httpv://youtu.be/ZzjNYeCnCFQ
ในโลกที่สับสนและวุ่นวายไปด้วยการแข่งขันอันเชี่ยวกราก ยังมีกลุ่มคนตัวเล็กๆ ที่ถูกพัดพาจนหมดที่พึ่งและกลายเป็นคนผู้แพ้ในสังคมของเราไปตลอดกาล ด้วยความระลึกถึงพวกเขาและพยายามหาทางเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้น องค์กร UNHCR, Cheil Worldwide และ Seoul Museum of Art จึงจัดแคมเปญใหม่ให้แก่พิพิธภัณฑ์กรุงโซลเพื่อทำให้คนตัวใหญ่ๆ อย่างเราตามหาคนตัวเล็กๆ อย่างพวกเขา มองเห็นพวกเขา และรู้ว่าพวกเขาดำรงชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบากในสักแห่งหนึ่งบนโลกนี้
เห็นในสิ่งที่มองไม่เห็น
แน่นอนว่าโจทย์ของแคมเปญนี้เน้น awareness โดยเอเจนซี Cheil Worldwide เลือกที่จะสร้างโมเดลจำลองของผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือแบบ 3D แล้วนำไปวางซ่อนตามมุมต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์ พวกเขาเหล่านี้มีตัวตนจริงและเป็นผู้อพยพที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ขณะนี้ จุดเริ่มต้นแคมเปญคือหลังจากผู้เยี่ยมชมลงทะเบียนเข้าพิพิธภัณฑ์พวกจะได้รับแจกแผนที่ฉบับหนึ่งเพื่อตามหา “คนล่องหน” กลุ่มนี้ผู้เยี่ยมชมสามารถใช้สมาร์ทโฟนสแกนและดูวีดีโอเรื่องราวของบุคคลนั้นที่ตนเองหาเจอ ก่อนที่จะเยี่ยมชมเพจ Facebook เพื่อบริจาคเงินหรือแชร์เรื่องราวต่อไป แคมเปญนี้ทำให้ผู้เยี่ยมชมกว่า 4.8 หมื่นคนต่อวันชื่นชอบและทำให้เกิดยอดแชร์เรื่องราวบน Facebook กว่า 3.5 ล้านครั้งทีเดียว
การล่าสมบัติแบบอินเตอร์แอคทีฟ
หากเรานำเอาเรื่องราวหรือโมเดลเหล่านั้นมาวางจัดแสดงธรรมดาก็คงไม่มีใครอยากรู้เรื่องราวของเขา ดังนั้นการกระตุ้นให้พวกเขาออกค้นหาสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองจึงกลายเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้พวกเขาดื่มด่ำกับเรื่องราวของผู้อพยพได้มากกว่า นัยหนึ่งก็เพื่อฉลองความสำเร็จของตัวเองด้วย
การใช้เทคโนโลยีที่น่าประทับใจ
เห็นได้ว่าเทคโนโลยีที่ใช้ในแคมเปญนี้ไม่ได้เป็นอะไรที่ซับซ้อนแต่มันน่าประทับใจมาก การปริ๊นท์รูปจำลอง 3D นั้นสามารถทำได้มานานแล้วแต่กลยุทธ์ที่จะทำให้มันเชื่อมโยงกับแคมเปญต่างหากที่เป็นสิ่งที่ยาก นอกจากนี้การใช้สมาร์ทโฟนและวีดีโอมาบอกเล่าเรื่องราวของผู้อพยพก็เป็นไอเดียที่ดีเพราะนอกจากพวกเขาจะได้ดูเรื่องราว ณ ตอนนั้นเลย ก็ยังสามารถเก็บกลับไปดูที่บ้านต่อได้ด้วย
ผลตอบรับบนโลกโซเชียล
แม้จะไม่ใช่แก่นของแคมเปญนี้แต่ความน่าตื่นเต้นก็ทำให้ผู้เยี่ยมชมแชร์โครงการผ่าน Facebook ออกไปมากมายถึง 3.5 ล้านแชร์เชียว ทุกคนอยากเป็นคนดีและอยากให้คนอื่นเห็นว่าตนเองเป็นคนดีดังนั้นพวกเขาจึงแชร์ข้อความออกไปยังไงล่ะ