ภาพรวมธุรกิจโรงภาพยนตร์คึกคักมาตั้งแต่ปีที่แล้ว มาปีนี้ยังคงเรียกได้ว่าเป็นปีทองได้อย่างเต็มปาก และเห็นทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับผู้นำความบันเทิงนอกบ้านอย่าง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ทั้งในแง่รายได้ การขยายสาขา เม็ดเงินในสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์ ไปจนถึงกิจกรรม Movie Marketing ที่แบรนด์ยังคงให้ความสนใจ เพราะเป็นกิจกรรมที่สร้างความสุข ความประทับใจ แตกต่างจากกิจกรรมอื่นๆ และเข้าถึงไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมความบันเทิงนอกบ้าน
โดยเฉพาะรูปแบบการทำ Naming Sponsor ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงต้นปี 2567 นี้ ซึ่งวันนี้เราจะไปดูกันว่า บิ๊กเนมหลายๆ แบรนด์ใช้กลยุทธ์รูปแบบไหน ในการขานรับเทรนด์ การเติบโตของธุรกิจโรงภาพยนตร์
การเติบโตของธุรกิจโรงภาพยนตร์และบทบาทสำคัญของกลุ่ม Gen Z
ข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นการเติบโตของธุรกิจโรงภาพยนตร์ สามารถดูได้จากผลประกอบการของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ซึ่งติดอันดับ Top 40 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่มีการเติบโตของกำไรสุทธิเกิน 100% จากผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน
โดยผลประกอบการของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในช่วง Q1/2567 มีรายได้รวม 1,719 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8% และมีผลกำไร 140 ล้านบาท เติบโตมากถึง 100% หรือกำไรเติบโต 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วง Q1/2566 ที่ผ่านมา
สิ่งนี้ตอกย้ำว่า คนไทยมีไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบการดูหนังในโรงภาพยนตร์ เพราะการไปดูหนังในโรงไม่ใช่แค่การไปดูหนัง แต่เป็นประสบการณ์การเข้าสังคม ที่จะได้ใช้เวลากับเพื่อนหรือครอบครัวไปกับกิจกรรมที่ให้ความบันเทิง
โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Z ที่มีบทบาทต่อการเติบโตของธุรกิจโรงภาพยนตร์อย่างมาก เพราะเป็นกลุ่มเดโมกราฟิกที่ชอบความบันเทิงนอกบ้าน (Out Of Home Lifestyle Entertainment) เนื่องจากตอบโจทย์เรื่องการเข้าสังคมกับกลุ่มเพื่อนและได้ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน
เพราะถึงแม้ว่ากลุ่ม Gen Z จะเป็นดิจิทัลเนทีฟที่คุ้นกับสตรีมมิ่งหรือวิดีโอออนไลน์ แต่ Gen Z ยังคงให้คุณค่ากับการดูหนังในโรงที่ให้ประสบการณ์ดื่มด่ำกว่า ซึ่งการดูที่บ้านไม่สามารถให้ได้ และ Gen Z ยังให้คุณค่ากับการแชร์ประสบการณ์และสร้างความทรงจำร่วมกับคนอื่นๆ
นอกจากนี้ Gen Z ยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ อีกทั้งความต้องการของ Gen Z ก็ยังเป็นตัวกำหนดเทรนด์ ซึ่งสตูดิโอผู้สร้างภาพยนตร์เองก็ใช้จุดนี้สร้างภาพยนตร์ที่ตอบสนองความต้องการของ Gen Z เช่นกัน
นอกจากบทบาทของ Gen Z แล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่มาขับเคลื่อนให้เป็นปีทองของโรงภาพยนตร์ ก็คือ อุตสาหกรรมหนังไทยที่ในปีที่ผ่านมาผลิตหนังออกมาหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของคนหลายกลุ่ม รวมถึง Gen Z จนเกิดเป็นกระแส ยิ่งทำให้คนอยากเข้าโรงไปดูหนัง ทำให้มีหนังไทยที่ทำเงินหลักร้อยล้านหลายเรื่อง ตั้งแต่ในปี 2566 อย่าง ธี่หยด, สัปเหร่อ, 4 Kings 2
มาในปี 2567 นี้ หนังไทยก็ยังได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม กวาดรายได้หลักร้อยล้านบาทไปอีกหลายเรื่อง ทั้ง พี่นาค 4, หอแต๋วแตกแหกสัปะหยด, หลานม่า และอนงค์ ซึ่งดีต่ออุตสาหกรรมโดยรวมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่เราจะได้เห็นผลสำรวจของ Nielsen ประเทศไทย ออกมาว่า ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2567 สื่อที่มีการเติบโตสูงสุดคือสื่อโฆษณาโรงภาพยนตร์ ที่เติบโตถึง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับสื่ออย่าง Internet หรือ Out of Home ที่โตเท่ากันที่ 8%
ทั้งหมดนี้บ่งบอกว่า ปีนี้จะยังคงเป็นปีทองของธุรกิจโรงภาพยนตร์ และการเติบโตของ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในช่วงที่ผ่านมานั้นก็น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
บรรดาแบรนด์บิ๊กเนมต่างขานรับเทรนด์ด้วยการทำ Naming Sponsor
ด้วยการเติบโตของธุรกิจโรงภาพยนตร์ดังกล่าวข้างต้น การร่วมทำกิจกรรม Movie Marketing กับทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จึงยังคงเป็นสิ่งที่แบรนด์ให้ความสนใจ
โดยเฉพาะรูปแบบการทำ Naming Sponsor ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงต้นปี 2567 นี้ ซึ่งก่อนที่เราจะไปดูว่า บิ๊กเนมหลายๆ แบรนด์ใช้ Naming Sponsor รูปแบบไหนกับทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เรามาทำความรู้จักกันสักนิดว่า Naming Sponsor คืออะไร เป็นกลยุทธ์ที่เรียกได้ว่า Win-Win Strategy อย่างไร
Naming Sponsor คือการที่บริษัทหรือแบรนด์ซื้อสิทธิในการใช้ชื่อของตนในสถานที่หรือการจัดอีเวนต์ ซึ่งในกรณีของ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ก็คือการที่แบรนด์ได้นำชื่อไปผูกไว้กับโรงภาพยนตร์ ซึ่งหากไล่เรียงจะเห็นว่าเป็นกลยุทธ์ Win-Win Strategy ที่ส่งผลดีต่อทั้งแบรนด์และทางโรงภาพยนตร์ ดังนี้
- สร้าง Brand Visibility
การทำ Naming Sponsor นั้นเป็นการขยายการมองเห็นและเผยแพร่แบรนด์สู่สายตาและการรับรู้ของกลุ่มคนที่กว้างขึ้น ทุกครั้งที่ชื่อของโรงภาพยนตร์ถูกพูดถึงในสื่อหรือโฆษณา ชื่อของแบรนด์ก็จะได้รับการโปรโมตไปด้วย
- สร้าง Brand Association
การเชื่อมโยงชื่อของแบรนด์กับโรงภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอย่างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เป็นการสร้างภาพจำที่ดีและสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ในสายตาผู้บริโภค นำไปสู่การสร้างแบรนด์รอยัลตี้
- เพิ่ม Engagement กับกลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มลูกค้าของโรงภาพยนตร์นั้นหลากหลาย รวมถึงกลุ่มทาร์เก็ตของแบรนด์เองด้วย ซึ่งแบรนด์สามารถทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายของตัวเองได้โดยตรง เช่น การจัดเอ็กซ์คลูซีฟอีเวนต์, VIP สกรีนนิ่ง, จัดโปรโมชั่น ส่วนลด หรือ Brand Activation ต่างๆ หรือจะเป็นการทำแคมเปญ collaborate กันระหว่างแบรนด์และทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ก็จะยิ่งเพิ่มศักยภาพมากขึ้น
- Revenue Generation
การได้รับการสนับสนุนทำ Naming Sponsor นั้นทำให้ทางสถานที่อย่างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ มีรายได้ซึ่งจะสามารถนำไปปรับปรุงฟาซิลิตี้และหรือเซอร์วิสต่างๆ หรือมีงบในการทำการตลาด สร้างประสบการณ์ประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ชม ให้กับซึ่งผลดีจะย้อนกลับไปที่แบรนด์เอง
- Long-Term Partnership
ความสำเร็จของการทำ Naming sponsor สามารถปูทางไปสู่การเป็น Long-Term Partnership ระหว่างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์กับทางแบรนด์ได้ นำไปสู่การ Collaboration ต่างๆ การสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งในระยะยาวสามารถสร้างโอกาสในการเติบโตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพิ่มความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ
คราวนี้เรามาดูรูปแบบของ Naming Sponsor กับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ โดยบิ๊กเนม 6 บริษัท ว่ามีรูปแบบที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง
Krungsri กับ พื้นที่ไลฟ์สไตล์ในชื่อ ‘Krungsri Co-Life Space’
ธนาคารกรุงศรี มุ่งเน้นสร้าง Brand Awareness เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยได้ร่วมกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปรับปรุงพื้นที่ไลฟ์สไตล์ ออกแบบตกแต่งเพื่อให้รองรับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่หลากหลายในยุคดิจิตอล ทั้งเรื่องเล่น เรียน การทำงาน ความรู้และแรงบันดาลใจใหม่ๆ และยังให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน สามารถเข้าใช้งานฟรี ไม่ต้องลงทะเบียนจองล่วงหน้า บนพื้นที่ขนาดพื้นที่ 600 ตร.ม. ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน สามารถรองรับคนได้สูงสุด 250 คน ซึ่งกลุ่มที่เข้ามาใช้บริการ 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา และ 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นกลุ่มคนทำงาน ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายของธนาคาร
Krungthai AXA ก้าวสู่ Top of Mind Brand กับโรงภาพยนตร์ในชื่อ ‘Siam Pavalai Royal Grand Theatre by Krungthai-AXA Life’
เป็นการจับมือระหว่าง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต โดยมีเป้าหมายเพื่อก้าวสู่ Top of Mind Brand ให้ลูกค้านึกถึงแบรนด์เป็นอันดับต้นๆในด้านไลฟ์สไตล์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร ผ่านสิทธิพิเศษต่างๆ รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดอื่นๆ เช่นคอนเสิร์ต การแสดงโชว์ กิจกรรมมีทแอนด์กรี๊ดของศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงการรับชมภาพยนตร์ เพื่อสร้างความประทับใจและความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นอกจากนี้ยังสามารถต่อยอดสร้างโอกาสในการขยายฐานลูกค้าของกันและกันได้อีกด้วย
โรงภาพยนตร์ Siam Pavalai Royal Grand Theatre by Krungthai-AXA Life ตั้งอยู่บริเวณชั้น 6 ศูนย์การค้าสยามพารากอน มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจำนวน 2 ชั้น คล้ายโรงละคร มีเก้าอี้ทั้งหมด 1,164 ที่นั่ง
Vietjet กับโรงภาพยนตร์วีไอพีไฮเอนด์ ‘Vietjet VIP Cinema’
Vietjet VIP Cinema เป็นโรงภาพยนตร์ระดับไฮเอนด์ ความร่วมมือกันระหว่าง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กับ สายการบินไทยเวียตเจ็ท มี 3 โรง รวมถึง VIP Lounge ตอบสนองลูกค้าของสายการบินเวียตเจ็ท ที่มีความหลากหลายของเจเนอเรชั่นและไลฟ์สไตล์ ชอบที่จะออกมาใช้ชีวิตเดินทางท่องเที่ยว พบปะสังสรรค์ ทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ จึงได้คัดสรรกิจกรรมเพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้า และทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ก็มีความพร้อมทั้งด้านสถานที่และการบริการ รวมถึงระบบการฉายภาพยนตร์ทั้งภาพและเสียงเป็นมาตรฐานระดับไฮเอนด์ จึงเล็งเห็นว่า จะทำให้ได้รับผลตอบรับที่ดี โรงภาพยนตร์ ‘Vietjet VIP Cinema’ ตั้งอยู่บริเวณชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ประกอบด้วย โรงภาพยนตร์วีไอพีขนาดกลาง จำนวน 3โรง
Pramy โรงภาพยนตร์สำหรับคนรักแมวและสุนัข ‘Pramy Pet Cinema’
พรามี่ อาหารแมวเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม เปิดโรงภาพยนตร์ ‘PRAMY PET CINEMA’ โรงภาพยนตร์สำหรับคนรักแมวและสุนัข ให้เจ้าของได้พาสัตว์เลี้ยงทั้งน้องแมวและน้องสุนัข มาทำกิจกรรมนอกบ้าน ด้วยการใช้เวลาดูหนังร่วมกันในวันหยุด ทุกๆ วันเสาร์และอาทิตย์รอบเช้า ตอบสนองไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันที่คนนิยมเลี้ยงสัตว์แทนการมีลูก แต่ยังคงชื่นชอบการออกมาพบปะสังสรรค์ ที่สำคัญยังใส่ใจในทุกรายละเอียดของคุณภาพและบริการ โดยได้มีการปรับเสียงให้มีความเหมาะสมกับสมาชิก 4 ขา ให้ไม่เกิน 85 เดซิเบล ปรับเพิ่มแสงสว่าง 20% เพื่อไม่ให้มืดสนิทเหมือนโรงภาพยนตร์ปกติ
LG กับนวัตกรรมจอ LED ขั้นสูงที่ใหญ่ที่สุดในไทย ‘LG Miraclass LED Cinema’
การดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์ นอกจากเนื้อเรื่องของหนังแล้ว ภาพและเสียงเป็นสิ่งสำคัญมากในการสร้างความสุขให้กับลูกค้าจากการใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการดูหนังในโรง ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญของทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่จะต้องสร้างความประทับใจและความแตกต่างในการดูหนัง จึงได้ร่วมกับ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำนวัตกรรมจอ LED ขั้นสูงที่ใหญ่ที่สุดในไทย ขนาดจอกว้าง 14 เมตร สูง 7 เมตร มาให้บริการที่โรงภาพยนตร์เมกา ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าเมกาบางนา
Real Asset ตอบโจทย์คนเมืองและวัยรุ่น ‘Real Asset Ultimate Cinema’
เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องการสร้างแบรนด์ด้วยการสนับสนุนเป็น Naming sponsor โรงภาพยนตร์ ‘Real Asset Ultimate Cinema’ภายใต้คอนเซ็ปต์ Modern Luxury ที่ เมกา ซีนีเพล็กซ์ เพื่อตอบโจทย์คนเมืองและวัยรุ่น รวมทั้งสนับสนุนลูกค้าของโครงการเรียลแอสเสทบริเวณโซนบางนา นอกจากนี้ ยังสามารถใช้บริการ Real Asset Lounge ระหว่างรอเข้าชมภาพยนตร์ ซึ่งภายในเลาจน์มีบริการเสิร์ฟอาหารว่างและเครื่องดื่ม
Naming Sponsor กลยุทธ์ที่เข้าถึงและเห็นผล
การชมภาพยนตร์นั้น เป็นกิจกรรมที่สร้างความสุข ความประทับใจ และเป็นไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน สามารถทำร่วมกันได้กับทุกคนในครอบครัว รวมไปถึงสัตว์เลี้ยง (แมว,สุนัข) ดังนั้นกิจกรรมการตลาดโรงภาพยนตร์ ทั้งในรูปแบบ Movie Marketing และ Naming Sponsor จึงเป็นกลยุทธ์ที่เข้าถึงและเห็นผลได้ไม่ยาก เพราะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทั้งความบันเทิง โรงภาพยนตร์ที่หรูหรา สะดวกสบาย บริการระดับโรงแรม และเทคโนโลยีที่ล้ำทันสมัย เหมาะแก่การทำ Loyalty หรือ CRM กับสมาชิก
ที่สำคัญคือ สำหรับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ นั้น ด้วยจำนวนโรงภาพยนตร์ในเครือที่มีมากถึง 185 สาขา 861 โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ครอบคลุม 63 จังหวัด จึงสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย ครบทุกประเภท นอกจากนี้ และยังเดินหน้าลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567ใช้งบลงทุนกว่า 600 ล้านบาท ขยายเพิ่ม 15 สาขา 47 โรงภาพยนตร์
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทางบิ๊กเนมหลากหลายแบรนด์เลือกที่จะใช้กลยุทธ์ Naming Sponsor กับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รวมถึงเห็นการเติบโตของรายได้ที่น่าประทับใจเช่นนี้