช่วยลดความยุ่งยาก ซับซ้อน ในการบริหารทีมงานด้วยตนเอง
อย่างที่กล่าวมาข้างต้น คงจะเห็นแล้วว่าเครื่องมือ Social Media Monitoringนั้นเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์และจำเป็นมากต่อแบรนด์ ที่จะคอยฟังเสียงของผู้บริโภค เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข หรือแก้วิกฤตได้อย่างทันท่วงที การรู้เร็วและแก้ไขเร็วย่อมเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส แต่หากปล่อยให้วิกฤตให้เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว โอกาสที่ดีนั้นอาจจะกลายเป็นของคู่แข่งก็เป็นได้
สำหรับแบรนด์หรือเอเจนซี่ที่สนใจบริการ 24/7Social Media Monitoringสามารถติดต่อ OBVOC เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.obvoc.com หรือ sales@onebitmatter.com เบอร์โทรศัพท์ 081-867-7707 (คุณบอย)
