Google สร้างความฮือฮาให้กับวงการไอทีไทย ด้วยการประกาศแผนลงทุนมูลค่า 36,000 ล้านบาท เพื่อสร้าง Data Center และ Cloud Region ในประเทศไทย และไม่ใช่แค่ Google เท่านั้น Microsoft เองก็เคยประกาศแผนที่จะลงทุนสร้าง Data Center แห่งแรกในไทยด้วยเช่นกันในช่วงกลางปีที่ผ่านมา นับเป็นเป็นการลงทุนครั้งสำคัญที่จะช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจและเป็นการสร้างงานให้กับคนไทยอีกมากมาย
แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า Data Center และ Cloud Region คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร และสำคัญกับเราอย่างไรบ้าง บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ Data Center และ Cloud Region ให้มากขึ้น พร้อมเจาะลึกถึงประโยชน์สำหรับธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ และตอบคำถามว่าทำไมประเทศไทยจึงกลายเป็นประเทศเป้าหมายให้บริษัทเทคระดับโลกทุ่มเงินลงทุนสร้าง Infrastructure ขนาดใหญ่เหล่านี้
Data Center คืออะไร?
ลองนึกภาพห้องขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยเซิร์ฟเวอร์ ระบบเครือข่าย และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประมวลผล และจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล นั่นคือ Data Center หรือศูนย์ข้อมูล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของบริการออนไลน์ต่างๆ ที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวัน ถ้าสำหรับ Google ก็เช่น การค้นหาข้อมูลบน Google, การดูวิดีโอ YouTube, การใช้ Gmail, Google Maps รวมถึง Google Workspace ส่วนของ Microsoft ก็จะเป็นบริการค้นหาผ่าน Bing, Microsoft 365 รวมไปถึงบริการอย่าง One Drive เป็นต้น
สำหรับ Data Center ของ Google ที่จะมาสร้างในประเทศไทย จะตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ (WHA) ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดชลบุรี โดยจะทำหน้าที่ จัดเก็บข้อมูล และประมวลผลคำขอสำหรับบริการดิจิทัลต่างๆ ของ Google ส่วนของ Microsoft นั้นยังไม่มีการเปิดเผยถึงแผนการก่อสร้างรวมถึงงบการลงทุนที่แน่ชัด
Cloud Region คืออะไร?
Cloud Region คือการรวบรวมทรัพยากรการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูลโดยมีการเชื่อมต่อเครือข่ายประสิทธิภาพสูงระหว่างกัน แม้ว่าฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการดำเนินการจะคล้ายคลึงกับศูนย์ข้อมูล (Data Center) แต่ Cloud Region จะให้บริการ Google Cloud เฉพาะสำหรับองค์กรขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรอื่นๆ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไปสู่ระบบดิจิทัล
เทคโนโลยีนี้เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ ธุรกิจ องค์กรภาครัฐ และนักพัฒนา ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Cloud เช่น การประมวลผลข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning
Google เปิดเผยว่า Cloud Region ของ Google ในประเทศไทย จะตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยจะช่วยให้ธุรกิจไทย สามารถเข้าถึงบริการ Cloud ได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงช่วยลดต้นทุน และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ
Data Center และ Cloud Region ต่างกันอย่างไร?
แม้ว่า Data Center และ Cloud Region จะมีโครงสร้างพื้นฐานคล้ายคลึงกัน แต่มีจุดประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน ก็คือ Data Center จะ เน้นการให้บริการแก่ผู้ใช้งานทั่วไป เช่น การค้นหาข้อมูล การรับชมวิดีโอ การใช้งานอีเมล ส่วน Cloud Region จะเน้นการให้บริการแก่ธุรกิจ องค์กร และนักพัฒนา ที่ต้องการใช้เทคโนโลยี Cloud เพื่อ พัฒนาแอปพลิเคชัน จัดเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนา AI รวมถึง Machine Learning ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังก้าวหน้าเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
Data Center และ Cloud Region ดีต่อธุรกิจอย่างไร?
การลงทุนของ Google ในครั้งนี้ มีประโยชน์มากมายต่อธุรกิจไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ เข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้เร็วขึ้น เมื่อ Data Center ในประเทศไทย ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบ Real-time ได้ นำไปสู่การปรับกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างทันท่วงที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมี Cloud Region ในไทยจะช่วยให้สามารถทำ Personalized Marketing ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพราะจะ ช่วยให้ประมวลผลข้อมูลลูกค้าจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว และใช้ AI ช่วยแบ่งกลุ่มลูกค้า Segmentation สร้าง Customer Profile ได้สามารถสร้างแคมเปญ Omnichannel Marketing ช่วยให้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางได้ เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย เช่น แบรนด์เครื่องสำอางสามารถส่งโปรโมชั่น “ลดราคาครีมบำรุงผิวสำหรับผิวแห้ง” ส่งหาลูกค้าเฉพาะลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าประเภทเดียวกัน ผ่านช่องทางที่ลูกค้าใช้สื่อสารกับแบรนด์เท่านั้นได้ โดยใช้เทคโนโลยีอย่าง CDP ได้เป็นต้น
นอกจากนี้แน่นอนกว่าจะทำให้การวัดผลทางการตลาดทำได้รวดเร็วแม่นยำ การสร้างคอนเทนต์ภาษาไทยด้วยเทคโนโลยี AI ทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ที่สำคัญเลยก็คือการมี Data Center ในประเทศไทย ช่วยลดต้นทุนในการใช้บริการ Cloud และ IT infrastructure ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกับเรื่อง ความปลอดภัยของข้อมูล การเก็บข้อมูลในประเทศไทย มีความปลอดภัยสูงกว่า และเป็นไปตามกฎหมาย PDPA ของไทย ธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัยด้วยเช่นกัน
ทำไมประเทศไทยเป็นเป้าหมายในการลงทุน?
จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า Data Center ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ขนาดของ Data Center ต่อจำนวนประชากรในไทยเติบโตไปแล้วกว่า 54% และไทยอยู่อันดับ 3 ของอาเซียน คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2567-2570 การลงทุน Data Center ของไทยจะมีมูลค่ามากกว่า 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1.1% ของ GDP และตลาดบริการ Data Center ไทยน่าจะเติบโตเฉลี่ยกว่า 31.2% ต่อปี ซึ่งอัตราการเติบโตระดับนี้ชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุน และทำให้ไทยก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน Data Center และ Cloud Region ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกหลายบริษัท
สำหรับประเทศไทยเองก็มีข้อได้เปรียบในการลงทุน Data Center เพราะเป็นทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อภูมิภาคอาเซียน ความมั่นคงปลอดภัยสูงและมีความเสี่ยงภัยพิบัติทางธรรมชาติน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลคุณภาพสูง เช่น ระบบไฟฟ้าเสถียร อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และเครือข่าย 5G ครอบคลุม ความต้องการใช้งานภายในประเทศ นอกจากนี้ภาครัฐยังมีนโยบายสนับสนุนให้เกิดการลงทุน เช่น สิทธิประโยชน์จาก BOI เป็นต้น
นอกจากนี้ การเติบโตของตลาดดิจิทัลในประเทศ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ล้วนเป็นแรงส่งที่เร่งให้ Data Center กลายเป็น “โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล” ที่สำคัญ และเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าจับตามอง เป็นการลงทุนที่จะผลดีต่อธุรกิจอื่นๆ ใน Supply Chain เช่น โทรคมนาคม พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งยังช่วยสร้างงาน เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี และสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค
ด้วยศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทย จึงไม่น่าแปลกใจที่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกหลายแห่ง โดยนอกจาก Google และ Microsoft แล้วยังมีบริษัทใหญ่อย่าง AWS ที่ลงทุนสร้าง AWS Region ในไทยแล้ว 3 แห่ง ด้วยเงินลงทุนกว่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนครั้งใหญ่เหล่านี้ คาดว่าจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยได้ในอนาคต