ถ้าเปิดแผนที่กรุงเทพฯ แล้วให้ปักหมุดสถานที่ที่เป็นเซ็นเตอร์ของเมืองที่ไม่ควรพลาด เชื่อว่าทั้งคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่เลือก “เซ็นทรัลเวิลด์” เพราะที่นี่คือ Landmark แห่งการใช้ชีวิตทุกรูปแบบของทุกคน ไม่ว่าไลฟ์สไตล์จะเป็นอย่างไร สามารถเติมเต็มไลฟ์สไตล์นั้นๆ ได้ทั้ง “กิน – เที่ยว – ช้อป” แบบครบครันที่สุด!
มาค้นหาคำตอบว่าทำไม “เซ็นทรัลเวิลด์” ถึงปักธงเป็น “World’s Best Destination” ระดับโลก ในฐานะ “Landmark of Shopping & Lifestyle” ของกรุงเทพฯ ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่เปิดให้บริการ!
- ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ จุดหมายของคนไทย และชาวต่างชาติ
เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์ (Strategic Location) “ย่านราชประสงค์” ศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ ผนวกเข้ากับความพร้อมของระบบคมนาคม ที่มีครบทั้งทางถนน รถไฟฟ้าสายสีเขียว และทางเรือ โดยประมาณการณ์ว่าปัจจุบันมีผู้คนใช้ชีวิตและสัญจรในย่านนี้มากกว่า 600,000 คนต่อวัน
ความเป็นจุดหมายปลายทางของคนทั่วโลกนี่เอง ทำให้ย่านราชประสงค์ สามารถเทียบชั้นกับย่านดังของเมืองใหญ่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Times Square นิวยอร์ก, Oxford street ของลอนดอน และย่าน Ginza เมืองโตเกียวก็ว่าได้
ด้วยจุดแข็งทำเลที่ตั้ง ส่งผลให้ “เซ็นทรัลเวิลด์” มีจำนวน traffic ลูกค้ามาใช้บริการโดยเฉลี่ย 150,000 คนต่อวัน และถ้ามีอีเว้นท์ใหญ่ จะเพิ่มขึ้นแตะหลักกว่า 200,000 คนต่อวันเลยทีเดียว! โดยมากกว่า 50% ของลูกค้าที่มาเยือนเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากทั่วโลก
ดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าไทย และชาวต่างชาติ จึงได้สร้าง Facilities ต่างๆ อาทิ การทำ centralwOrld Station ที่ให้ที่นี่เป็น Hub หรือศูนย์กลางของการเดินทางไปยัง Tourist Attraction หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วกรุงเทพ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย
- Food Destination รวมร้านดังตั้งแต่สตรีทฟู้ด จนถึงร้านระดับมิชลินกว่า 600 ร้าน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ร้านดังๆ ที่เป็นกระแสไวรัลต่อเนื่องตลอดปี ส่วนใหญ่อยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์เกือบทั้งหมด เป็น “Food Destination” ที่ดีที่สุดใจกลางเมือง ทั้ง Weekday-Weekend จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนไทยยืนต่อคิวเข้าร้านต่างๆ ตลอดทั้งวัน เพราะเชื่อว่าเมื่อเอ่ยถึงเมืองไทย หนึ่งในเสน่ห์ที่คนทั่วโลกนึกถึงคือ “อาหารการกิน” และที่นี่มีไว้ครบทั้งหมด
หลายปีที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่า เซ็นทรัลเวิลด์คือตัวจริงที่เข้าใจอินไซต์การทานอาหารของผู้คน และมุ่งสร้างประสบการณ์โลกแห่งอาหาร บนพื้นที่ร้านอาหารใหญ่ที่สุดในเอเชียกว่า 46,000 ตารางเมตร โดยรวบรวมร้านอาหารและคาเฟ่ไว้มากมาย หลากหลายประเภท ทั้งคาว-หวานมากกว่า 600 ร้าน
ตั้งแต่สตรีทฟู้ดชื่อดัง ร้านที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ร้านอาหารที่เลือกมาเปิดสาขาแรกในไทย รวมไปถึงร้านที่ได้รับเลือกหรือแนะนำโดย Michelin Guide ทำให้เซ็นทรัลเวิลด์ ขึ้นแท่นเป็นศูนย์การค้าที่มีจุดเด่นเรื่อง Food Destination อันดับ 1 ในประเทศ
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนถึงการเป็น Food Destination ของเซ็นทรัลเวิลด์ เราจึงได้รวบรวมตัวอย่างร้านอาหารที่ได้รับการแนะนำจาก Michelin และร้านดังระดับโลกที่ไว้ใจและเลือกเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นที่ที่เปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทยไว้ที่นี่ อาทิ
– Hai Di Lao ชาบูหม้อไฟเจ้าดังจากจีน
– Sushiro ร้านซูชิสายพานยอดนิยมจากญี่ปุ่น
– Saemauel Sikdang ร้านปิ้งย่างชื่อดังจากเกาหลี
– Kam’s Roast ร้านห่านย่างระดับมิชลินสตาร์จากฮ่องกง
– Mak’s Noodle บะหมี่-เกี๊ยวระดับมิชลินจากฮ่องกง
– Din Tai Fung ร้านอาหารจีนระดับมิชลินที่โด่งดังเมนูเสี่ยวหลงเปา
– แสนยอด ร้านอาหารจีนกวางตุ้ง
– Nara Thai Cuisine ร้านอาหารไทยต้นตำรับ
– TP Tea by Chun Shui Tang ต้นตำรับชานมไข่มุกเจ้าแรกของโลก
– bhc เชนร้านไก่ทอดชื่อดังจากเกาหลี
นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญ กับขบวนร้านเพิ่งเปิดใหม่ และร้านที่กำลังเปิดตัวเร็วๆ นี้อีกมากมาย เช่น Albero ร้านเจลาโต้ต้นตำรับอิตาลี, Blue Coffee คาเฟ่ดังจากเชียงใหม่, Drop by Dough ร้านโดนัทและคาเฟ่ดัง, Tonkatsu Aoki ร้านทงคัตสึยอดนิยมจากญี่ปุ่น, Hikiniku To Come ร้านแฮมเบิร์กจากประเทศญี่ปุ่น, Ginger Farm Kitchen ร้านอาหารเหนือชื่อดังจากเชียงใหม่
- แหล่งรวมแฟชั่นสุดชิค ผ่านแคมเปญ centralwOrld Fashion Citizens
อีกหนึ่งเหตุผลทำไมเซ็นทรัลเวิลด์ ถึงเป็น Landmark of Shopping & Lifestyle ครองใจทั้งลูกค้าไทย และลูกค้าต่างชาติ คือ เป็น “Fashion Destination” หรือจุดหมายปลายทางด้านแฟชั่นของไทย เพราะรวบรวมแบรนด์แฟชั่นมากกว่า 1,000 แบรนด์ หลากหลายสไตล์ ให้ทุกคนได้เลือก Mix & Match สไตล์ที่ใช่ในแบบของทุกคน ตามแบบฉบับของ centralwOrld Fashion Citizens
เซ็นทรัลเวิลด์ตอกย้ำการเป็นศูนย์กลาง Fashion Community ผ่านการจัดแคมเปญ “centralwOrld fashion citizens” ต่อเนื่องทุกปี อย่างในปี 2024 ได้จับมือ 2 นิตยสารแฟชั่นระดับโลก Vogue Thailand และ GQ Thailand เนรมิตพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ให้เป็นแฟชั่นเฟสติวัลแห่งปีกับกิจกรรม “‘VogueFestxGQPlayground’ มุ่งเน้นการนำเสนอนิยามใหม่ของแฟชั่นที่ฉีกจากรูปแบบเดิมๆ โดยเน้นความเป็นตัวตน (Authenticity) ความหลากหลาย (Diversity) ความสร้างสรรค์ (Creativity) ควบคู่กับการสนับสนุนแฟชั่นยั่งยืน (Sustainable Fashion) เพื่อส่งมอบประสบการณ์การค้นหาแบรนด์และสไตล์ที่ตอบโจทย์ความเป็นตัวตนของแต่ละคนในหลากหลายมิติ และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นของเมืองไทย
อีกหนึ่งกิจกรรมด้านแฟชั่น ที่ยังเดินหน้าผลักดัน Young Designer ด้วยการจัดงาน “centralwOrld Thailand Graduate Fashion Week 2024” ภายใต้ความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร, บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด, เจี้ยนชา และ 23 มหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศ เปิดโอกาสให้นิสิตและนักศึกษา ภาควิชาสิ่งทอและการออกแบบจากรั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศ นำเสนอสุดยอดปริญญานิพนธ์ด้านแฟชั่นดีไซน์บนเวทีระดับมาตรฐานสากล เพื่อค้นหาดีไซเนอร์ดาวรุ่งดวงใหม่ประดับวงการแฟชั่น พร้อมต่อยอดผลงานสู่โปรเจคที่นำไปจำหน่ายได้จริง ผ่าน Pop Up ในอนาคต นับเป็นการสร้างเส้นทางสู่การเป็นผู้ประกอบการด้านแฟชั่นในวันข้างหน้า
- แบรนด์ดังทั่วโลกเลือกเปิด Flagship Store – สาขาแรกในไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์
บทพิสูจน์ความสำเร็จ และความเป็น World’s Best Destination ตัวจริงของเซ็นทรัลเวิลด์ คือ การที่เหล่าแบรนด์ดังระดับประเทศ และระดับโลกส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร แบรนด์แฟชั่น แบรนด์ไลฟ์สไตล์ แบรนด์สปอร์ตแวร์ ร้านเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้าน เลือกเปิด Flagship Store และสาขาแรกในประเทศไทย รวมไปถึงการเปิดตัวคอลเลคชั่นพิเศษที่เซ็นทรัลเวิลด์เป็นที่แรก หรือ Pop Up Store มากมาย
– Flagship Store ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เช่น POP MART, Birkenstock, Uniqlo, Adidas, MLB, Sketcher, Yakiniku Like, Naixue
– สาขาแรกในไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์ (First time in Thailand) เช่น Cheesecake Factory, APM Monaco, Katsu Midori, Beyond The Vines, ChiCha San Chen
– แบรนด์ที่ให้บริการเฉพาะที่เซ็นทรัลเวิลด์ที่เดียวเท่านั้น (Only at centralwOrld) เช่น Kumo Kumo, Canton Paradise, Ritual
ปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ดังระดับประเทศ และระดับโลก ตัดสินใจเลือกเปิด Flagship store, สาขาแรก รวมทั้งคอนเลคชันพิเศษเป็นที่แรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ เนื่องจากเชื่อมั่นในศักยภาพ ทั้งทำเลที่ตั้งใจกลางเมือง องค์ประกอบภายในศูนย์ฯ ที่มีความหลากหลายครบครัน ทั้งกิน-เที่ยว-ช้อป และจำนวน Trafficลูกค้าที่มากกว่า 150,000 คนต่อวัน ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ จึงสร้างความมั่นใจให้กับเหล่าแบรนด์ดังได้ว่าเมื่อมาเปิดสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์แล้ว จะตอบโจทย์ทั้งด้านแบรนด์ดิ้ง ด้านภาพลักษณ์ ตลอดจนการเข้าถึงผู้บริโภค ทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ
- World-class Event & Community สร้างชื่อเสียงประเทศไทยกระหึ่มทั่วโลก
การเป็น Landmark แห่งการใช้ชีวิตทุกรูปแบบที่เซ็นทรัลเวิลด์ นอกจากเรื่องอาหารการกินและช้อปปิ้งแล้ว ยังเป็น Landmark การจัดงานอีเว้นท์ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก และเป็น Best Festive Landmark Destination ทุกเทศกาลมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี จนขึ้นแท่นเป็น Top of mind ความภาคภูมิใจของไทย ตลอดจนการสร้าง Community ให้กับผู้คนที่ชื่นชอบใน Culture และ Sub-culture ต่างๆ ได้มารวมตัวกัน
อย่างการจัดอีเว้นท์ระดับโลกที่จัดต่อเนื่องทุกปี และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เช่น งาน centralwOrld Songkran Festival ที่ดันสงกรานต์ไทยให้เป็นหนึ่งใน World’s Best Festival, งาน Thailand’s Pride Celebration
นอกจากนี้ในช่วงปลายปีนี้ มีอีเว้นท์ใหญ่อีกเพียบ อย่าง YWCA Charity Bazaar งานที่รวมสินค้านานาชาติไว้มากที่สุด กับร้านค้ากว่า 200 ร้าน 40 ประเทศ คัดสรรคุณภาพสุดพิเศษให้คุณได้เลือกหลากหลายประเภท, งานเปิดไฟต้นคริสต์มาส และ Christmas Decoration สุดอลังการในเดือนพฤศจิกายน สัญลักษณ์การเริ่มต้นเทศกาลแห่งความสุข ที่คนไทย และนักท่องเที่ยวรอคอย ถึงทุกวันนี้กลายเป็นจุด Photo Landmark ช่วงปลายปีที่ทุกคนต้องมาเช็คอิน
และอีก Mega Event ที่คนไทยและคนทั่วโลกต่างประทับใจและไม่พลาดที่จะเดินทางมาเยือนทุกปี “centralwOrld Bangkok Countdown” ปรากฏการณ์เคานต์ดาวน์ระดับโลกที่จัดอย่างยิ่งใหญ่มายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ที่นี่เปรียบได้กับ Time square of Asia หนึ่งเดียวใจกลางเมือง รวมความบันเทิง ความสนุก และความสุข ทั้ง Music Festival เทศกาลดนตรียิ่งใหญ่ที่พาเหรดศิลปินชื่อดังระดับท๊อป มาแสดงโชว์สุดพิเศษบนวที พร้อมร่วมนับถอยหลังสู่ศักยราชใหม่
ขณะเดียวกันเซ็นทรัลเวิลด์ ยังให้ความสำคัญกับการสร้าง “Community” เพื่อทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่รวมตัวของคนทุกกลุ่ม ทุกความสนใจ ที่มีความชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน หรือคอเดียวกันผ่านกิจกรรม หรืออีเว้นท์ต่างๆ เป็นจุดนัดพบให้กับคนที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกันมารวมตัวกัน โดยปัจจุบันหลายกิจกรรม หลายอีเว้นท์จัดขึ้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ กลายเป็น Signature Event ที่เมื่อเอ่ยชื่องานแล้ว ทุกคนจดจำได้ และไม่พลาดที่จะมา!
อย่างใครที่เป็นคอกาแฟ ต้องไม่พลาด”Thailand Coffee Hub” อีเว้นท์กาแฟใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุด รวมเอากลุ่มคนที่เป็นคอกาแฟได้มาเลือกซื้อเลือกชิมกาแฟประเภทต่างๆ พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้กับคนรักกาแฟด้วยกัน
หรือใครที่ชื่นชอบซูเปอร์คาร์ มารวมตัวกลุ่มคน Supercar Community ที่งานอีเว้นท์ “Gumball 3000 at centralwOrld” เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขบวนซูเปอร์คาร์สุดหรูกว่า 120 คัน รวมมูลค่ากว่าพันล้านบาท ที่แรลลี่ในเส้นทางไซง่อน-สิงคโปร์ ปักหมุดจุด Pit Stop บนพื้นที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ให้ยลโฉมสุดยอดยนตรกรรมระดับโลกอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นอีกงานที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว ที่ผสานแรลลี่แข่งรถให้เข้ากับการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
นอกจากนี้ใครที่เป็นคอเพลง เซ็นทรัลเวิลด์ได้สร้าง centralwOrld Music Community ที่รวมกลุ่มคนที่ชื่นชอบในเสียงเพลง โดยมีศิลปินที่ชื่นชอบในดวงใจ ได้มามีส่วนร่วม แสดงออกถึงความชื่นชอบและความรักที่มีต่อศิลปิน ซึ่งมักจะมีเพลงใหม่ๆ มาเปิดตัวที่ centralwOrld Digital Screen บริเวณจุดต่างๆ ภายในเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อให้ศิลปินนักร้องหลากหลายค่ายได้มาฝากโปรโมทเพลงใหม่ๆ เช่น วง BUS, PP Krit, Billkin, Ally, Perses, Bowkylion, Season Five, Milli, The Toyy, Jaehyun, Red Velvet
ในขณะที่ลูกค้า หรือคนที่รักเสียงเพลงก็ได้อัปเดตเพลง ซิงเกิลใหม่ๆ ของเหล่าศิลปินคนโปรด โดยมีเหล่าแฟนคลับมาเดินเล่นที่นี่ พร้อมเก็บภาพและวิดีโอที่ขึ้นเพลงศิลปินคนโปรดบนจอดิจิทัลในศูนย์ฯ เพื่อแชร์ลงโซเชียลมีเดียของตัวเอง
ทั้งหมดนี้คือจุดแข็ง 6 Wow! Factor ที่ต่อจิ๊กซอว์ความครบวงจรของ “เซ็นทรัลเวิลด์” ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางทั้งคนไทย และการเดินทางมาท่องเที่ยวที่กรุงเทพฯ ของชาวต่างชาติทั่วโลก
ตอกย้ำให้เห็นว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี เซ็นทรัลเวิลด์ยังคงยืนหนึ่งในการเป็น Lifestyle Landmark ระดับโลกใจกลางเมืองที่อยู่ใน Top of Mind ของคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนึกถึงเป็นอันดับแรก ตอบโจทย์การมาใช้ชีวิตและใช้เวลาสุดพิเศษ ทั้งเรื่องกิน – เที่ยว – ช้อปได้หลากหลาย และครบครันในที่เดียว