ก้าวเข้าสู่ปลายปีกันแล้วแบรนด์ธุรกิจรวมถึงนักการตลาดอาจกำลังเตรียมแผนกลยุทธ์สำหรับลุยตลาดในปี 2025 กันอยู่ แน่นอนว่าข้อมูลสำคัญที่จะทำให้กลยุทธ์ในการคิดแคมเปญการตลาดประสบความสำเร็จก็คือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะเกิดขึ้นในปี 2025 ซึ่งล่าสุด Milieu Insight (Thailand) บริษัทวิจัยตลาดชื่อดังปล่อยข้อมูล Insight ผู้บริโภคไทยในปี 2025 ออกมาให้ได้เอาไปใช้กันแบบฟรี ๆ กันไปเลย
ข้อมูล Insight นี้ของ Milieu มีชื่อว่า Thailand’s General Population: Top trends insights ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างชาวไทยทั่วประเทศจำนวน 1,003 คน รวมไปถึงสำรวจด้วยการสัมภาษณ์ Marketing Leader ในไทยอีกจำนวน 62 คน ทำให้นอกจากจะได้เห็น Insight พฤติกรรมผู้บริโภคในแง่มุมต่างๆ แล้วยังทำให้ได้เห็นด้วยว่านักการตลาดในไทยมีกลยุทธ์การตลาดที่เตรียมจะทำในปี 2025 อย่างไร และยังมีช่องว่างที่นักการตลาดยังสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และทรัพยากรให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคให้มากขึ้นได้อย่างไรด้วย
พร้อมควักเงิน “กิน-เที่ยว-เทคฯ” ในปี 2025
Insight แรกที่ Milieu Insight (Thailand) นำมาเปิดเผยก็คือแนวโน้มการใช้จ่ายเงินของผู้บริโภคชาวไทยในปี 2025 ที่พบว่า 3 อันดับแรงจูงใจของคนไทยในการใช้จ่ายเงินในปี 2025 คือ
- สิ่งของจำเป็นต่อชีวิต (66%)
- ยกระดับคุณภาพชีวิต (52%)
- พัฒนาตนเอง (44%)
สำหรับสิ่งที่คิดว่าจะใช้จ่ายในปี 2025 มากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่
- อาหารและเครื่องดื่ม(73%)
- การท่องเที่ยว (54%)
- เทคโนโลยี (44%)
- ครอบครัว/เพื่อนฝูง (43%)
- แฟชั่นและความสวยงาม (41%)
สิ่งที่เห็นจาก Insight นี้ก็คือ โอกาสของตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ยังคงแข็งแกร่ง ยังคงสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือร่วมมือกับแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้นได้ นอกจากนี้ อีกสิ่งที่น่าสนใจก็คือ “ตลาดการท่องเที่ยว” ที่จะกลับมาคึกคักในปี 2025 นี้ก็เป็นอีกโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้า หรือร่วมทำโปรโมชั่นกับแบรนด์ในธุรกิจท่องเที่ยวเช่นโรงแรมหรือสายการบินได้
นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจจากข้อมูลของ Milieu Insight (Thailand) หากแยกเป็นช่วงอายุ ก็คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ (16-24 ปี) ยังคงให้ความสำคัญกับแฟชั่นและความงาม อยู่แต่ในภาพรวมแล้วในปี 2025 ผู้บริโภคชาวไทยวางแผนลดการใช้จ่ายเกี่ยวกับแฟชั่นและความงามลง (36%) โดยเฉพาะ กลุ่มผู้สูงอายุ (55 ปีขึ้นไป) ลดการใช้จ่ายด้านแฟชั่นและความงามมากที่สุด (51%) ดังนั้นแบรนด์แฟชั่นและความงามอาจต้องเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มคนที่อายุน้อยให้มากขึ้น หรืออาจต้องเน้นสร้างความผูกพันธุ์สร้าง Brand Loyalty ให้กับแบรนด์มากขึ้นในกลุ่มลูกค้าอายุเยอะ เป็นต้น
Smart Home มาแน่
เทรนด์เทคโนโลยีเป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจจากข้อมูลของ Milieu Insight (Thailand) ที่เปิดเผยออกมา และน่าสนใจว่าเทคโนโลยี Smart Home เป็นเทคโนโลยีที่ผู้บริโภคไทยจะให้ความสนใจมากที่สุดในปี 2025 นี้ และนี่คือ 5 อันดับเทคโนโลยีที่คนไทยจะให้ความสนใจมากที่สุดในปี 2025
- เครื่องใช้ไฟฟ้า (Smart home appliances) (47%)
- ผู้ช่วยส่วนตัว AI (AI personal assistants) (46%)
- เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ (Health tech) (39%)
- เทคโนโลยี VR และ AR (38%)
จาก Insight นี้แน่นอนว่าแบรนด์ควรการใช้ประโยชน์จาก Smart Home Appliances และ AI Personal Assistants ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผู้บริโภคให้ความสนใจสูง การพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มนี้ จะช่วยเพิ่มยอดขาย และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้เช่นกัน
นอกจากนี้ข้อมูลนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ Health Tech และ VR/AR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต การลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้ ย่อมจะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และ กลุ่มผู้ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวได้
ไลฟ์สไตล์เน้นสุขภาพใส่ใจการนอนหลับ
ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักสำหรับเทรนด์ของการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์คนไทยที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ (39%) มากที่สุด ตามมาด้วยเรื่อง การวางแผนทางการเงิน (30%) และสมดุลชีวิตการทำงาน (14%) สิ่งนี้นักการตลาดและแบรนด์ในไทยเริ่มปรับตัวสู่เทรนด์สุขภาพกันไปบ้างแล้วไม่ว่าจะเป็น ออกสินค้าและบริการที่เน้นสุขภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม Insight ที่น่าสนใจอยู่ลึกลงไปนั่นก็คือ ประเด็นสุขภาพที่คนไทยให้ความสำคัญเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีมากที่สุดคือ “คุณภาพการนอนหลับ” (57%) และนี่คือ 5 อันดับ ประเด็นด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีที่คนไทยให้ความสำคัญจากMilieu Insight (Thailand)
- คุณภาพการนอนหลับเป็นสิ่งที่คนให้ความสำคัญมากที่สุด (57%)
- สุขภาพจิตและความฟิตทางกายได้รับความสำคัญเกือบเท่ากัน (51% และ 50% ตามลำดับ)
- ความสนใจในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันสูง (48%) โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป (61%)
- Work-life balance เป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับคนไทย 44%
ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ การนอนหลับ เป็นสิ่งที่แบรนด์และนักการตลาดสามารถนำไปต่อยอดไปสู่สินค้าและบริการใหม่ๆได้ นอกจากนี้ การสื่อสารทางการตลาดควรเน้นไปที่การสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพ รวมไปถึงการสร้าง Content ที่ให้ความรู้ และ แรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และ สร้าง Brand Engagement ได้
TikTok ทรงอิทธิพลสูงสุดในปี 2025
ในส่วนของการใช้พื้นที่ดิจิทัลของผู้บริโภคผลสำรวจจาก Milieu Insight (Thailand) ก็พบ Insight ด้วยว่า พื้นที่ “Social Media” (84%) ยังคงเป็นช่องทางหลักของผู้บริโภคในการ “ค้นพบ” หรือค้นหาสิ่งต่างๆในโลกดิจิทัล ในขณะที่ “Online Search” ก็ยังคงเป็นอีกช่องทางที่แข็งแกร่งเช่นกันด้วยสัดส่วน (69%)
อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างสัดส่วนมากถึง 89% มองว่า Social Media มีอิทธิพลต่อการ “ตัดสินใจซื้อ” ของตัวเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่งด้วย ส่วนปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคชาวไทยในปี 2025 ที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญอันดับ 1 คือ “คุณภาพสินค้า” (67%) ตามมาด้วย “ราคาเข้าถึงได้” (52%) และอันดับ 3 “ความทนทาน” (48%)
สำหรับแพลทฟอร์มที่ทรงอิทธิพลสำหรับกลุ่มผู้บริโภคคนไทยเรียงจากมากไปน้อยดังนี้
- TikTok (75%)
- Facebook (55%)
- YouTube (51%)
- Instagram (30%)
สิ่งนี้สอดคล้องกับรูปแบบของคอนเทนต์ที่กลุ่มตัวอย่างคนไทยชอบเสพมากที่สุดเรียงจากมากไปน้อยได้แก่
- คลิปวิดีโอสั้น (59%)
- โพสต์แบบให้มีส่วนร่วมเช่น โพล หรือ ถามตอบ (34%)
- คอนเทนต์ที่ให้ประสบการณ์ความจริงเสริม (AR) (34%)
สำหรับแบรนด์และนักการตลาด ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการใช้ประโยชน์จาก Social Media และ Digital Marketing เพื่อเข้าถึงผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้ความสำคัญกับ TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตเร็วอย่างมากและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคมากที่สุด นอกจากนี้ยังตอกย้ำด้วยเช่นกันว่าการสร้าง Content ที่น่าสนใจอย่าง “วิดีโอสั้น” คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในยุคนี้เช่นกัน
การใช้เวลาว่างในปี 2025
นอกจากนี้ยังมี Insight เกี่ยวกับการใช้เวลาว่างที่คนไทยสนใจมากที่สุดในปี 2025 ด้วยที่แบรนด์และนักการตลาดควรทำความเข้าใจ เพื่อเข้าถึงและไปอยู่ในเส้นทางของกิจกรรมเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น “กีฬา” อยากที่จะลองเล่นมากที่สุดโดย 5 อันดับแรกคือ
- วิ่ง (29%)
- ขี่จักรยาน (27%)
- ว่ายน้ำ (27%)
- แบดมินตัน (26%)
- โยคะ (25%)
รวมไปถึงงานอดิเรกที่อยากที่จะทำมากที่สุด 5 อันดับแรกอย่าง
- ทำอาหารทำขนม (43%)
- เล่นเกม (คอมพิวเตอร์, โมบาย หรือคอนโซล) (41%)
- งาน DIY งานศิลปะต่างๆ (36%)
- ตกแต่งปรับปรุงบ้าน (35%)
- ทำสวน (31%)
Marketer ต้องปรับแผนให้ตรงความต้องการผู้บริโภค
อีกข้อมูล Insight สำคัญจาก Thailand’s General Population: Top trends insights ฉบับนี้ก็คือ Insight ของเหล่า Marketing Leader ในประเทศไทยที่คาดหวังว่าจะทำในปี 2025 ข้อมูลที่ Milieu Insight (Thailand) พบว่ายังคงมี “ช่องว่าง” ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในปี 2025 ได้อย่างแท้จริง
สำหรับสิ่งที่ Marketer ต้องปรับเป็นสิ่งแรกก็คือกลยุทธ์การใช้แพลทฟอร์มต่างๆในการทำแคมเปญทางการตลาดในปี 2025 เพราะจากการสำรวจ Marketing Leader ในประเทศไทยพบว่า 3 แพลทฟอร์มแรกที่จะใช้ในการทำแคมเปญคือ
- Facebook (35%)
- LINE (26%)
- TikTok and YouTube (16%) เท่านั้น
ข้อมูลนี้ทำให้เห็นช่องว่างอย่างชัดเจนระหว่างแพลทฟอร์มที่ผู้บริโภคจะใช้งานจริงๆ ที่ TikTok มาเป็นอันดับที่ 1 แต่ Marketer กลับวางแผนที่จะใช้ Facebook เป็นแพลทฟอร์มหลัก ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือการจัดสรรทรัพยากรไปยังแพลทฟอร์มที่จะสามารถไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือเรื่องของ Content Format ที่นักการตลาดจะให้ความสำคัญมากที่สุดในปี 2025 กลายเป็นเรื่องของ
- Chatbots & Virtual Assistant (55%)
- User-Generated Content (48%)
- ประสบการณ์ Augmented Reality (AR) (39%)
คุณปวีร์ ศรีวารีรัตน์ Country Manager แห่ง Milieu Insight สรุปสิ่งที่ได้จากผลสำรวจในครั้งนี้ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์และนักการตลาดเห็นชัดเจนถึง “ช่องวางเชิงกลยุทธ์” ที่ยังสามารถพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้
“ข้อมูลนี้เผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนสำหรับนักการตลาดชาวไทยในปี 2025: 89% ของผู้บริโภคไทยบอกว่าโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ และ 75% ใช้งาน TikTok เป็นประจำ แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ มีเพียง 16% ของผู้นำด้านการตลาดเท่านั้นที่วางแผนจะให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มนี้ นี่ไม่ใช่แค่ความไม่สอดคล้องกันเล็กน้อย แต่เป็น “ช่องว่างเชิงกลยุทธ์” ที่สำคัญเลยทีเดียว” คุณปวีร์ระบุ
นอกจากนี้ในแง่ของปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่พบว่า 67% ของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ความคุ้มค่า 52% และ ความทนทาน 48% จุดนี้คุณปวีร์บอกว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าผู้บริโภคชาวไทยกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการที่พวกเขาค้นหา มีส่วนร่วม และเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น รูปแบบการนำเสนอเนื้อหาก็เปลี่ยนไป 59% ของผู้บริโภคชื่นชอบวิดีโอแบบสั้น ซึ่งไม่ได้เป็นเพียง “อีกหนึ่งตัวเลือก” แต่มันกลายเป็น “ภาษาหลักของการค้าดิจิทัล” ในประเทศไทยแล้ว
“ดังนั้น ในปี 2568 ผู้ชนะตัวจริงจะเป็นแบรนด์ที่เข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นคุณภาพ โดยใช้ข้อความที่ตรงเป้าหมาย บนแพลตฟอร์มที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสมนั่นเอง” คุณปวีร์สรุป