สิ้นสุดการรอคอย กับการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่จาก Tesla ที่คราวนี้ชูโรงมาด้วยเทคโนโลยียานพาหนะไร้คนขับ และหุ่นยนต์ผู้ช่วยอย่าง Optimus ทางอีลอน มัสก์ได้เคยเกริ่นๆ ไว้ก่อนหน้านี้บ้างแล้ว ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้ก็นับว่าสามารถพลิกโฉมภาพจำของสังคมมนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิงทีเดียว
‘Cybercap’ รถแท็กซี่ไร้คนขับ ปลอดภัยกว่า 20 เท่า ในต้นทุนที่ต่ำกว่า
เปิดงานมาด้วยรถแท็กซี่ไร้คนขับ และใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนจากการชาร์จไร้สายด้วยระบบการชาร์จแบบเหนี่ยวนำ โดยโมเดลนี้แตกต่างจากรถยนต์ประเภทอื่นของ Tesla ตรงที่ไม่มีทั้งพวงมาลัย หรือแท่นคันเร่งใดๆ มีเพียงห้องโดยสารสำหรับ 2 คน เน้นย้ำความเป็นแทกซี่รับส่งโดยเฉพาะ
แม้จะมีเสียงสะท้อนความไม่เชื่อมั่นของระบบ Autopilot และระบบ Full Self-Driving (Supervised) ในรถยนต์มาตลอด แต่ Tesla ยังยืนยันเดินหน้านวัตกรรมรถยนต์ไร้คนขับที่จะปฏิวัตวงการยานยนต์ และช่วยให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นต่อไป
อีลอน ยังกล่าวอีกว่า Cybercap จะเป็นแท็กซี่ที่ปลอดภัยกว่ารถยนต์ที่มนุษย์ขับถึง 10-20 เท่า โดยมีต้นทุนอยู่ที่ 0.20 USD/Miles หรือประมาณ 6.67 บาทต่อ 1.6 กิโลเมตรเท่านั้น โดย Tesla วางแผนว่าจะเริ่มผลิตรถแท็กซี่ Cybercap ในปี 2026-2027 ซึ่งทางอีลอนแง้มต้นทุนการผลิตเบื้องต้นว่าอยู่ที่ราว 30,000 ดอลลาร์ต่อคัน หรือประมาณ 1 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบในรัฐเท็กซัส และแคลิฟอร์เนียในปีหน้า
‘Robovan’ รถตู้ขนส่งไฟฟ้าไร้คนขับ รองรับ 20 คน เจาะปัญหาความหนาแน่นของตัวเมือง
ยังอยู่กับการขนส่งสาธารณะ ต่อเนื่องจากแท็กซี่ สู่รถตู้ไร้คนขับ Robovan ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากระบบการชาร์จแบบเหนี่ยวนำเช่นเดียวกับ Cybercap และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ที่ 20 คน ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นรถขนส่งสินค้าได้อีกด้วย
อีลอน วาง Robovan ให้เป็นตัวแก้ปัญหา ‘ความหนาแน่น’ ในเมืองใหญ่ ที่ต้องใช้การขนส่งสาธารณะขนาดใหญ่มากขึ้น ซึ่งก็จะตามมาด้วยปัญหาต้นทุนการเดินทางที่สูงขึ้นตามขนาดของยานพาหนะ แต่สำหรับ Robovan แล้วมีต้นทุนการเดินทางอยู่ที่ 5-10 cent/Miles หรือไม่เกิน 3 บาทต่อ 1.6 กิโลเมตร
‘Optimus’ หุ่นยนต์ผู้ช่วยมากความสามารถ จุดเริ่มต้นสังคมแห่ง ‘มนุษย์และหุ่นยนต์’
นอกจากการเปิดตัวยานพาหนะไร้คนขับที่เจาะการขนส่งสาธารณะแล้ว ในงาน We, Robot เราจะได้เห็นหุ่นยนต์สวมหมวกคาวบอยกำลังทำหน้าที่เสิร์ฟเครื่องดื่มพร้อมกับพูดคุยสร้างสีสันให้กับแขกในงานไปด้วย ซึ่งเจ้าหุ่นนี้คือ ‘Optimus’ ผู้ช่วยงานบ้านคนเก่งที่อีลอนถึงกับกล่าวว่า “ผมคิดว่านี่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
ความสามารถของ Optimus นั้นหลากหลาย แต่หลักๆ แล้วคือการช่วยงานต่างๆ ภายในบ้าน เช่น การพาสุนัขเดินเล่น ดูแลเด็ก ตัดหญ้า รดน้ำต้นไม้ ไปจนถึงการรับพัสดุเข้ามาไว้ในบ้าน
แม้ Tesla จะเปิดตัวโครงการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาตั้งแต่ปี 2021 แล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าสำคัญเท่าไหร่นัก แต่ในงาน We, Robot ครั้งนี้ก็ทำให้เราเห็นศักยภาพที่พัฒนาขึ้นอย่างมากของ Optimus และวันหนึ่งเราอาจเห็นหุ่นยนต์เดินปะปนกับมนุษย์บนท้องถนนเป็นเรื่องปกติก็ได้
โดยอีลอนกล่าวเพิ่มเติมว่า Optimus จะเข้ามายกระดับโครงสร้างทางเศรษฐกิจในสังคมมนุษย์ หรือกระทั่งแก้ไขปัญหาความยากจนให้หมดไป ซึ่งตอนนี้ Optimus อยู่ในระดับที่สามารถผลิตได้ครั้งละจำนวนมากแล้ว และอีลอนประมาณราคาไว้ที่ 20,000 ดอลลาร์ หรือ 666,040 บาท
