แม้ฟอร์มกากแต่แบรนด์ยังแกร่ง! 5 เหตุผลที่ทำให้แมนยู มีแบรนด์แข็งแกร่งมูลค่าสูงอันดับ 2 ของโลก

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

แม้ เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมคนล่าสุดของแมนยู จะต้องอำลาสโมสรไปเพราะผลงานที่ไม่ดีนักทำให้ทีมจมอยู่ในครึ่งล่างของตารางคะแนน Premier League แต่รู้หรือไม่ว่า“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ยังคงเป็นแบรนด์สโมสรฟุตบอลที่ “แข็งแกร่ง” มาต่อเนื่องนับตั้งแต่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไปเมื่อ 12 ปีก่อน โดยในช่วง 3 ปีล่าสุดมูลค่าสโมสรก็ยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด

  • ปี 2022 สโมสรมีมูลค่า 4,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ปี 2023 เพิ่มขึ้นมาเป็น 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ปี 2024 เพิ่มขึ้นอีกเป็น 6,550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

มูลค่าสูงระดับนี้ทำให้แมนยูครองตำแหน่งสโมสรมูลค่าสูงสุดอันดับ 2 ของโลก รองจาก เรอัล มาดริด ในสเปนเท่านั้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ผลงานในสนามจะยังไม่กลับมาผงาด แต่แบรนด์แมนยู ยังคงเป็นหนึ่งในแบรนด์ฟุตบอลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกในปัจจุบัน

และนี่คือ 5 เหตุผลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความแข็งแกร่งนี้

1.ประวัติศาสตร์ยาวนาน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มี Brand Story ที่ยาวนาน มีทั้งความสำเร็จมากมายรวมไปถึงการข้ามผ่านเหตุการณ์โศกนาฏกรรมสุดเศร้าสร้าง Emotional Bond ให้เกิดขึ้นกับแฟนบอล โดยเฉพาะความสำเร็จที่สะสมมาตั้งแต่ยุค “เมตต์ บัสบี” ไล่มาจนถึงยุคที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของ “เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” สิ่งเหล่านี้เป็น Asset ล้ำค่าที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์และความภาคภูมิใจในกลุ่มแฟนบอลที่มีต่อแบรนด์ได้ และประวัติศาสตร์ที่ทัชใจเหล่านี้ยังสามารถดึงฐานแฟนบอลกลุ่มใหม่ๆให้เพิ่มขึ้นได้ด้วย

2. จากกีฬาสู่ธุรกิจบันเทิง

ในช่วงทศวรรษที่ 90 เริ่มมีสโมสรกีฬาที่มองเห็นช่องทางทำเงินหลากหลายรูปแบบมากขึ้น โมเดลธุรกิจเริ่มแปลเปลี่ยนจากธุรกิจกีฬาสู่ธุรกิจบันเทิงมากขึ้น ทำให้ แมนยู เป็นสโมสรฟุตบอลลำดับที่ 2 ที่มีการเปิดให้ประชาชนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศอังกฤษ การเข้าสู่สนามธุรกิจสร้างผ📌ลกำไรให้ผู้ถือหุ้นทำให้สโมสรต้องเน้นไปที่การสร้างรายได้นอกสนามมากขึ้นนอกเหนือจากฟอร์มการเล่นในสนาม นั่นทำให้ในปี 2001 สโมสรจึงจ้างบริษัทเอเจนซี่ชื่อดังอย่าง Springetts เข้ามาช่วยสร้างแบรนด์ใช้กลยุทธ์การตลาดสร้างฐานแฟนบอลและผลกำไรให้มากขึ้นในเวลาต่อๆมา

3. กลยุทธ์ Think Local, Act Global

แมนยู ไม่ได้สร้างความสำเร็จในประเทศเท่านั้นแต่ขยายตลาดไปทั่วโลกด้วยกลยุทธ์ Think Local, Act global คือ “คิดแบบท้องถิ่นทำแบบระดับโลก” ใช้ความแข็งแกร่งของแบรนด์ท้องถิ่นของเมือง Manchester ขยายไปสู่ตลาดโลก ตั้งแต่เรื่องธุรกิจเช่นการเริ่มขยายสาขา Red Cafe’ ที่เดิมอยู่ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ออกไปอยู่ในหลายๆสถานที่ รวมไปถึงกลยุทธ์สร้างฐานแฟนบอลในเอเชียให้มากขึ้นด้วยการดึงนักกีฬาดังๆจากเอเชียเข้าร่วมทีม ตัวอย่างเช่นกรณี “ปาร์ค จีซอง” นักฟุตบอลทีมชาติเกาหลีใต้รวมถึง “ชินจิ คากาวะ” นักฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นมาร่วมทีม เพื่อสร้างฐานแฟนบอลในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์ทัวร์ปรีซีซั่นที่ขยายฐานไปสู่สหรัฐอเมริกา เอเชีย รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ด้วย

4. สร้าง “สตาร์” อย่างต่อเนื่อง

แมนยู ใช้กลยุทธ์นี้สร้างความนิยมได้ต่อเนื่องตั้งแต่ยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่สร้างนักเตะโด่งดังระดับโลกมากมาย ตั้งแต่ เอริก คันโตน่า, เดวิด เบคแฮม, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือแม้ในยุคที่ไม่มีเซอร์อเล็กซ์ แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ปอล ป็อกบา, แอนโธนี่, บรูโน่ เฟอร์นันเดซ รวมถึงการดึง โรนัลโด้ กลับสู่ทีมอีกครั้ง นักเตะเหล่านี้เปรียบเสมือน “แม่เหล็ก” ที่ดึงดูดความสนใจจากแฟนบอลและสื่อมวลชน สร้างกระแสให้กับสโมสรอยู่เสมอ และนำไปสู่ผลกำไรจากการขายของที่ระลึก ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด รวมถึงตั๋วเข้าชมในสนามได้

5. Brand Loyalty ฟุตบอลอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล

จากวัฒนธรรมการเชียร์กีฬาที่มีเชื่อมโยงกับ “ท้องถิ่น” ในประเทศอังกฤษและหลายๆประเทศในยุโรป ทำให้การสร้างแบรนด์สโมสรกีฬาเกิด Brand Loyalty ได้มากกว่าแบรนด์ธุรกิจหรือสินค้าประเภทอื่น อาจเรียกได้ว่าแฟนฟุตบอลที่เชียร์สโมสรใดสโมสรหนึ่งนั้นเกิดขึ้นด้วย “อารมณ์” มากกว่า “เหตุผล“ จนถึงกับพูดได้ว่าคนเราสามารถเปลี่ยนไปใช้สินค้าแบรนด์อื่นๆได้ แต่ใครเลือกเชียร์ทีมฟุตบอลสโมสรใดสโมสรหนึ่งแล้ว “เป็นไปไม่ได้เลย” ที่จะเปลี่ยนไปเชียร์ทีมอื่นได้ สิ่งนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่กลายเป็นหัวใจของการสร้างแบรนด์ในธุรกิจสโมรฟุตบอล อีกเหตุผลของแบรนด์ที่แข็งแกร่งของแมนยู ที่เพิ่มฐานแฟนๆได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มีฐานแฟนบอลมากที่สุดในโลกไม่นับการทำตลาดที่ปรับตัวเข้ากับยุคสมัยเช่นการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล การทำการตลาดที่เข้าถึงแฟนบอลในแต่ละท้องถิ่น การขยายฐานธุรกิจไปสู่ eSports สิ่งเหล่านี้ช่วยให้แบรนด์ยังคงทันสมัยและเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ และกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์สโมสรฟุตบอลที่แข็งแกร่งมากสุดในโลกได้จนถึงทุกวันนี้


  •  
  •  
  •  
  •  
  •