จากจำนวนร้านค้าออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการมีการพัฒนาบริการภายในเว็บไซต์ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และดึงดูดลูกค้าให้ซื้อสินค้าในเว็บไซต์ของตัวเองให้มากขึ้น การชำระเงินออนไลน์ เป็นบริการที่ผู้ประกอบการหันมาให้ความสนใจ เพื่อเป็นการสร้างความพึงพอใจ และความสะดวก รวดเร็วให้กับลูกค้าช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
มาตรฐานการชำระเงินผ่านทางออนไลน์ในปัจจุบัน
รอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าบุคคล ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ ระบบการชำระเงินทางอินเทอร์เน็ตจะเน้นไปในด้านของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบัตรเครดิต ซึ่งปกป้องทั้งตัวผู้ประกอบการเองและทั้งตัวผู้ถือบัตร เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับบัตร โดยเป็นการร่วมมือกันของทั้งบริษัทผู้ให้บริการด้านบัตร ธนาคารต่างๆ ทั่วโลก และสถาบันการเงินที่สามารถออกบัตรเครดิตได้ จากความร่วมมือร่วมกัน จึงทำให้มีการพัฒนาระบบ 3D Secure ขึ้น เพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ถือบัตรในการใช้จ่ายผ่านทางอินเทอร์เน็ต
โดยวิธีการของระบบนี้เป็นการกำหนดรหัสส่วนตัว สำหรับการใช้งาน คือ รหัสส่วนตัวนี้จะเหมือนกับรหัสเอทีเอ็ม ที่เวลาจะถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มจะต้องทำการใส่รหัสเอทีเอ็มก่อนถึงจะสามารถถอนเงินออกมาได้ ดังนั้น การใช้งานอินเทอร์เน็ตจะปลอดภัย ตราบเท่าที่รหัสส่วนตัวนี้ไม่มีบุคคลอื่นล่วงรู้ นอกจากนั้น ทางธนาคารกรุงศรีอยุธยายังได้ปรับปรุงระบบ IT ภายในธนาคารให้ทันสมัยเสมอ เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น
ความพร้อมของเว็บไซต์รองรับระบบ E-Payment
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจใช้บริการของ Krungsri E-Payment สามารถเชื่อมต่อกับระบบได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆ เพียงแค่เขียนโปรแกรมในการส่งค่าตัวแปรที่ธนาคารกำหนด และรับค่าตัวแปรกลับให้ได้เท่านั้น โดยระบบสามารถใช้ค่าตัวแปรได้หลายรูปแบบ ตามแต่ความเหมาะสมของผู้ประกอบการ
นอกจากนั้นเพื่อใช้ดูรายละเอียดต่างๆ ของรายการยังได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานง่าย และ มีการส่งรายละเอียด สรุปการทำรายการผ่านทางอีเมล์ ซึ่งสามารถส่งให้ได้ทั้งอีเมล์ของผู้ประกอบการและอีเมล์ของผู้ซื้อ ทำให้ผู้ซื้อเกิดความมั่นใจในการทำรายการซื้อขาย สามารถเก็บรายงานนี้ไว้เป็นหลักฐานอ้างอิงได้
ข้อดีเมื่อเทียบกับช่องทางรับชำระเงินอื่นๆ
เนื่องจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายที่ใหญ่มาก ซึ่งครอบคลุมไปทั่วโลก ดังนั้น ข้อดีของการชำระเงินแบบออนไลน์ผ่านบริการ E-Payment คือ ผู้ประกอบการสามารถขายของได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันทำการ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถขายสินค้าหรือบริการได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องมีเวลาเป็นข้อจำกัดในการเปิดปิดร้าน ไม่มีกลางวันกลางคืนซึ่งสามารถรองรับลูกค้าจากทุกซีกโลก
นอกจากนี้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงผู้ซื้อได้ทั่วโลกโดยไม่จำเป็นต้องเปิดร้านค้าในทุกๆ ประเทศ และยังทำให้ลูกค้าตัดสินใจในการใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น ถ้าเทียบกับช่องทางอื่นๆ ที่ลูกค้าต้องเดินทางเพื่อไปชำระเงิน อาจจะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจได้ง่าย
สำหรับช่องทางชำระเงินออนไลน์ บริการ Krungsri E-Payment ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีทางเลือกให้กับลูกค้าในการเลือกชำระเงินถึง 2 วิธี คือ วิธีแรกคือ หักบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพียงแค่ลูกค้ามีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หรือเงินฝากกระแสรายวันและสมัครเป็นสมาชิก Krungsri Online วิธีที่สอง คือ หักวงเงินจากบัตรเครดิต Visa, MasterCard และ JCB โดยที่ผู้ประกอบการเลือกรับชำระเงินได้ถึง 13 สกุล คือ THB, USD, EUR, JPY, GBP, CHF, AUD, HKD, SGD, DKK, NOK, SEK และ CNY ได้
ผู้ประกอบการจะได้รับประโยชน์อย่างไร
บริการ E-Payment มีระบบป้องกันความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ประกอบการและผู้ถือบัตร สำหรับผู้ประกอบการสามารถเลือกรับชำระเงินผ่านระบบรักษาความปลอดภัยบัตรเครดิตได้หลายระบบ เช่น Register 3D Secure: Verified by VISA, MasterCard Secure Code และ J/Secure นอกจากนั้น ยังมีระบบป้องกันการทุจริต (Fraud Prevention) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขั้นสูงสุดแก่ผู้ซื้อ และผู้ประกอบการ โดยระบบจะแสดงผลการตรวจสอบเปรียบเทียบข้อมูลที่ผู้ถือบัตรกรอกกับข้อมูลจริงของตัวบัตร แล้วสรุปผลวิเคราะห์ความเสี่ยงของรายการธนาคารกรุงศรีอยุธยา
รวมทั้งยังมีหน่วยงานควบคุมและป้องกันการทุจริตที่คอยติดตามและตรวจสอบ รายการทุจริตหรือรายการน่าสงสัยให้กับร้านค้า เพื่อผลประโยชน์ของผู้ประกอบการ และป้องกันความเสี่ยงของระบบโดยรวมโดยจะติดต่อผู้ประกอบการทันที หากตรวจพบรายการที่น่าสงสัย
รอยย์ กล่าวปิดท้ายว่า การใช้บัตรเครดิตบนอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีความมั่นใจกับระบบความปลอดภัยของการชำระเงิน และความเชื่อมั่นต่อเว็บไซต์เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากผ่านการคัดกรองจากธนาคารแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายๆ ธุรกิจที่มีขนาดกลางและใหญ่มีการขยายธุรกิจด้วยช่องทางอีคอมเมิร์ซมากขึ้น
