เคยไหมที่รู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้ดีขึ้น อยากเห็นสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น อยากให้ลูกหลานของเรามีโลกที่น่าอยู่ แต่ก็มีคำถามในใจซ้ำๆ ว่า “สิ่งเล็กๆ ที่เราช่วยกัน จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้จริงหรือ?”
หลายคนบอกว่าการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของคนเพียงคนเดียว มันจะไปสู้กับปัญหาใหญ่ๆ ของโลกได้อย่างไร แต่เดี๋ยวก่อน ทุกคนควรได้ลองฟังเรื่องราวน่าสนใจจากแบรนด์ที่อยู่เคียงข้างคนไทยมายาวนาน อย่าง เนสท์เล่ ที่ได้ปล่อยแคมเปญล่าสุด เพื่อมาตอบคำถามในใจของชาวโลก และจุดประกายให้ผู้คนเห็นว่า “เล็กน้อย…ก็เปลี่ยนโลกได้” จริงไหม?
หนึ่งในหัวใจสำคัญของแคมเปญนี้ คือภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า “สิ่งเล็กๆ ที่เราช่วยกัน จะเปลี่ยนอะไรได้จริงหรือ ? | Every Little Act Matters” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Every Little Act Matters เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้ ที่เนสท์เล่เริ่มต้นด้วยคำถามว่า “เรื่องเล็กน้อย จะเปลี่ยนโลกใบใหญ่ได้จริงหรือ?”
ก่อนจะเล่าเรื่องของหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังมองพฤติกรรมของแฟนสาวอย่างไม่เข้าใจนัก เพราะเธอพกกล่องข้าวไปทานเองทุกที่ หรือแม้กระทั่งการตั้งใจบิดขวดน้ำหลังดื่มเสร็จเพื่อแยกขยะส่งรีไซเคิล
ลงมือทำแบบง่ายๆ
สีหน้าของหนุ่มขี้สงสัยในวิดีโอโฆษณาเนสท์เล่ และคำพูดที่เอ่ยออกมานั้นอาจจะตรงกับความคิดของใครหลายคนในสังคม ว่า “ทำแค่นี้ มันจะเปลี่ยนอะไรได้” แต่สิ่งที่น่าสนใจคือคำตอบของฝ่ายหญิง เธอตอบกลับมาด้วยท่าทีที่ท้าทายเล็ก ๆ ว่า “หรอ? งั้นลองดู”
จากนั้นเองที่ภาพในโฆษณาเริ่มฉายให้เราเห็นถึงการ “ลงมือทำแบบง่ายๆ” ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการพกแก้วน้ำส่วนตัว การลดการใช้พลาสติก การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอีกหลากหลายการกระทำเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อรวมกันแล้ว กลับค่อย ๆ เปิดมุมมองใหม่ให้กับหนุ่มคนนั้น รวมถึงผู้ชมทุกคน ที่เริ่มเข้าใจแล้วว่า การดูแลโลก ไม่ได้เริ่มต้นจากเรื่องที่ยิ่งใหญ่ หรือไกลตัว แต่เริ่มต้นได้จากสิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวัน จากความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสินค้าที่เราบริโภค ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดี และสร้างความยั่งยืนต่อโลกของเราได้อย่างแท้จริง
สำหรับเนสท์เล่ บริษัทผู้นำของวงการอาหารและเครื่องดื่มไม่ได้เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้นแต่ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า ขอเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกใบนี้ และบริษัทพร้อมที่จะร่วมลงมือทำเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับทุกคน
โดยเนสท์เล่นั้นมุ่งมั่นที่จะผลิตอาหารที่ดีต่อผู้บริโภค มีคุณค่าทางโภชนาการ ดีต่อโลก และชุมชน ด้วยความใส่ใจ ดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนตลอดทุกขั้นตอนการผลิตอาหาร ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของวัตถุดิบ ไปจนถึงทุกคำที่เราได้รับประทาน บนความเชื่อของเนสท์เล่ ว่าสิ่งเล็กๆ ที่ทุกคนช่วยกันทำ ล้วนมีความหมายกับใครบางคน
วันนี้ “Every Little Act Matters เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้” ไม่ใช่แคมเปญที่เพิ่งเริ่มต้นของเนสท์เล่ แต่เป็นแคมเปญที่เนสท์เล่เล่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง ในการสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยหันมาปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์คนละเล็กละน้อย เพื่อร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย และทำให้โลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานของเนสท์เล่ให้มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ต้นทางอย่างฟาร์ม ไปจนถึงมือผู้บริโภคแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือ เนสท์เล่ยังให้ความสำคัญกับการเชิญชวนผู้บริโภคทุกคน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันอย่างยั่งยืน เพราะเนสท์เล่เข้าใจดีว่า พลังเล็ก ๆ ของทุกคน เมื่อรวมกันแล้ว จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน
4 เส้นทาง เนสท์เล่สู่เป้าหมาย Net Zero
สำหรับเส้นทางด้านความยั่งยืนของเนสท์เล่ในปัจจุบัน นั้นมุ่งเน้นไปที่ 4 ด้านหลัก เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมาย Net Zero หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง
เส้นทางด้านความยั่งยืน 4 เส้นทางหลักของเนสท์เล่ ได้แก่ 1. จัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน เพื่อส่งต่ออาหารที่รสชาติดีและมีคุณค่าทางโภชนาการ 2. ดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน 3. การพัฒนาความยั่งยืนของบรรจุภัณฑ์ ออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ และ 4. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนการผลิตและการดำเนินงาน
ในมุมของเนสท์เล่ การสานต่อกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค หรือ Good for You นั้นทำควบคู่ไปกับกลยุทธ์ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา หรือ Good for the Planet อย่างไม่หยุดยั้ง ผลที่เกิดขึ้นคือความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่อร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ และในขณะเดียวกันก็ใส่ใจในทุกขั้นตอนการดำเนินธุรกิจให้มีความยั่งยืน ตั้งแต่ฟาร์มไปจนถึงมือผู้บริโภค
ทำไมเนสท์เล่จึงตั้งใจที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยทุกคนได้ร่วมกันดูแลโลก? คำตอบคือเพราะจากการศึกษาผู้บริโภคทั่วโลกของ Kantar ในปี 2023 พบว่า ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนนั้น ได้กลายเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของโลกไปแล้ว ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มที่อาจจะยังเพิกเฉย หรือมีความสนใจน้อย ซึ่งคิดเป็น 40% กลุ่มที่มีความเป็นห่วง แต่ยังไม่ได้ลงมือทำมากนัก ด้วยปัจจัยเรื่องความสะดวกและราคา อีก 40% และกลุ่มที่ให้ความสำคัญสูงและพยายามลงมือทำอย่างจริงจัง 20% ซึ่งเมื่อรวมกลุ่มที่ห่วงใยและกลุ่มที่ลงมือทำเข้าด้วยกัน ก็คิดเป็น 60% ของประชากรทั้งหมดทั่วโลก
และสำหรับประเทศไทยของเรา ข้อมูลจาก Sustainability Sector Index ของ Kantar ในปี 2023 ก็แสดงให้เห็นว่า คนไทยมีความห่วงใยในเรื่องความยั่งยืนมาก โดยเรื่องที่คนไทยให้ความสำคัญสูงสุดคือ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ รองลงมาคือ การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และอันดับที่สามคือ การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ ซึ่งมีตัวเลขที่น่าสนใจ เช่น 76% ของผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคม 69% พร้อมที่จะลงทุนเวลาและเงินกับบริษัทที่พยายามทำสิ่งดีๆ และ 73% เชื่อว่าการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนเป็นการแสดงออกถึงตัวตนด้วย
อินไซต์เหล่านี้เองที่เป็นที่มาของแนวคิดหลักของแคมเปญล่าสุด ที่เนสท์เล่ต้องการที่จะบอกกับทุกคนว่า เนสท์เล่ขอแค่เราเชื่อมั่นในพลังของตัวเอง แล้วเริ่มลงมือทำ เพราะทุกสิ่งเล็กน้อยที่เราเลือกทำในแต่ละวัน หรือแม้แต่การเลือกอาหาร ล้วนมีความหมาย ดังนั้น เพียงเริ่มต้นด้วยการกระทำที่ง่ายและไม่ยุ่งยากในชีวิตประจำวัน เราทุกคนก็จะสามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกและสร้างโลกที่ดีกว่าได้
เป้าหมายคนไทย 20 ล้านคน
การออกแบบมาเพื่อตอบข้อขัดแย้งเล็ก ๆ ในใจของผู้บริโภค และการชวนให้ทุกคน มาร่วมลงมือทำไปพร้อมกันตั้งแต่วันนี้ ทำให้แคมเปญนี้เข้าใกล้การเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในระยะยาว โดยเชื่อมโยงสิ่งที่ดีสำหรับตัวเรา ดีสำหรับคนอื่น และดีสำหรับโลกเข้าไว้ด้วยกัน และเนสท์เล่ยังเชื่อมั่นว่า เมื่อความพยายามของทุกคนมารวมกัน เราจะสามารถสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นถัดไปได้อย่างแน่นอน โดยตั้งเป้าหมายที่จะเข้าถึงคนไทยมากกว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศ
ในส่วนการพัฒนาและฟื้นฟูระบบอาหารอย่างยั่งยืนในวงกว้าง สู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเหลือศูนย์ภายในปี 2050 (Nestlé Thailand Net Zero 2050 Roadmap)
ประเด็นนี้เนสท์เล่มีจุดยืนชัดเจนถึงความพร้อมที่จะร่วมมือไปกับทุกคนในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนไปด้วยกัน ผ่านการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน เพื่อส่งต่ออาหารที่รสชาติดีและมีคุณค่าทางโภชนาการ การดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนาความยั่งยืนของบรรจุภัณฑ์ ให้ออกแบบมาให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนการผลิตและการดำเนินงาน
จะเห็นได้ว่า เนสท์เล่ ไม่ได้เพียงแค่พูดถึงความยั่งยืน แต่กำลังลงมือทำอย่างจริงจัง เพื่อส่งมอบโภชนาการที่ดีและเสริมสร้างความมั่นคงให้กับระบบอาหารสำหรับวันนี้และในอนาคต โดยได้ลงมือเปลี่ยนแปลงเพื่อปกป้องและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ตลอดกระบวนการผลิตอาหาร ตั้งแต่แหล่งเพาะปลูกจนถึงมือผู้บริโภค เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับอาหารและเครื่องดื่มจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ พร้อมกับมีส่วนช่วยดูแลทรัพยากรสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้กับคนรุ่นต่อไป
ได้ฟังเรื่องราวและเบื้องหลังของแคมเปญ “Every Little Act Matters เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้” ของเนสท์เล่ แล้ว อย่าลืมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้ไปด้วยกันกับเนสท์เล่ เริ่มต้นวันนี้ เพื่อโลกที่ยั่งยืนของเราทุกคน
#NestleThailand #goodfoodgoodlife #EveryLittleActMatters #เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้ #MarketingOops