NIELSEN (นีลเส็น) เปิดเผยเม็ดเงินโฆษณา (Media Spending) ของปี 2023 มีมูลค่าเม็ดเงินเพิ่มขึ้นจากปี 2022 โดยรวม +3% โดยมูลค่าอยู่ที่ 116,413 ล้านบาท พบว่า “สื่อทีวี” ยังคงเป็นสื่อที่ยังคงเข้าถึงคนไทยได้สูงสุด มีสัดส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดที่ 52% หรือประมาณ 60,689 ล้านบาท ขณะที่สื่อที่มีการเติบโตสูงสุดคือ “Out of Home” +16%
กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มใช้เงินโฆษณาสูงสุด – Top 10 บริษัทที่ใช้งบโฆษณามากสุด
ภาพรวม 10 อุตสาหกรรมสินค้าและบริการที่ใช้งบโฆษณาปี 2023 ได้แก่
– อาหารและเครื่องดื่ม มูลค่า 18,468 ล้านบาท (-1%)
– ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย มูลค่า 15,227 ล้านบาท (+4%)
– ร้านค้าปลีกและร้านอาหาร มูลค่า 11,379 ล้านบาท (-3%)
– มีเดียและมาร์เกก็ตติ้ง มูลค่า 5,597 ล้านบาท (-12%)
– สินค้าเพื่อสุขภาพ มูลค่า 5,481 ล้านบาท (-9%)
– การเงิน มูลค่า 4,908 ล้านบาท (+4%)
– ยานยนต์ มูลค่า 4,449 ล้านบาท (-22%)
– ผลิตภัณฑ์สินค้าภายในบ้าน มูลค่า 3,365 ล้านบาท (-4%)
– หน่วยงานภาครัฐ มูลค่า 2,803 ล้านบาท (-27%)
– การท่องเที่ยว มูลค่า 2,706 ล้านบาท (+21%)
สำหรับกลุ่มที่มีการใช้เงินเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คือกลุ่มแฟชั่น มูลค่า 816 ล้านบาท (+122%) และกลุ่มการท่องเที่ยว มูลค่า 2,706 ล้านบาท (+21%)
ในส่วนของบริษัทที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในปี 2023 ได้แก่
– UNILEVER THAI TRADING CO.,LTD. มูลค่า 4,505 ล้านบาท
– NESTLE(THAI) LTD. มูลค่า 2,022 ล้านบาท
– PROCTER & GAMBLE (THAILAND) มูลค่า 2,021 ล้านบาท
– MASS MARKETING มูลค่า 1,997 ล้านบาท
– MONO SHOPPING มูลค่า 1,691 ล้านบาท
– BEIERSDORF มูลค่า 1,666 ล้านบาท
– GMM CJ O SHOPPING มูลค่า 1,469 ล้านบาท
– COLGATE-PALMOLIVE มูลค่า 1,143 ล้านบาท
– RECKITT BENCKISER มูลค่า 1,057 ล้านบาท
– L’OREAL มูลค่า 1,027 ล้านบาท
สำหรับ Creative ที่มีการใช้เงินมากที่สุดและได้รับ GRPs (Gross Rating Points – ผลรวมของค่าความนิยมในรายการโฆษณาทั้งหมด) พบว่ามาจากบริษัท HAEMO-VIT JV.TRA KRA-TAAI BIN เพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์ยาธาตุน้ำขาว ตรากระต่ายบิน และเฮโมวิต-โกลด์ โดยมีมูลค่าแคมเปญกว่า 283 ล้านบาท
รองลงมาคือ UNILEVER THAI TRADING CO.,LTD โปรโมทผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์ซันซิลสูตรใหม่ โดยมีมูลค่าแคมเปญกว่า 277 ล้านบาท และ MASS MARKETING โปรโมทผลิตภัณฑ์ยาสีฟันเทพไทย มูลค่าแคมเปญกว่า 225 ล้านบาท
เปิดพฤติกรรมการดูทีวีผ่านเรตติ้งข้ามแพลตฟอร์ม – Gen Y & Gen Z ยินดีเสียเงิน Subscription เพื่อเลี่ยงโฆษณา
นอกจากนี้ Nielsen ยังได้เปิดข้อมูลการรับชมทีวีของคนไทย ผ่าน “Nielsen Cross Platform Ratings Report” พบว่าตลอดปี 2023 จำนวนคนดูเฉลี่ยต่อนาทีอยู่ที่ 10.468% จากผู้ชมทั่วประเทศที่มีอายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป โดยผู้ชมจำนวน 63% รับชมจากเครื่องเล่นทีวีออฟไลฟ์ และ 37% เป็นผู้รับชมจากช่องทางสตรีมมิ่ง เช่น YouTube, TikTok, AIS Play, True ID เป็นต้น
โดย demographic ของผู้ชมในปัจจุบัน พบว่า กลุ่มผู้ชม AVOD (Advertising Based Video on Demand) หรือผู้ให้บริการที่ไม่เรียกเก็บค่าบริการ เช่น เว็บไซต์/แอปของสถานีโทรทัศน์ หรือแพลตฟอร์มที่ดูฟรี พบว่าจะเป็นกลุ่มที่มีอายุ หรือ Gen X ขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่
ในขณะที่กลุ่มผู้ชมที่พร้อมที่จะเสียเงินเพื่อรับชมคอนเท้นต์ หรือ SVOD (Subscription Video On Demand) คือกลุ่มคนที่มีอายุน้อยกว่า เช่น Gen Z และ Gen Y สะท้อนคนไทยรุ่นใหม่ยินดีเสียเงินเพื่อคอนเท้นต์ และต้องการหลีกเลี่ยงโฆษณา
ขณะที่พฤติกรรมการรับชมของคนไทยในปี 2023 ที่ผ่านมา พบว่าทั้งผู้ชมที่รับชมผ่านจอทีวีและจอดิจิทัล มีกลุ่ม demographic ที่ใกล้เคียงกัน หรือแทบจะเป็นกลุ่มเดียวกัน กล่าวคือ คนไทยมีการรับชมคอนเท้นต์ทีวี ทั้งผ่านจอทีวีแบบดั้งเดิมและจากอุปกรณ์ดิจิทัล โดยสัดส่วนช่วงเวลาและระยะเวลาการดู พบว่าจอทีวียังเป็นจอหลักที่คนไทยใช้เวลามากที่สุด โดยเฉพาะช่วงกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนโดยเฉพาะช่วงเวลาหลัง 4 ทุ่มเป็นต้นไปคนไทยจะรับชมคอนเท้นต์จากอุปกรณ์ดิจิทัล สะท้อนคนไทยเสพสื่อและคอนเท้นต์ตลอดเวลา
ในส่วนของประเภทคอนเทนต์ยอดนิยม พบว่า “รายการถ่ายทอดสดกีฬา” ได้รับความสนใจสูงสุด
– รายการถ่ายทอดสด การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงโอลิมปิก 2024 รอบคัดเลือก นัดไทยพบโคลอมเบีย จากช่อง WORKPOINT TV ได้รับเรตติ้งสูงสุดของปี 2023 เรตติ้งเฉลี่ยรวม 9.518% ซึ่งมีการจัดการแข่งขันในเดือนกันยายน จากข้อสังเกต พบว่าเมื่อมีทีมไทยเข้าร่วมแข่งขัน นัดนั้นจะได้รับเรตติ้งดีเป็นพิเศษ
นอกจากรายการกีฬา คอนเทนต์ละครยังคงได้รับเรตติ้งดีเช่นกัน โดยละคร พรหมลิขิต จากช่อง 3HD ได้รับเรตติ้งสูงสุด
เมื่อแยกดูเฉพาะผู้ชมต่างจังหวัด หรือคนในพื้นที่นอกเขตเทศบาล (Rural area) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีจำนวนการเข้าถึงกว่า 35.6 ล้านครั้งในปี 2023 จากข้อมูลพบว่า
– ผู้ชมต่างจังหวัดมีความสนใจในการเสพความเทนต์ทีวีต่างจากคนในพื้นที่อื่นๆ โดยรายการที่ได้รับเรตติ้งสูงในแต่ละเดือนส่วนใหญ่จะเป็นรายการกีฬาและละครเย็นช่วงเวลา 19.00 น. โดยในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาละครเย็นขึ้นอันดับ 1 เรตติ้งสูงสุดถึง 7 ครั้ง สะท้อนคนพื้นที่ต่างจังหวัดอาจจะนอนเร็ว และชอบคอนเท้นต์เบาสมอง คลายเครียด