KBTG Kampus ผนึกกำลัง KMITL, MU และ TU เปิดเส้นทางใหม่ในการพัฒนา Tech Talent ยุค AI

  • 2.3K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว KBTG ได้ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL), มหาวิทยาลัยมหิดล (MU) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU) ผ่านโครงการ KBTG Kampus เปิดตัวหลักสูตรปริญญาโทที่มุ่งพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีรุ่นใหม่ โดยเน้นการเรียนรู้และวิจัยจากโจทย์จริงในภาคอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างทักษะที่ทันสมัยและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โครงการนี้ยังช่วยยกระดับการศึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทยให้ก้าวทันโลก โดยงาน KBTG Kampus ในปี 2024 จัดขึ้นภายใต้ธีม ‘Future of Higher Education in the Age of AI and Tech Revolution’

 

 

KBTG Kampus: การเสริมสร้างอนาคตของการศึกษาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี

จากการที่ KBTG ได้เปิดตัว KBTG Kampus ในปี 2565 เพื่อยกระดับการศึกษาเทคโนโลยีในไทย โดยสร้างความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมและการศึกษา พร้อมเปิดพันธมิตรนำร่องกับ KMITL ในหลักสูตรปริญญาตรีด้านเทคโนโลยี ล่าสุด KBTG ได้ขยายสู่ระดับปริญญาโทร่วมกับ 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย ได้แก่:

  1. หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวิเคราะห์เชิงธุรกิจ หรือสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ – สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
  2. หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาความมั่นคงไซเบอร์และการประกันสารสนเทศ (หลักสูตรนานาชาติ) – มหาวิทยาลัยมหิดล
  3. หลักสูตรศิลปศาสตรและวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสหวิทยากร – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

นอกจากการพัฒนาหลักสูตรแล้ว KBTG ยังร่วมดูแลกระบวนการคัดเลือกและสนับสนุนการเรียนของนักศึกษา หวังสร้างบุคลากรด้านเทคโนโลยีรุ่นใหม่และยกระดับอุตสาหกรรมไอทีในไทย

 

โดยโครงการ KBTG Kampus ประกอบด้วย 3 โปรแกรมหลักคือ:

  1. KBTG Kampus ClassNest – ร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาหลักสูตร Bootcamp สำหรับบุคลากรเทคโนโลยีรุ่นใหม่ โดยคัดสรรผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญสูงเพื่อบ่มเพาะทักษะที่ตลาดต้องการและเพิ่มโอกาสในการเข้าทำงานกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ KBTG สนับสนุนทุนการศึกษาและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนที่ผ่านการคัดเลือกได้สัมภาษณ์กับ KBTG หลังเรียนจบ โดยตั้งแต่ต้นปี 2567 KBTG Kampus ClassNest ได้จัดหลักสูตรแล้ว 8 หลักสูตร ได้แก่ Java & Go Software Engineering, Cyber Security, Infrastructure และ M.A.D (Machine Learning, AI, Data) มีผู้สมัครกว่า 3,000 คนและผู้เรียนกว่า 1,000 คน ขณะนี้เปิดรับสมัครรุ่นที่ 2 ของ Cyber Security ClassNest ถึง 17 พ.ย. 2567
  2. KBTG Kampus Apprentice – เปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาชั้นปีที่ 3-4 ได้พัฒนาทักษะผ่านการทำงานจริงที่ KBTG ร่วมกับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ KMITL นำร่องโปรแกรมนี้และขยายไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ มีนักศึกษากว่า 50 คนเข้าร่วมโครงการแล้ว โดยปัจจุบันได้ขยายไปยังระดับปริญญาโทร่วมกับ 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำ
  3. KBTG Kampus Co-Research – สานต่อความร่วมมือในด้านงานวิจัยระหว่าง KBTG และพันธมิตรมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่และธุรกิจ S-Curve ส่งเสริมงานวิจัยทางด้าน Deep Tech และต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอิมแพ็คระดับภูมิภาค

 

พลิกโฉมประเทศไทยด้วย AI: การปฏิวัติการศึกษาและแรงงานเพื่ออนาคต 

สำหรับ Keynote Session ภายในงาน KBTG Kampus หัวข้อ Future of higher education in the age of AI and tech revolution คุณกระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท KBTG ได้บรรยายถึงวิวัฒนาการของเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นจาก AI ในปัจจุบัน

 

 

“ทุกครั้งที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด มันจะเปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างมหาศาล ซึ่งในยุคของเรา เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้คือ AI”

คุณกระทิงอธิบายว่าปัจจุบันเราอยู่ใน ‘จุดหักศอก’ แรกของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายถึงช่วงของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรง และเรากำลังมุ่งหน้าสู่จุดหักศอกที่สอง ซึ่งเขาคาดว่าอาจเกิดขึ้นในช่วงปี 2030-2035

“เรามีเวลาเพียง 5-6 ปีที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงและพลิกโฉมตัวเองเพื่อให้ทันกับโลกที่กำลังหมุนไปอย่างรวดเร็ว”

คุณกระทิงได้กล่าวถึง AI ว่าเป็น เทคโนโลยีที่มีบทบาทเหมือนกับไฟฟ้าหรือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งได้กลายมาเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่เข้าถึงทุกส่วนของชีวิตประจำวัน เขาอธิบายว่า AI ไม่เพียงแค่เป็นนวัตกรรมเดี่ยวๆ แต่ยังเป็น complementary innovation ที่เสริมสร้างเทคโนโลยีอื่นๆ ให้มีศักยภาพสูงขึ้นและเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่ามหาศาลถึง 15.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030

“คำถามคือ มูลค่ามหาศาลนี้จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยได้รับประโยชน์ได้มากแค่ไหน?”

ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ คุณกระทิงได้ย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษา “ระบบการศึกษาจะต้อง transform ตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อสร้าง workforce ที่สามารถตอบโจทย์อนาคตที่ถูกขับเคลื่อนโดย AI และการเปลี่ยนแปลงนี้จำเป็นต้องขับเคลื่อนโดย AI เช่นกัน เพื่อให้ระบบการศึกษาสามารถเตรียมคนรุ่นใหม่ให้พร้อมรับมือและใช้ชีวิตในยุคของ AI”

 

 

คุณกระทิงอธิบายว่า เราต้องทำทั้ง Inside out และ outside in โดยแยกเป็น 4 แกนหลักในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ได้แก่ Education for AI คือการให้ความรู้ด้าน AI อย่างกว้างขวาง และ AI for Education ซึ่งเป็นการนำ AI มาใช้ในระบบการศึกษา เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอน อีกด้านหนึ่งคือ Workforce for AI การเตรียมความพร้อมแรงงานสำหรับโลกที่ขับเคลื่อนโดย AI และ AI for Workforce การใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริมสร้างศักยภาพในการทำงาน

เกี่ยวกับความกังวลว่า AI อาจส่งผลให้งานบางประเภทลดลง เขายืนยันว่า “ไม่เป็นความจริง” เนื่องจากปัจจุบัน 80% ของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้าน IT ตัวอย่างเช่น ตำแหน่งด้าน Cybersecurity ที่มีความต้องการบุคลากรมากถึง 2.5 ล้านตำแหน่งทั่วโลก

คุณกระทิงยังเสริมว่าระบบการศึกษาไทยกำลังปรับตัวอย่างรวดเร็ว และได้พูดถึง Andrew Ng ผู้ทรงอิทธิพลด้าน AI และผู้ก่อตั้ง Coursera ที่กล่าวชื่นชมว่า ‘ประเทศไทยมีโมเมนตัมด้าน AI ที่ดีมากๆ’ ซึ่งไทยจำเป็นต้องเดินหน้าต่ออย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เสียโอกาสในยุค AI

 

หลักสูตรสหวิทยาการปริญญาโท: เสริมมุมมองรอบด้าน สู่ความร่วมมือภาคธุรกิจและการพัฒนาประเทศ

นอกจากนี้ยังมี Panel Discussion หัวข้อ KBTG Kampus Master Degree Co-program ดร.เจริญชัย บวรธรรมรัตน์, Senior Venture Director จาก KBTG ได้เล่าถึงแนวคิดเกี่ยวกับหลักสูตรปริญญาโทที่ KBTG พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ พร้อมทั้งเน้นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างบุคลากรคุณภาพสูงเพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต

 

 

“เราตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพและศักยภาพให้กับประเทศนี้” ดร.เจริญชัยกล่าว “เรามองว่าการสนับสนุนในระดับปริญญาโท นอกเหนือจากปริญญาตรี เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันช่วยพัฒนาความรู้และความสามารถขั้นสูงขึ้นไปอีกระดับ”

เมื่อกล่าวถึงการคัดสรรและออกแบบหลักสูตร ดร.เจริญชัยอธิบายว่า KBTG มุ่งเน้นในด้านที่ตัวเองมีความเชี่ยวชาญและสามารถสนับสนุนได้อย่างเต็มที่ “เราจึงเน้นด้าน M.A.D, Data Science และ Security ซึ่งเป็นสาขาที่เรามีความชำนาญและเชื่อว่าจะช่วยตอบโจทย์ในแง่ของความต้องการทักษะที่มีอยู่จริงในปัจจุบันและอนาคต”

 

 

ศ.ดร.สิทธิพล เครือรัฐติกาล ประธานกรรมการบริหารหลักสูตรจากวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เล่าถึงแนวทางของหลักสูตรปริญญาโทใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนความหลากหลายและองค์ความรู้ที่มีในวิทยาลัย

หลักสูตรนี้มีชื่อว่า ศิลปศาสตรและวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสหวิทยาการ ซึ่งให้ความสำคัญกับงานวิจัย โดยมี 36 หน่วยกิต ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นวิชาเรียน 6 หน่วยกิต และเป็นวิทยานิพนธ์ 30 หน่วยกิต “หลักสูตรนี้ออกแบบวิชาเรียนเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ผู้เรียนสามารถทุ่มเทให้กับงานวิจัย นอกจากนี้ วิชาเรียนยังมีลักษณะเป็นแบบ tailor-made ซึ่งหมายถึงสามารถออกแบบเนื้อหาการเรียนให้เหมาะสมกับหัวข้อวิจัยของนักศึกษาแต่ละคน” ศ.ดร.สิทธิพลกล่าว

เขายังกล่าวถึงความยืดหยุ่นของหลักสูตรที่สามารถสำเร็จได้ภายในหนึ่งปี ขึ้นอยู่กับความพร้อมของนักศึกษาแต่ละคน พร้อมทั้งการเปิดกว้างรับหัวข้อวิจัยที่หลากหลายสาขาวิชา

“การร่วมงานกับ KBTG จะช่วยให้นักศึกษาไม่ได้เพียงแต่เรียนรู้ทางวิชาการ แต่ยังสามารถเชื่อมโยงงานวิจัยกับความต้องการในภาคธุรกิจได้จริง เรามุ่งหวังว่านี่จะเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความรู้ที่ตอบโจทย์การทำงานและการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง” ศ.ดร.สิทธิพลย้ำ

 

 

ด้าน รศ.ดร.วรพจน์ กรีสุระเดช คณบดีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง อธิบายถึงหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดเทคโนโลยีดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีหลักสูตรปริญญาโทสองหลักสูตรที่โดดเด่น ได้แก่ หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเน้นการเพิ่มพูนทักษะด้านไอที เช่น Data Science, Data Engineering, Big Data และ Cloud Computing

นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวิเคราะห์เชิงธุรกิจ ที่เปิดตัวเมื่อสองปีที่แล้วเพื่อรองรับเทรนด์ AI โดยเน้นการเรียนรู้ AI อย่างลึกซึ้ง ครอบคลุมเรื่อง Deep Learning, Generative AI และ Machine Learning

“ความท้าทายสำคัญของเราคือการทำงานร่วมกับ KBTG ซึ่งเป็นองค์กรที่ใช้นวัตกรรมทันสมัยอย่างมาก ทำให้ทั้งอาจารย์และนักศึกษาจำเป็นต้องอัปเดตตัวเองให้ทันกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ KBTG” รศ.ดร.วรพจน์กล่าว “นอกจากนี้ ความร่วมมือผ่าน KBTG Kampus ที่ทำงานร่วมกับภาคเอกชนยังทำให้ต้องคิดค้นโซลูชันที่ใช้งานได้จริงและสามารถวัดผลได้ ซึ่งเป็นความท้าทายที่สร้างประสบการณ์อันมีค่าให้กับผู้สอนและผู้เรียน”

ส่วน ผศ.ดร.ธนพล นรเสฏฐ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายการศึกษา คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงหลักสูตรปริญญาโทด้านความมั่นคงไซเบอร์และการประกันสารสนเทศ โดยหลักสูตรนี้ถือเป็นหลักสูตรแรกๆ ของประเทศที่มุ่งเน้นด้านนี้โดยเฉพาะ

“จุดเด่นของหลักสูตรคือการเปิดโอกาสให้คนทำงานที่เผชิญกับความท้าทายในด้าน Cybersecurity ได้มาเพิ่มพูนความรู้และทักษะ” ผศ.ดร.ธนพลอธิบาย “นักศึกษาส่วนใหญ่เป็นคนทำงานอยู่แล้วและมาพร้อมกับโจทย์ท้าทายจากที่ทำงาน ซึ่งทำให้การเรียนการสอนเน้นความครอบคลุมในด้าน Cybersecurity ที่จะนำไปใช้ได้จริง”

ผศ.ดร.ธนพล กล่าวถึงความท้าทายที่ต้องเผชิญในสองด้าน “ด้านแรกคือการขยายกำลังคนของอาจารย์หากมีนักศึกษาเพิ่มขึ้นมาก ส่วนอีกด้านหนึ่งคือความละเอียดในการทำวิจัยร่วมกับ KBTG ซึ่งเป็นอีกความท้าทายที่ต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบ”

 

#KBTG #KBTGKampus #BeyondEducation #AI #MAD #CyberSecurity

 


  • 2.3K
  •  
  •  
  •  
  •