“เป็นหัวหน้ามันเหนื่อย”
เชื่อว่าคำพูดนี้ คงโผเข้าโผออกอยู่ในหัวของคนเป็นเจ้านายหลายคน ดำผุดดำโผล่อยู่ในช่องปาก…กลืนไม่เข้าคายไม่ออก คล้ายกับเอาริมฝีปากมายกเวทยังไงยังงั้น เพราะหัวหน้าอย่างเราๆ ไม่เพียงแต่ต้องรับมือกับการทำงานและความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังต้องต่อกรกับบรรดาเจ้าลูกน้องที่น่ารักน่าชังทั้งหลาย แน่นอนว่า, การรับมือกับหัวหน้าเพียงคนเดียว ย่อมแตกต่างกันอย่างลิบลับ กับการที่ต้องรับมือกับลูกน้องหลายสิบคน และยิ่งคละเพศ คละวัย หลากพ่อหลายแม่ด้วยแล้ว เรายิ่งต้อง ‘คิดให้จงหนัก’ กันพอสมควรครับ
และนี่คือ 3 ลูกน้อง ที่เราควรระวังไว้ มิเช่นนั้น, อาจปวดหัว เมื่อยลำไส้ กันเอาได้ เป็นข้อมูลดีๆจากเว็บไซต์ BusinessInsider ที่อยากเอามาแบ่งปันให้กับผู้อ่านทุกท่าน ใช้ได้-ไม่ได้อย่างไร ก็หวังว่าจะเกิดประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกคนครับ
The Drama Queen…ดารายอดเยี่ยมสาขาประจำออฟฟิศ
ลูกน้องที่มีลักษณะอย่างนี้ มักจะทำให้เราปวดกระหมับอยู่เสมอทุกวี่ทุกวัน เพราะเมื่อไหร่ที่เกิดปัญหาอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องโต้แย้งกับเพื่อนร่วมงาน ลูกน้องสายพันธ์ุนี้มักจะเรียกร้องให้เราเป็นคนกลาง เป็นเหมือนกรรมการผู้ตัดสินให้กับเรื่องนั้นๆเสมอ มิหนำซ้ำ, บทสนทนาหลังไมค์ของลูกน้องจำพวกนี้ มักจะเป็นคำพูดคำจาในเชิงลบเสียส่วนใหญ่ และพวกเขายังสามารถทำให้ ‘ทัศนคติส่วนตัว’ ของตัวเอง แพร่กระจายไปยังคนอื่นได้ดีอีกด้วย…คล้ายกับเชื้อไวรัสอวสานโลกยังไงยังงั้นเลยทีเดียว การจะต่อกรกับลูกน้องสายพันธ์ุ นับเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ยิ่งนัก เพราะคนกลุ่มนี้มักจะจับกลุ่มอยู่รวมกันเป็นสมาคม บางบริษัทถึงขั้นมีนโยบายห้ามการซุบซิบ-นินทา แต่ก็อย่างว่า, นโยบายนี้ไม่มีทางทำสำเร็จได้หรอก ตราบใดที่มนุษย์เราทุกคนยังมีปากไว้พูดกันอยู่
หากผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้หนักข้อหนักกบาลเราขึ้นทุกวัน ขอให้ทำใจเย็นๆ ปล่อยวางไปบ้างก็ดีครับ บางเรื่องเราก็ทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้เห็นบ้าง…ก็ไม่ได้ผิดกติกาแต่อย่างใด และรู้ตัวเองเสมอในฐานะหัวหน้าว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ มิเช่นนั้นก็ต้องตักเตือนกล่าวว่าพูดกันอย่างตรงไปตรงมาเสียหน่อย มองโลกให้เป็น 2 ด้านเสมอ…แล้วเราจะรู้ว่า นี่แหละ, โลก 2 ด้าน ที่อยู่บน ‘โลก’ ใบเดียวกัน
ผู้เคาะ ‘ร้าย’
หนึ่งในสายพันธุ์ที่ทำเอาหัวหน้าต้องกุมขมับอย่างวางมือไม่ลงนั่นก็คือ…ลูกน้องที่ชอบเล่นบทเป็น ‘ผู้เคราะห์ร้าย’ นั่นเอง ลูกน้องแบบนี้มักจะไม่พูดเต็มปากว่าตนผิด และชอบเลี่ยง โยนโทษโยนความผิดให้คนอื่นเสมอ นอกจากนั้นพวกเขายังเป็นพวกมีข้ออ้าง ข้อแก้ตัวสารพันต่างๆนานา ชนิดที่ว่า…มีได้ไม่ซ้ำวันเลยเชียวล่ะ
หากผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้หนักข้อขึ้นทุกวัน เราจงฟังหูไว้หูเสมอ อย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ฟัง…และเชื่อในสิ่งที่เห็นเพียงครึ่งนึงเท่านั้น หากไม่ไหวจริงๆก็ลองออกมาตรการขั้นเด็ดขาดกับลูกน้องลักษณะนี้ดูครับ ‘No Mercy!’ ไม่มีปราณีอีกต่อไป
ลูกจ้าง ‘นอกระบบ’
ชนกลุ่มนี้มักจะชอบแหกกฎเสมอ อะไรก็ตามที่เป็นกฏระเบียบ ข้อบังคับ หรือการขอความร่วมมือ หากสายพันธุ์นี้รู้เรื่องเข้า พวกเขาเป็นต้องสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะไม่ทำตามระเบียบ เพราะลูกน้องกลุ่มนี้ชอบคิดว่าตน ‘เหนือระบบ’ หากบริษัทให้ใส่เสื้อตราบริษัทหนึ่งวันต่อสัปดาห์ พวกเขาก็มักจะอ้างว่าลืมเสมอ บ้างก็ผ้าไม่แห้ง บ้างก็เสื้อหาย บ้างก็ “เราอ้วนขึ้น ใส่ไม่ได้แล้ว!”
ในทางกลับกัน, คนกลุ่มนี้มักไม่ต่างอะไรจากคนที่มีแนวทางการทำงานเป็นของตัวเอง ไม่ชอบทำตามใคร และมีความคิดที่เป็นตัวของตัวเอง หากเราสามารถนำข้อดีในจุดนี้ของพวกเขามาปรับใช้ในเรื่องการทำงานได้ ก็จะส่งผลให้บริษัทเติบโตและเดินไปในทิศทางที่ดีได้ เราอาจจะต้องขอคุยเป็นการส่วนตัวถึงการปรับคนละครึ่งทางเพื่อการอยู่ร่วมกัน ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ต้องลงโทษตามเนื้อผ้ากันไปครับ
มีคนเคยกล่าวว่า “เราไม่ได้เติบโตกันจริงๆหรอก…เราเพียงแต่เรียนรู้วิธีปฏิบัติตัวยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้นเอง” อย่าท้อถอยครับ
อนึ่ง, 3 ลูกน้องข้างต้นนี้ เป็นการคัดเลือกโดยเว็บไซต์ BusinessInsider