ภาพจาก http://tokyobling.wordpress.com
หนังสือพิมพ์โยมิอุริของญี่ปุ่นรายงานข่าวคราวด้านสังคมของแดนอุทิตย์อุทัยว่า เกิดเทรนด์ฮิตใหม่ของสาวๆ แดนปลาดิบคือการสักการะศาลเจ้าเป็นประจำนอกเหนือจากโอกาสพิเศษ ซึ่งเทรนด์นี้ฮิตฮอตถึงขนาดมีการจัดตั้งคลับสตรีเพื่อการศึกษาธรรมะอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ เทรนด์ดังกล่าวต่อเนื่องมาจากเมื่อปีที่แล้วที่ทางการญี่ปุ่นประกาศให้มีการบูรณะศาลเจ้าอิเซะในจังหวัดมิเอะ และศาลเจ้าอิซุโมะ ไทชะในจังหวัดชิมาเนะ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น
งานอดิเรกคือการไปวัด
จากการสัมภาษณ์พนักงานบริษัท (ญี่ปุ่นนิยมเรียกว่า ซาลารี่แมน) วัย 33 ปีคนหนึ่งในเขตชิบุยะ เธอระบุว่า ตนเดินทางไปสักการะศาลเจ้าบ่อยครั้งและถือเป็นงานอดิเรก โดยครั้งล่าสุด ไปสักการะศาลเจ้าฮิคาวะที่จังหวัดไซตามะกับกลุ่มเพื่อนสาวเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
“พวกเราเลือกไปที่ศาลเจ้าฮิคาวะหลังจากอ่านจากเว็บไซค์พบว่าทางเข้าเป็นแนวต้นเคยากิ เซลโควะ (ต้นไม้ญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง) ตลอดทางเดินยาวกว่า 2 กิโลเมตร” พนักงานสาววัย 33 กล่าวและว่า ความสนใจในการสักการะศาลเจ้าของเธอเกิดขึ้นหลังจากได้ข่าวการบูรณะศาลเจ้าครั้งใหญ่ของทางราชการผ่านทางนิตยสารและทีวี ทำให้รู้สึกว่าคำสวดเกี่ยวกับเทพเจ้าดูน่าสนใจ และเมื่อมีโอกาสเดินทางไปศาลเจ้าจริงๆ ก็ได้ประสบการณ์ที่ดีในการเสี่ยงเสียมซีและซื้อโอะมาโมริ (เครื่องรางโชคดี) ที่น่ารัก
คลับบนโลกออนไลน์ของสาวๆ เข้าวัด
ความนิยมในการไปศาลเจ้าของสาวญี่ปุ่นเริ่มกลายเป็นเทรนด์ในกระแสเมื่อเกิดการรวมตัวจัดตั้งชมรม จินจา การุซุ เคนคิวไค (สมาคมศึกษาศาลเจ้าของเด็กสาว) บนอินเตอร์เนตเมื่อ 2 ปีก่อน แรกเริ่มมีสมาชิกสาวๆ ราว 50 คน อายุระหว่าง 20-60 ปีจากจังหวัดชิมาเนะและตอตโตะริเข้าร่วม ซึ่งพวกเธอมีอาชีพหลากหลายกันไปทั้งแม่บ้านไปจนถึงพนักงานเสิร์ฟ กิจกรรมหลักของชมรมคือการสักการะศาลเจ้าในเขตซานินเดือนละหนึ่งครั้งหรือมากกว่านั้น
มิชิ โคโนะ ฟรีแลนซ์วัย 36 ปีซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมระบุว่า ตนรู้สึกว่าการถามรายละเอียดของวันเทศกาลหรือเหตุการณ์ทางศาสนากับพระสงฆ์ระหว่างการเยือนเป็นหมู่คณะง่ายกว่าการถามตอนไปสักการะคนเดียว แถมยังมีโอกาสทานอาหารร่วมกันและพูดคุยเกี่ยวกับความประทับใจหลังจากเสร็จสิ้นการสักการะแล้ว
ธุรกิจหัวใสปรับตัวรับลูกค้ากลุ่มใหม่
นอกจากบรรดาสาวๆ จะชื่นมื่นกับการเข้าวัดเข้าวาแล้วกลุ่มธุรกิจเองก็แฮปปี้ไม่แพ้กัน โดยบริษัทขนส่งมวลชนสำหรับการท่องเที่ยว ฮาโตะ เกิดปิ๊งไอเดียจัดรถทัวร์พิเศษที่รับแต่ลูกทัวร์สาวๆ เพื่อไปสักการะศาลเจ้าฮาโกเนะและคุซุริวในจังหวัดคานากาวะ โดยทัวร์นี้เป็นทัวร์แบบเอกคลูซีฟรับลูกทัวร์เพียง 40 คนและประสบความสำเร็จถล่มถลายเพราะมียอดผู้จองตั๋วเต็มทุกเที่ยวรถ
ขณะที่ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ราคุเทน ทราเวล รายงานว่าทริปที่ถูกจองเต็มอย่างรวดเร็วและเป็นที่นิยมมากที่สุดในบรรดาสตรีระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2556 จนถึง 2 มกราคม 2557 คือทริปอิซุโมะ ไทชะ (ทริปไหว้พระ) โดยจำนวนสาวๆ ที่ไปไหว้พระในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
ศาลเจ้าครีเอทไม่น้อยหน้า
ด้านศาลเจ้าก็ครีเอทไม่แพ้กัน อย่าง ศาลเจ้าฮิเอะในกรุงโตเกียวก็ผลิต โกชูอินโชะ (สมุดสำหรับประทับตราเป็นสัญลักษณ์ว่าได้เดินทางมาเยือนสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง) เป็นรูปน้องลิงน่ารักเพื่อดึงดูดสาวๆ ให้มาเข้าวัด ขณะที่ อากิโกะ มิซุ ผู้เชี่ยวชาญด้านการไหว้เจ้าและนักเขียนหนังสือ “คาวาอี โกชูอิน เมกูริ” (ทัวร์ของโกชูอินอันน่ารัก) ระบุว่า โกชูอิน (ตราสัญลักษณ์ที่ใช้ประทับลงในสมุด) ของแต่ละศาลเจ้าจะถูกดีไซน์ให้น่ารักแตกต่างกันไป การตามสะสมตราประทับดังกล่าวจึงสร้างความเพลิดเพลินและเป็นความทรงจำที่ดีของผู้มาสักการะ
ภาพโกชูอินโชะ
“คุณจะรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่มาสักการะศาลเจ้า เนื่องจากพื้นที่ที่สงบและร่มรื่นไปด้วยแมกไม้จะช่วยเยียวยาชีวิตที่เหนื่อยล้าจากกิจกรรมประจำวัน” นักเขียนสาววัย 38 กล่าว
ผู้เขียน: ในด้านของธุรกิจ เราจะเห็นว่าบริษัทนำเที่ยวของไทยมีการจัดทัวร์ในลักษณะนี้มานานแล้ว อย่าง ทัวร์ 9 วัด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ภาระการดึงดูดลูกค้าปัจจุบันตกเป็นของเอกชนเพียงฝ่ายเดียว ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลและวัดอารามต่างไม่ได้ปรับตัวเพื่อรับกับนักท่องเที่ยวมากนัก
นอกจากนี้ เราอาจสังเกตได้ว่าการทัวร์ไหว้พระของไทยนั้นเป็นไปในลักษณะ “เพื่อโชคดี” หรือ “หาของดี” เป็นส่วนใหญ่ คือหวังผลประโยชน์ที่จะได้กลับมาหลังจากไหว้พระ เช่น เครื่องรางของขลัง ไปจนถึงคำขอพรที่จะกลายเป็นจริง แต่มิได้คาดหวังความสุขที่ได้จากการสักการะโดยตรง ดังนั้น โจทย์การตลาดของไทยอาจเปลี่ยนเป็น “ทำอย่างไรเพื่อให้ผู้สักการะรู้สึกว่าตนเองจะสมหวังในสิ่งที่ต้องการ” มากกว่า “ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมีความสุขจากการสักการะ”
แล้วคุณล่ะ มีความเห็นอย่างไรบ้าง แชร์ให้เราฟังหน่อยครับ ^^