ปี 2024 นับเป็นปีแห่งความผันผวนในแวดวงข่าวสารและสื่อต่าง ๆ ทั่วโลก และเรื่องนี้ถูกตอกย้ำอีกครั้งผ่านรายงาน Digital News Report ฉบับที่ 13 ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Rueters สำนักข่าวระดับโลกและ Oxford มหาวิทยาลัยชื่อดังจากประเทศอังกฤษ ที่แพลทฟอร์ม Amplify โดย TrendWatching นำมารายงานเมื่อไม่นานมานี้
สำหรับรายงาน Digital News Report เป็นการสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคใน 47 ประเทศจาก 6 ทวีป พบข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของพฤติกรรมของผู้บริโภคข่าวสารในยุคปัจจุบัน การปรับตัวของสำนักข่าว และบทบาทของแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจที่นักการตลาดจะนำมาพิจารณาและปรับตัวไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
YouTube แชมป์แพลทฟอร์มคนเสพข่าว TikTok แซง X ครั้งแรก
เรียกว่าไม่น่าแปลกใจที่ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่มาแรงสุดๆในตอนนี้ จะขึ้นแท่นเป็นช่องทางติดตามข่าวสารแซงหน้า Twitter (หรือ X ในปัจจุบัน) ไปได้ นี่แสดงให้เห็นถึงพลังของคอนเทนต์วิดีโอสั้นที่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับการเสพคอนเทนต์รูปแบบนี้
อย่างไรก็ตาม YouTube ยังคงเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการข่าวสารออนไลน์ยังคงยึดครองอันดับ 1 แพลทฟอร์มออนไลน์ที่มีคนใช้ติดตามข่าวสารมากที่สุด โดยมีผู้ใช้งานทั่วโลกเข้าไปดูข่าวเป็นประจำทุกสัปดาห์ถึง 31% ตามมาด้วย WhatsApp ที่ 21%, TikTok 13% ที่แซงหน้า Twitter หรือ X ที่ 10% เป็นครั้งแรกด้วย
Facebook กำลังตกยุค?
สวนกระแสกับ TikTok ที่มาแรงรายงาน Digital News Report กลับพบว่า Facebook มีผู้ใช้งานเพื่อติดตามข่าวสารลดลงถึง 4% ในปีที่ผ่านมา นี่เป็นสัญญาณเตือนที่นักการตลาดต้องจับตามอง เพราะ Facebook เคยเป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงข่าวสารของผู้คนจำนวนมาก แต่ในปัจจุบัน แพลตฟอร์มอื่น ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทแทนที่แล้ว
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะก่อนหน้านี้ Facebok นับเป็นแพลทฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับข่าวปลอมรวมถึงปัญหาด้านอื่นๆด้วยการออกข้อบังคับและลดบทบาทของข่าวบน Facebook, Instagram และ Threads ลงลดการโปรโมทเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง และลดการสนับสนุนอุตสาหกรรมข่าวลงด้วยนั่นเอง
วิดีโอสั้นคือคำตอบ!
ถึงแม้แพลตฟอร์มจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่คอนเทนต์ก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการดึงดูดผู้ชม สำนักข่าวต่าง ๆ ต้องปรับตัวให้เข้ากับแพลตฟอร์มใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างคอนเทนต์วิดีโอสั้นที่น่าสนใจและเข้าถึงง่าย
จากรายงานพบว่า วิดีโอได้กลายมาเป็นแหล่งการติดตามข่าวสารสำหรับผู้คนมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยพบว่ากลุ่มตัวอย่างสัดส่วนถึง 2 ใน 3 หรือ 66% ดูคลิปข่าวสั้นในรอบสัปดาห์ ในขณะที่วิดีโอแบบที่ยาวกว่า มีคนเข้าถึงอยู่ราว 51% ในขณะที่การเสพข่าวน้นส่วนใหญ่จะอยู่บนแพลทฟอร์มต่างๆมากถึง 72% ส่วนคนที่เสพข่าวผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของสำนักข่าวนั้นมีเพียง 22% เท่านั้น นับเป็นความท้าทายต่อสำนักข่าวที่จะสรร้างรายได้รวมถึงเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเวลานี้
นายแบก-นางแบกเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น
รายงานมองไปถึงความสนใจของแหล่งข่าวด้วยซึ่งก็แตกต่างกันไปในแต่ละแพลทฟอร์มโดยในแพลทฟอร์มอย่าง YouTube หรือ TikTok กลุ่มคอมเมนท์เตเตอร์แบบเลือกข้าง หรือเรียกง่ายๆว่านายแบก หรือนางแบก กลุ่ม อินฟลู และครีเอเตอร์ข่าวรุ่นใหม่ ได้รับความสนจมากขึ้น แต่ในสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook หรือ X กลุ่มสำนักข่าวและนักข่าวแบบดั้งเดิมยังคงได้รับความสนใจและมีบทบาทในการนำเสนอข่าวมากกว่า
อย่างไรก็ตามความกังวลเกี่ยวกับข่าวปลอมและข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในแอฟริกาใต้ (81%) และสหรัฐอเมริกา (72%) ซึ่งเป็นประเทศที่มีการเลือกตั้งในปีนี้ แพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ X เป็นแหล่งที่ผู้คนกังวลเรื่องความน่าเชื่อถือของข่าวสารมากที่สุด
ความไว้วางใจโดยรวมยังไม่มาก
นอกจากนี้ความไว้วางใจในสื่อโดยรวมยังคงอยู่ในระดับต่ำ (40%) โดยเฉพาะในประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมืองสูง เช่น สหรัฐอเมริกา (32%) อาร์เจนตินา (30%) และฝรั่งเศส (31%) อย่างไรก็ตามประเทศที่มีความไว้วางใจสูงสุดคือคนเสพข่าวในประเทศฟินแลนด์ที่ 69%
รายงานยังพบด้วยว่าสำนักข่าวหลายแห่งเริ่มนำ AI มาใช้ในการทำงาน เช่น การถอดเสียง การแปลภาษา และการจัดหน้า แต่ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาข่าว โดยเฉพาะข่าวที่เกี่ยวกับการเมืองหรือสงคราม
คนเบื่อข่าวแล้วรึเปล่า?
ผลการสำรวจยังพบด้วยว่า ข่าวสารที่มากเกินไปและเน้นแง่ลบทำให้ผู้คนจำนวนมาก (39%) เลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเสพข่าวสาร โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับสงคราม ภัยพิบัติ และการเมืองที่ทำให้รู้สึกกังวลและรู้สึกสิ้นหวัง
โดยในปัจจุบันผู้บริโภคข่าวสารต้องการเนื้อหาที่หลากหลาย มีมุมมองที่แตกต่าง และให้ความหวังมากกว่าแค่การรายงานข่าวรายวันแบบเดิม ๆ นอกจากนี้คนเสพข่าวยังต้องการเนื้อหาที่ให้ความรู้ ความเข้าใจ และสร้างแรงบันดาลใจมากกว่า
Subscription ไม่โต
ข้อมูลจากรายงานพบด้วยว่าการเติบโตของยอด Subscription ไม่ได้เติบโตขึ้นจากปก่อนก่อนเลยโดยคนเสพข่าวทั่วโลกมีเพียง 17% เท่านั้นที่จ่ายเงินเพื่อเข้าถึงแพลทฟอร์มของสำนักข่าวซึ่งส่วนใหญ่คนที่จ่ายเงิน Subscription ข่าวจะอยู่ในประเทศในยุโรปอย่าง นอร์เวย์ (40%) Sweden (30%) เท่านั้น ในญี่ปุ่นมีเพียง 9% ส่วนอังกฤษก็มีเพียง 8% เท่านั้น
นอกจากนี้สำนักข่าวยังจำเป็นต้องใช้การลดราคาเพื่อดึงคนให้เข้ามา subscribe ด้วยซึ่งผลสำรวจพบว่ามี 41% ที่จ่ายด้วยโปรลดราคา โดยมีคนเสพข่าวมากถึง 55% ที่ไม่ได้จ่ายเงินเพื่อเสพข่าวเนื่องจากปัจจุบันมีแพลทฟอร์มข่าวให้เสพข่าวแบบฟรีๆอยู่มากมายนั่นเอง
ทั้งหมดนี้คือสรุปข้อมูลจาก Digital News Report 2024 เผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการข่าวสาร ที่เรียกว่าสะท้อน Insight พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้เป็นอย่างดี และสิ่งนี้ก็เป็นข้อมูลที่นักการตลาดและแบรนด์จะต้องปรับตัวตามให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมไปถึงปรับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ให้ได้
ที่มา Amplify, Reuters Institute
ขอบคุณ TrendWatching, ThinkNextAsia