นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปในอดีต ช่วงยุคสงครามโลกอุตสาหกรรมรถยนต์เติบโตขึ้นอย่างมาก จากการเป็นหนึ่งในยุทธภัณฑ์ที่ใช้ในสงคราม ถือเป็นยุคทองของการพัฒนายานยนต์ ทั้งสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ต้องสร้างความเร็วเพื่อใช้ในสงคราม ช่วงล่างที่ต้องแข็งแรงรองรับพื้นที่หลายแบบ รวมไปถึงการออกแบบรถยนต์
นั่นทำให้เยอรมันเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นต้นกำเนินยานยนต์ระดับโลกและยังคงพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะ Big Three ด้านยานยนต์ของเยอรมันทั้ง Volkswagen, Mercedes-Benz และ BMW ที่ปฎิเสธไม่ได้ถึงสมรรถนะ ประสิทธิภาพและเทคโนโลยี แต่ปัจจุบัน Big Three กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างรุนแรง
โดยในช่วงที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกที่ผลิตโดยแบรนด์เยอรมันลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ ซึ่งรายงานยอดขายของแต่ละบริษัทระบุว่าระหว่างปี 2017 – 2023
- ยอดขายรถยนต์ของ VW ลดลงจาก 10.7 ล้านคันเหลือ 9.2 ล้านคัน
- ยอดขายรถยนต์ของ BMW ลดลงจาก 2.46 ล้านคันเหลือ 2.25 ล้านคัน
- ยอดขายรถยนต์ของ Mercedes-Benz ลดลงจาก 2.3 ล้านคันเหลือ 2.04 ล้านคัน
สาเหตุหลักคือการเกิดขึ้นของรถ EV ซึ่งการปรับเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ไปสู่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล แต่แนวโน้มตลาด EV กลับเริ่มไม่เติบโตรวดเร็วเท่าที่คาดไว้ โดยในปีที่ผ่านมารถยนต์ EV ครองส่วนแบ่งในสหภาพยุโรปเพียง 13.6% และในสหราชอาณาจักร 19.6%
อีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสงครามราคา EV และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของทรัมป์ที่ EV จะไม่ถูกช่วยเหลือด้านใดๆ อีกต่อไปจากสหรัฐฯ ขณะที่คู่แข่งจากทั่วโลกก็เริ่มมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น

แม้ว่าสงครามราคาจะถูกจุดชนวนขึ้นโดยจีน นั่นเพราะค่าแรงงานในจีนถูกกว่าและการผลิตรถ EV มีต้นทุนที่น้อยกว่าการผลิตรถสันดาป แต่จีนก็ยังเป็นตลาดใหญ่ของค่ายรถ Big Three เยอรมัน แม้ว่ายอดขายในจีนจะลดลง
- ยอดขายของ VW ในจีนลดลง 9.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน
- ยอดขายของ Mercedes-Benz ในจีนลดลง 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน
- ยอดขายของ BMW ในจีนลดลง 13.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ความสนใจในรถยนต์ต่างประเทศที่มีราคาแพงลดลง และการเติบโตอย่างรวดเร็วของแบรนด์ EV ในประเทศจีน
ด้านสหภาพยุโรปก็มองเห็นเช่นกัน นั่นจึงทำให้เกิดการตั้งภาษีที่สูงขึ้นสำหรับ EV จีน แต่นั่นไม่ดีในความเห็นของ Big Three เพราะนั่นอาจนำไปสู่สงครามภาษีการค้าที่ทางจีนอาจตั้งภาษีสูงขึ้นสำหรับรถยุโรปที่ส่งออกไปขายในจีน และนำมาสู่รายได้ที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากตลาดรถยนต์ในยุโรปอิ่มตัวและต้องพึ่งพาตลาดนอกทวีป
นักวิชาการด้านยานยนต์ได้ออกมาชี้ชัดว่า ตลาดรถยนต์ยุโรปกำลังประสบปัญหาด้านเทคโนโลยีไม่ใช่ต้นทุน ในอดีตยานยนต์ยุโรปได้รับการพัฒนาเพื่อใช้ในภารกิจสงคราม ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี แต่ปัจจุบันจีนเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก จนได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมในด้านต่างๆ
นักวิชาการด้านยานยนต์ย้ำว่า ทางออกของอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมัน คือการกลับไปสู่จุดแข็งในอุตสาหกรรมแบบเดิมของเยอรมนี ด้วยกลับมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอีกครั้ง และจะนำไปสู่การพัฒนากระบวนการผลิตและสภาพการทำงานที่ดี โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมและการศึกษาวิจัย
เมื่อมองย้อนกลับมาที่ประเทศไทย แนวคิดนี้อาจนำไปปรับใช้กับกลุ่มผู้ประกอบการ SME ที่ควรจะหันมาสร้างจุดแข็งเดิมคือความเชื่อมั่น เพื่อให้สามารถสู้กับสินค้าจีนได้
Source: BBC