Pantip เบรกขึ้นค่าโฆษณา ขอปรับปรุงหลังบ้านแทน

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

คุณวันฉัตร ผดุงรัตน์ ผู้ก่อตั้ง Pantip.com กล่าวว่า ภาพรวมตลาดโฆษณาออนไลน์ปีนี้มีอัตราการเติบโตลดลง ซึ่งเป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจทำให้บริษัทหลายแห่งจำเป็นต้องตัดงบค่าโฆษณา

อย่างไรก็ตามช่วงนี้เว็บพันทิป ได้เริ่มมีมาตรการกระตุ้นตลาด โดยชะลอการเพิ่มค่าโฆษณาบนเว็บ ซึ่งปกติจะปรับขึ้นทุกปี

นอกจากนี้ยังได้เริ่มละเว้นการตรวจจับสมาชิกที่ลักลอบประกาศโฆษณาสินค้า หรือขายของบนพันทิป เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกหาช่องทางสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน

pantip

“ภาพรวมโฆษณาออนไลน์ปีนี้ก็ถือว่าโอเค คงไม่โตดีเหมือนปีก่อนๆ แต่ก็ไม่สาหัสอะไร ซึ่งเราก็พยายามหาทางออก เพราะเค้กเริ่มลดขนาดลง และก็พยายามช่วยสมาชิก อะไรที่สามารถสนับสนุนได้ เช่น เมื่อก่อนเราจะห้ามไม่ให้ประกาศขายสินค้าบนเว็บ แต่ช่วงนี้ก็ผ่อนลง พยายามทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้คนบนเว็บเริ่มมีรายได้ช่วยเหลือกันบ้าง”

พร้อมกันนี้เขาเผยว่า ปีนี้พันทิปยังเตรียมงบลงทุนสำหรับการปรับปรุงระบบและเครื่องแม่ข่ายราว 2 ล้านบาท โดยนำเทคโนโลยีคลัสเตอร์มาใช้กับเครื่องแม่ข่าย เพื่อให้สมาชิกสามารถใช้บริการได้ดีขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาบอร์ดต้องปิดปรับปรุงบ่อย ทำให้บางช่วงเวลาสมาชิกไม่สามารถเข้าใช้งานได้

ทั้งยังปรับปรุงระบบเพื่อให้รองรับสัญญาอนุญาตฉบับล่าสุด “ครีเอทีฟ คอมมอนส์ (ซีซี)” เพื่อใช้เป็นมาตรฐานควบคุมคอนเทนท์ลิขสิทธิ์ที่มีผู้นำมาเผยแพร่บนเว็บ โดยคาดว่าจะสามารถให้บริการสมาชิกได้เร็วๆ นี้

นายวันฉัตรระบุว่า หากระบบซีซีเริ่มใช้งานได้ ก็จะเริ่มดำเนินการแนวคิดสร้างทัศนคติใหม่บนโลกออนไลน์ ลักษณะคล้าย “การเปิดหมวก” โดยให้ผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมสนับสนุนเงินทุนแก่ผู้สร้างสรรค์คอนเทนท์ หรือผู้ที่โพสต์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้กับบล็อกแก๊งก่อน

“เราไม่ได้หวังว่าแนวคิดเปิดหมวกบนเว็บจะทำรายได้อะไร เพราะเราแค่อยากให้คนที่สร้างสรรค์เนื้อหาดีๆ เช่น บน Blog ได้มีรายได้ตอบแทนบ้าง แต่ก็ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับบ้านเรา ก็คงต้องลุ้นว่าจะไปรอดหรือไม่”

อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทยังต้องพึ่งพิงรายได้กว่า 90% จากค่าโฆษณาออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมาทำรายได้หลักล้านบาท ส่วนอีก 10% เป็นรายได้จากการให้เช่าพื้นที่สำหรับเก็บฟรี เว็บบอร์ดต่างๆ ขณะที่ปัจจุบันพันทิปมีสมาชิกราว 1 แสนราย และมีผู้ใช้งานมากกว่า 2 แสนยูไอพีต่อวัน

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


  •  
  •  
  •  
  •  
  •