13 สิ่งที่ควรทำ! ในสิบนาทีแรกเมื่อมาถึงออฟฟิศ

  • 5
  •  
  •  
  •  
  •  

3-ways-to-get-your-sales-people-to-do-more-than-babysitting-accounts

มีคนเคยกล่าวว่า “Every passing minute is another chance to turn it all around.”

ประโยคสั้นๆจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ทำเอาใครหลายคนอดฉุกคิดไม่ได้ว่าทุกๆ 1 นาทีที่กำลังวิ่งผ่านเราไปนั้น คือโอกาสที่เราสามารถเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ เราทุกคนล้วนมี ‘นาที’ เป็นของตัวเอง หาก ‘นาที’ นั้นได้วิ่งผ่านไป โดยที่เราปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ ก็ยังคงมีอีกหลาย ‘นาที’ ให้เลือกอีกมากมาย…ตราบที่ยังมีลมหายใจ ในคราวเดียวกัน, คนบางคนก็เลือกที่จะไม่ปล่อยให้ ‘นาที’ ของตัวเองผ่านไปอย่างไร้ความหมาย แต่เขากลับเลือกใช้ทุก ‘นาที’ อย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์ที่สุด เสมือนว่าทุกนาทีที่ผ่านเข้ามานั้น คือนาทีสุดท้ายของชีวิต

ในหนึ่งวันทำงานของใครหลายคนจึงมีวิธีจัดการบริหารกับ ‘นาที’ ที่แตกต่างกันออกไป คำว่า ‘นาที’ จึงเปรียบเสมือนกับ ‘โอกาส’ ของเราทุกคนนั่นเอง เคยคิดไหมว่านาทีแรกที่เราย่างเท้าเปิดประตูเข้ามาในออฟฟิศ และหลังจากบั้นท้ายของเราสัมผัสกับเก้าอี้ทำงาน…เราเลือกที่จะทำอะไรต่อจากนั้น? บ้างก็ก้มหน้าใช้นิ้วสไลด์หน้าจอ บ้างก็เปิดคอมฯเล่นเฟสบุ๊ค บ้างก็ไปยืนโผเข้าโผออกยู่ตรงหน้าตู้เย็น และบ้างก็เริ่มทำงานทันทีเนื่องจากดองเอาไว้ยังทำไม่เสร็จ นี่คือ 13 สิ่งที่คุณควรทำในสิบนาทีแรกเมื่อมาถึงออฟฟิศ เพื่อทุกหนึ่งนาทีที่วิ่งผ่านไป…จะได้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุด

 

ส่องตัวเองแล้วย้อนคิดตาม

ก่อนจะเริ่มต้นวันทำงานของเรานั้น ใช้เวลาเงียบสงบกับตัวเองสักนิด แล้วตกผลึกทางความคิดว่า…วันนี้เราต้องทำอะไรบ้าง? มีอะไรที่ยังทำไม่เสร็จ? อะไรควรทำก่อน-หลัง? หากเป็นไปได้พยายามไตร่ตรองทบทวนว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราทำอะไรไปบ้าง ผลงานเป็นอย่างไร แล้วสัปดาห์นี้เป้าหมายของเราเป็นอย่างไร การใช้เวลาในการครุ่นคิดกับตัวเองก่อนจะเริ่มภารกิจทุกชิ้น จึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรทำเป็นอย่างแรกก่อนเสมอ นอกจากจะเป็นการเสียบปลั๊กให้กับสมองของเราแล้ว ยังช่วยจัดลำดับทางความคิดได้ดีอีกด้วย

‘สติ’ แห่ง ‘สไตล์’

ว่ากันว่า, สติมาปัญญาเกิด หากวันใดที่เดินเข้ามาในออฟฟิศอย่างสดใสโลกสวย แต่เมื่อโผล่หน้าเข้ามาปุ๊ป! ก็ต้องเจอกับความวุ่นวายโกลาหล คล้ายงานมหกรรมยังไงยังงั้น เงี่ยหูไปทางไหนก็ได้ยินแต่เสียงโทรศัพท์ดัง ฉายหน้าไปหนใดก็มีแต่คนจ้องจะเข้ามาหา ขอให้ใจเย็นๆและมีสติเสมอ หยุดนิ่งสักนิดด้วยท่าทีที่ลุ่มลึก จากนั้นบุกมันเข้าไปด้วยสไตล์ที่เป็นตัวของเราเอง เชิดหน้าและเชื่อมั่น อย่าปล่อยให้สิ่งต่างๆเหล่านั้นมาคอยควบคุมเรา และพยายามทำให้วันนั้นเป็นวันของเรา บางครั้งวิธีที่ดีที่สุดก็คือการเป็นตัวเราเอง พึงระลึกไว้เสมอว่า…เชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ และคนอื่นจะเชื่อในสิ่งที่เราเสนอ

ใส่ใจทุกอณู…ตั้งแต่รูขุมขนจรดหัวเท้า

mirrorpost

10 นาทีคงไม่เสียเวลามากนัก กับการใส่ใจในรายละเอียดของตัวเราเอง จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้มันเข้าที่เข้าทางซักหน่อย เช็คดูว่าเก้าอี้ทำงานของเราอยู่ในระดับที่สบายก้นไหม แป้นคีย์บอร์ด จอคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟนคู่ใจ อยู่ในตำแหน่งที่สามารถใช้งานได้ง่ายแล้วหรือยัง เรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของแรงขับเคลื่อนให้วันทำงานของเราไปในทิศทางที่ดีได้ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่…มักเริ่มจากจุดเล็กๆเสมอ

To-Do List, Today Best

เขียน To-Do List สิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน เพื่อเป็นการขัดเกลาความคิดของเราให้อยู่กับล่องกับลอยมากยิ่งขึ้น หลงๆลืมๆอะไร จะได้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรคอยย้ำเตือนเรา การเขียน To-Do List นี้จะช่วยจัดระเบียบทางความคิดให้กับเรา และยังเพิ่มความมั่นใจให้เราอีกด้วย จริงดังคำกล่าวที่ว่า…เมื่อเรา ‘พูด’ ถ้อยคำดังก้องเพียงข้ามห้อง แต่เมื่อเรา ‘เขียน’ ถ้อยคำดังก้องข้ามเวลา รับรองว่าจะกี่โมงกี่ยาม เราก็ไม่ลืมประชุมนัดสำคัญเป็นอย่างแน่ เพียงแต่ไปทันไม่ทันนี่ก็อีกเรื่องนึงนะครับ!

จัดระเบียบทางชีวิต

อเล็กซานเดอร์มหาราชกล่าวไว้ว่า “เลือกทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ” เมื่อทำ To-Do List เสร็จแล้ว ก็อย่าลืมเรียงลำดับเลือกทำสิ่งที่สำคัญก่อนนะครับ เกิด To-Do List ของคุณมีทั้งพบลูกค้า รับสินค้า และรับลูก หากเรียงไม่ดี ไปรับลูกตั้งแต่ 10 นาทีแรกเมื่อมาถึงออฟฟิศ ไม่ต้องรอสิ้นเดือน…ก็โดนไล่ออกครับ

อกผายไหล่ผึ่ง

เริ่มต้นวันทำงานอันแสนสนุกด้วยท่าเดินที่สง่า หลังตรง ทุกย่างก้าวที่อกผ่ายไหลผึ่ง จะทำให้ผู้ที่พบเห็นประทับใจในตัวเรา สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มพูนความรู้สึกแห่งความเชื่อมั่นให้กับเรา ทำให้เราสามารถจัดการและควบคุมอะไรต่างๆได้ดียิ่งขึ้น ไม่เว้นแม้ตอนเดินไปทานอาหารกลางวัน…ก็อย่าลืมพกเคล็ดลับนี้ติดกระเป๋าไปด้วยนะครับ

ทักทาย นายทัก

เรื่องดีๆทุกเรื่อง…เริ่มต้นที่คำทักทาย 10 นาทีแรกเมื่อมาถึงออฟฟิศ แวะเวียนทักทายเพื่อนร่วมงานอย่างทั่วถึง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้วันนั้นของเราเริ่มต้นได้อย่างดี และยังส่งผลให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆพลันชื่นมื่นกันถ้วนหน้า และอย่าลืมโผล่หน้าแวบไปหาเจ้านายของเราพร้อมกล่าวสวัสดีกับเขาซักนิด หยอดอารมณ์ขันซักหน่อย รับรองว่า 10 นาที อาจส่งผลยาวไปเป็นปีเลยเชียวล่ะ!

10 นาที เป็นการเป็นงาน

ช่วงเช้าคือช่วงเวลาที่หัวสมองและจิตใจคนเราจะซึมซับเรื่องงานได้ดีที่สุด ใช้เวลาอันน้อยนิดในการสรุปหารือสั้นๆกับเพื่อนร่วมงาน ถึงตัวงานที่เราทำ เพื่อเป็นการสร้างแรงกระตุ้นและการมีส่วนร่วมให้กับเพื่อนร่วมงานและตัวเราเอง คิดเสียว่ามันคือ การนั่งเมาท์แบบเป็นการเป็นงาน คุยบ้าง เล่นบ้าง ก็ไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด แค่ช่วยกระชับจิตกระชับใจและความคิดของเราให้ดียิ่งขึ้นก็เท่านั้น อย่าลืมว่าเดี๋ยวบ่ายนี้ก็มีประชุม…แล้วจะเคร่งเครียดกันไปทำไม!

ขอพื้นที่ไม่เล็ก

เริ่มต้นวันทำงานด้วยหัวสมองและจิตใจที่โปร่งใสอาจยังไม่พอ องค์ประกอบรอบด้านก็ต้องเอื้อด้วยเช่นกัน เมื่อมาถึงออฟฟิศ วางสัมภาระ จัดของเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว เดินออกไปสูดบรรยากาศตอนเช้าในพื้นที่โล่งๆที่สบายตาซักหน่อย จะช่วยให้เรากลับมาทำงานได้ดียิ่งขึ้น ที่โล่งๆนี้อาจเป็นดาดฟ้า ระเบียง หรือมุมโปรดส่วนตัวซักมุม บางรายอาจเป็นในห้องน้ำ หรือบันไดทางหนีไฟ…ก็ไม่ได้ผิดกติกาแต่อย่างใด แต่ที่สำคัญ, ก่อนออกไปชิลลิ่งเปิดสมองรับความคิดใหม่ๆ อย่าลืมตรอกบัตรเข้าทำงานกันก่อนล่ะ สายไป 10 นาที ก็มีผลต่อจำนวนเงินในบัญชีของเรานะครับ

E-fficient…E-mail

การเช็คอีเมล์ใน 10 นาทีแรกของการเริ่มงาน ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพราะจะทำให้เรารับรู้ถึงความเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้นในงานของเรา นอกจากนั้นเรายังสามารถจัดลำดับอีเมล์ที่ต้องตอบด่วน และอีเมล์ที่ตอบทีหลังได้อย่างดีอีกด้วย สละเวลาก่อน Login เข้าเฟสบุ๊คซัก 10 นาที เพื่อเช็คอีเมล์ที่สำคัญๆ แล้วหลังจากนั้นจะไอไลค์ ไอไลน์ ไอแชะ ไอแชร์ ก็ยังไม่สายครับ

ละทิ้ง ‘พะรุงพะรัง’

อาจารย์ศิลป์ พีระศรี เคยกล่าวเอาไว้ว่า “เราไม่พะรุงพะรังไปกับเรื่องบ้าบออะไรทั้งสิ้น” เรื่องบางเรื่องตัดทิ้งไปบ้างก็ได้ เรื่องจุกจิกกวนใจ หรือปัญหาค้างคาต่างๆ ขอให้ละทิ้งมันไว้ เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความคิดที่แจ่มใส จะช่วยให้จิตใจและสมองของเราผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น และทำภารกิจต่างๆได้อย่างเต็มศักยภาพอีกด้วย ‘Well begun is half done’ เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่งครับ

ลอยหน้ารอยยิ้ม

รอยยิ้มของคนเรานั้น มีพลานุภาพที่มหาศาลยิ่งนัก ส่งรอยยิ้มให้ผู้ที่พบเห็น ตั้งแต่หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน เพื่อนรวมโลก ไม่เว้นแม้สาวสวยยันหนุ่มหล่อ จะทำให้ทุกวันของคุณสุขีและมีพลังยิ่งขึ้น ทำงานอย่างมีความสุข และยิ้มรับทุกแรงกดดันได้ดี มิหนำซ้ำรอยยิ้มของเรายังเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆได้ดีอีกด้วย ว่ากันว่า, รอยยิ้ม คือเครื่องสำอางชั้นดี ไม่ต้องเสียทรัพย์ และมีผลต่อผู้พบเห็นมาก…ยิ้มกันเถอะครับ

ชื่นชมชื่นบาน

ชื่นชมยินดีกับความสำเร็จของเพื่อนร่วมงาน จะทำให้วันเริ่มต้นในการทำงานของเราเต็มไปด้วยความชื่นมื่นและความรู้สึกดีๆ เมื่อคนที่เราชื่นชมรู้สึกดี บรรยากาศรอบข้างก็สวยงามตามไปด้วย เมื่อทุกอย่างชื่นมื่นชื่นบานก็จะส่งผลให้เรามีความสุขด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งหัวหน้าของเราเอง เราก็สามารถแสดงความยินดีในสิ่งต่างๆของเขาได้เช่นกัน คำพูดมีพลัง…ทุกครั้งที่พูดจงพูดแต่เรื่องดีๆเสมอ

ตามหลักนรลักษณ์ศาสตร์แล้ว 3 สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ น้ำเสียง/แววตา/และ ราศี ทั้งสามสิ่งนี้ถูกควบคุมด้วยสิ่งเพียงสิ่งเดียว คือ ‘ใจ’ เมื่อจิตใจดี…ทุกอย่างก็ดีตามไปด้วย น้ำเสียงบอกพลัง แววตาบอกความมุ่งมั่น ราศีบอกความสุขความสบายใจ เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า ‘ทุกสิ่งสำเร็จได้เพราะใจ’ ดูแลจิตใจกันให้ดีนะครับ

แหล่งที่มา


  • 5
  •  
  •  
  •  
  •