Wisesight Research Discovery ชวนทุกคนมาอัปเดตความรู้ทั้งในด้านของ Social Media, Marketing, Data, AI และ Technology ต่าง ๆ ที่น่าสนใจในทุก ๆ เดือน
สำหรับ Episode 7 นี้มาในหัวข้อ Unlocking E-Commerce : Insight Trends and Strategies for Business Success ที่ชวนคนในวงการการตลาดออนไลน์และผู้ที่สนใจ มาอัปเดตเทรนด์ของพฤติกรรม และ อินไซต์ของลูกค้าบนโลก E-commerce ในปีที่ผ่านมา ว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่คุณจะสามารถนำอินไซต์ต่าง ๆ นี้ ไปวางกลยุทธ์การตลาดได้แม่นยำมากขึ้น
การแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซ ที่นับวันยิ่งทวีความดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ จากปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค การใช้งานโซเชียลมีเดีย รวมถึงการพัฒนาของแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี ทำให้หลายแบรนด์ต้องเร่งเครื่องปรับกลยุทธ์กันยกใหญ่
คุณธนวัฒน์ มาลาบุปผา Co-Founder, Etailligence แพลตฟอร์ม Social Listening เครื่องมือทางการตลาดอัจฉริยะ คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซประเทศไทย ใหญ่สุดเป็น อันดับ 2 ของภูมิภาค ที่ 9.8 แสนล้านบาทในปี 2023 รองจากอินโดนีเซีย และมีแนวโน้มเติบโต ร้อยละ 14 ไปถึงปี 2027 โดยปี 2025 ที่กำลังจะมาถึง ถือเป็นปีที่ท้าทายตลาดอีคอมเมิร์ซอย่างมาก เพราะจะพฤติกรรมการชอปปิ้งออนไลน์ของคนไทยจะซับซ้อนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ผันตัวมาเป็นช่องทางการซื้อขายสินค้าเสียเอง ก็ทำให้ทุกแบรนด์ยิ่งต้องเรียนรู้และปรับตัว
แน่นอนว่าที่ผ่านมาโลกของ Content และ Commerce ผสานรวมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังคงเป็นโอกาสในการทํา Affiliate Marketing ในการหยิบยืมความเชี่ยวชาญและผู้ติดตาม ของอินฟลูเอนเซอร์มาช่วยปิดการขาย
สิ่งที่สามารถทำได้ คือแบรนด์ยังต้องเข้าใจพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค และยึดโยงผู้บริโภคอยู่เสมอ จากสถิติเผยว่า กว่าร้อยละ 35 ของนักช็อปออนไลน์ ติดตามอินฟลูเอนเซอร์ และพร้อมจะเชื่อในสิ่งที่อินฟลูเหล่านี้รีวิวและบอกต่อ ขณะที่ ร้อยละ 31 เป็นนักช็อปที่ชอบเปรียบเทียบราคาจนกว่าจะพอใจ และร้อยละ 21 เป็นนักช็อปใจเย็นที่ชอบหาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนที่ตัดสินใจซื้อสินค้า ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นคุณผู้ชายที่ใส่ใจในการซื้อของ ส่วนสุดท้าย ร้อยละ 13 ส่วนใหญ่เป็นคุณแม่มือใหม่ ที่คัดสรรสินค้าที่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ใช้งานในโอกาสพิเศษ
เคล็ดลับสำคัญคือเครื่องมือ E-Commerce Listening ที่จะช่วยให้นักการตลาดเข้าถึงข้อมูลคู่แข่งหรือคู่ค้าได้อย่างดี และสามารถเอาชนะตลาดด้วย E-Commerce Data-Driven Decisions เช่น Etailligence ที่สามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายจาก Shopee และ Lazada อย่างละเอียดเพื่อนำมาปรับใช้ในการวางแผนกลยุทธ์
คุณธนวัฒน์ ย้ำว่า พฤติกรรมที่สำคัญของผู้บริโภค คือ Value is the name of the game นั่นก็คือผู้ซื้อให้ความสําคัญกับความคุ้มค่า คุ้มราคา และประสบการณ์ที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นราคาถูกกว่า หรือคุณภาพดีกว่า ทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้น การจะอยู่รอดต้องมองหาน่านน้ำใหม่ ๆ หรือ Winning Products ที่เทรนด์กําลังมาให้เจอ
คุณธนวัฒน์ทิ้งท้าย ว่า ปี 2025 จะเป็นปีแห่งการได้รับสินค้า “ไวเป็นปีศาจ” คาดการณ์ว่าตลาด Quick Commerce ไทยโตปีละ ร้อยละ 20-30 ยิ่งส่งของได้ไว ยิ่งได้ใจผู้บริโภค ทำให้แต่ละแพลตฟอร์มเริ่มออกมาตรการกระตุ้นให้เกิดการส่งด่วนมากขึ้น
.
ด้านคุณพุทธศักดิ์ ตันติสุทธิเวท Deputy Director of Data Research Product, บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงแนวโน้มของ Social Media Commerce เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในหมู่ Gen Z ที่ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการค้นหาสินค้าสูงถึง ร้อยละ 55 ด้วยความสดใหม่ของเนื้อหา ทำให้รู้สึกอินกับสินค้ามากกว่าการค้นหาด้วย Web Search แบบดั้งเดิม
รวมทั้งแพลตฟอร์มเองก็เริ่มมองเห็นศักยภาพการทำคอมเมิร์ซด้วยตัวเอง และปิดการขายบนแพลตฟอร์ม เช่น Tiktok shop,Meta Shopping Tools หรือล่าสุดอย่าง YouTube Shopping ทั้งนี้คาแรกเตอร์ของผู้ใช้งานแต่ละแพลตฟอร์มนั้นก็จะแตกต่างกันออกไป
เบื้องลึกที่น่าสนใจของโลกคอมเมิร์ซ สำหรับอนาคตข้างหน้า การใช้อินฟลูเอนเซอร์ยังเป็นหัวใจสำคัญของการปิดการขายท่ีมีศักยภาพในการโน้มน้าวผู้บริโภคได้อย่างดี โดยเฉพาะในหมวดหมู่สินค้า สุขภาพและความงาม ที่มาแรงสุด ๆ ในเวลานี้ สัดส่วนของ Affiliate Marketing จะมีจำนวนคอนเทนต์เติบโตขึ้น ซึ่งการทำคอนเทนต์ มีทั้งแบบแนะนำ และแบบแค่เปะเฉย ๆ เนื่องจากมีคนเห็นเยอะ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ แบรนด์ไม่มีโอกาสควบคุม Message ที่ออกสื่อได้มากนัก และความท้าทายสำหรับแบรนด์คือ เมื่อคอนเทนต์ในช่องทางต่าง ๆ รวมกันจะทำให้เกิดคอนเทนต์เยอะมาก แต่จะ Cannibalized ทำยังไงให้ยอดขายขึ้นทั้งหมด ไม่สร้างความสับสนให้คนซื้อ อีกทั้งภายในแบรนด์ควรสร้าง Strategy Alignment ระหว่างทีมที่ดูแลช่องทางการค้าแต่ละช่องทาง เพื่อไม่ให้เกิดการสับสนของลูกค้า
ขณะที่คุณปานเทพย์ นิลสินธพ Chief Customer Officer, บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวถึงมุมมองในฐานะศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ถึงกลยุทธ์การขายออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ ว่าการเข้ามาของอีคอมเมิร์ซ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าที่เดินเข้ามาในศูนย์การค้ามากนัก แต่จุดมุ่งหมายของผู้คนที่เดินทางเข้ามานั้นเปลี่ยนไปจากเดิม มองว่าศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ Social Hub เพื่อพบปะเพื่อน ๆ และใช้เวลากับครอบครัว มากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากการเติบโตของ Food & Beverage, Community Space, Co-working Space และ Events ขณะที่ แบรนด์เองก็อาศัยการจัดงานอีเว้นท์เพื่อสร้าง Consumer engagement และเชื่อมต่อกับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น เมื่อลูกค้าได้ทำกิจกรรมในพื้นที่ออฟไลน์ แล้วถึงค่อยต่อยอด ไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ต่อไป
อย่างไรก็ตามคุณปานเทพย์ มองว่า ศูนย์การค้าควรพยายามทำให้ประสบการณ์การซื้อของทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์เหมือนกัน หรือที่เรียกว่า ‘Seamless’ ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่น หรือแพ็คเกจจิ้งสินค้า หรือการบริการหลังการขาย
ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปีนี้เราเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปจากเดิม เป็น FIT (Free Independent Travelers) คือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวด้วยตัวเอง ไม่ได้มาเป็นกลุ่มทัวร์มากขึ้น และมีอายุเฉลี่ยน้อยลง อยู่ที่ 24-35 ปี คนเหล่านี้มองหาและใช้จ่าย ในเรื่องของ Experience และการเดินทางในประเทศมากขึ้น สัดส่วนในการใช้จ่ายเรื่องของช้อปปิ้งลดลงเล็กน้อย คุณปานเทพย์กล่าวว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเราเห็นการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่มาจากการเดินทางระยะใกล้มากขึ้น
คุณปานเทพย์มองเทรนด์ของปีหน้าว่าพฤติกรรมลูกค้ายังคงใช้เหตุผลและการพิจารณาก่อนจะตัดสินใจซื้อค่อนข้างเยอะ คนที่ซื้อสินค้า Luxury เพื่อตามเทรนด์จะลดลง และเห็นด้วยว่าคนจะเริ่มให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าของเงินมากขึ้น มองหาสินค้าที่ Timeless และ Quite Luxury มากยิ่งขึ้น ดังนั้นแบรนด์จะต้องสร้างความแตกต่าง สร้างเรื่องราว (Story) ที่ให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว่าภูมิใจที่ได้มีสินค้าชิ้นนั้น เพื่อสร้างความแตกต่างให้โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่น ๆ