สิ่งแวดล้อมยังคงเป็นเรื่องที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรมอื่นๆ หรือธุรกิจที่มีการเติบโตสูง เพราะนั่นถือเป็นพันธสัญญาที่ธุรกิจต้องดำเนินเพื่อสังคม และหากจะยกตัวอย่างธุรกิจที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและยังสามารถสร้างการเติบโตได้สูง คงต้องยกให้ GC ที่ถือเป็นธุรกิจต้นน้ำสำคัญและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
สร้างผลกำไรเกือบพันล้าน
โดย ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เผยผลกำไรปี 2566 ที่สามารถทำกำไรสุทธิถึง 999 ล้านบาท แม้ว่าสภาพธุรกิจปิโตรเคมีโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความกดดันทั้งปัจจัยทั้งด้านภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ปลายทางของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และการเริ่มดำเนินการของกำลังการผลิตใหม่ในตลาด โดยเฉพาะจากประเทศจีน
ส่งผลให้รายได้รวมของ GC ในปี 2566 อยู่ที่ 616,635 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 9% โดยเฉพาะการปรับตัวลดลงของราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มปิโตรเลียมและปิโตรเคมีในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก แต่ยังคงมีผลกำไรสุทธิรวม 999 ล้านบาท เป็นผลมาจากการดำเนินการมาตรการภายในอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ
โดยมาตรการหลักจะเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และการลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน ซึ่งช่วยเพิ่มผลกำไรคิดเป็นมูลค่าประมาณ 6,900 ล้านบาท รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับ กลุ่มบริษัท WHA ช่วยยกระดับธุรกิจในกลุ่มโลจิสติกส์ครบวงจร สร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ สามารถสร้างกำรจากการขายหุ้นสัดส่วน 50% ให้กับ WHA คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,640 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรเป็นจำนวน 4,017 ล้านบาท และการลดภาระหนี้สินทางการเงิน ด้วยการซื้อหุ้นกู้โดยมีกำไรอยู่ที่ 1,422 ล้านบาท
เดินหน้าผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก
ปี 2567 ยังคงมีความท้าทายต่อธุรกิจของ GC ด้วยปัจจัยภายนอกต่างๆ GC จึงเตรียมดำเนินกลยุทธ์ 3 Steps Plus ที่ประกอบไปด้วย Step Change, Step Out และ Step Up อย่างต่อเนื่องให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
Step Change การสร้างรากฐานแข็งแกร่ง ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพ การควบคุมค่าใช้จ่าย และการพัฒนาความร่วมมือในมิติต่างๆ รวมถึงมุ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจที่เน้นตลาด (Market-Focused Business) โดยการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Products: HVP) มีเป้าหมาย 56% ในปี 2571 และผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอื่นๆ
Step Out เน้นการแสวงหาโอกาสใหม่เพื่อสร้างการเติบโต และดูแลด้านต้นทุนของ Allnex พร้อมขยายตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพเเละผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Bio & Circularity) มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์รีไซเคิล รวมถึง Bio-Refinery โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้สามารถนำไปผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องต่างๆ ได้มากมาย ทั้งในอุตสาหกรรมสุขอนามัยส่วนบุคคล อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเคมีชีวภาพ และอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ฯลฯ
Step Up มุ่งสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ โดยดำเนินงานด้าน Decarbonization ให้เป็นไปตามเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 รวมถึงมุ่งมั่นรักษาความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมองหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และ Non-Core Business ที่สำคัญ GC ยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่เกี่ยวกับไฮโดรคาร์บอน เพื่อสร้างความแตกต่างและผลตอบแทนทางธุรกิจในอนาคต
ไม่เพียงเท่านี้ GC ยังเตรียมแผนมุ่งสู่ Net Zero ด้วยการลงนามความร่วมมือศึกษาเทคโนโลยีการพัฒนาโรงงานปิโตรเคมีระหว่าง GC กับ บริษัท มิตซูบิชิ ฮีวี่ อินดัสทรี เอเชียแปซิฟิก จำกัด หรือ MHI-AP โดยเน้นศึกษาเพื่อเปรียบเทียบความเป็นไปได้ในการใช้ไฮโดรเจนและแอมโมเนียเป็นเชื้อเพลิงสำหรับกังหันแก๊ส (Gas Turbine) และเทคโนโลยีการดักจับ จัดเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ในกระบวนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และเน้นศึกษาเพิ่มประสิทธิภาพในระบบดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหมาะสมกับกระบวนการผลิตไฮโดรเจน หรือ Steam Methane Reforming (SMR)
เดินหน้าสร้างกลุ่ม Gen S
จากการที่ GC เป็นผู้ดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากลที่ยืนหนึ่งด้านความยั่งยืน ในปี 2567 นี้ GC จึงต่อยอดแนวคิด “ดีขึ้นเพื่อคุณ ดีขึ้นเพื่อโลก” พร้อมชวนทุกคนมาเป็น “GEN S..Generation Sustainability คนเจนใหม่หัวใจยั่งยืน” สร้างแรงกระเพื่อมการใช้ชีวิตแบบ Net Zero Lifestyles ร่วมกู้โลก
สืบเนื่องจากภาวะวิกฤติอุณหภูมิโลกที่เปลี่ยนจากภาวะโลกร้อน (Global Warming) สู่ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) ผ่านแนวคิดหลากหลายไอเดียการใช้ชีวิตเพื่อโลกยั่งยืน เช่น รับประทานอาหารให้หมดลด Food Waste ปิดน้ำและถอดปลั๊กไฟเมื่อไม่ใช้ การใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก ใช้ซ้ำ ใช้อย่างคุ้มค่า หรือช่วยคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี เพราะความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องของวัยหรือเรื่องของใคร
รวมถึงการดำเนินโครงการต่อเนื่องทั้ง โครงการปลูก ฟื้นฟูและดูแลรักษาป่า ทั้งในพื้นที่ของ GC และที่มีการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและชุมชนต่างๆ บนพื้นที่รวมกว่า 8,600 ไร่ โดยคาดว่าโครงการทั้งหมดดังกล่าว จะสามารถดูดซับคาร์บอนได้ประมาณ 27,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า