เรารู้กันอยู่แล้วว่าในปี 2024 จะเป็นปีที่เทคโนโลยี “เอไอ” จะก้าวหน้าไปมาก แต่หากจะเห็นภาพให้ชัดเจน และสัมผัสได้มากขึ้นเราสามารถดูได้จากงานจัดแสดงเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกอย่าง CES 2024 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 12 มกราคมที่ผ่านมา งานที่ได้รับการคาดหมายว่าในปีนี้จะมีไฮไลท์อยู่ที่เทคโนโลยี AI มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเราจะไปดูว่ามีนวัตกรรมใหม่ๆอะไรบ้างที่นำพลังของ AI เข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความว้าวให้โลกเทคโนโลยี
Lenovo’s Magic Bay Robot
ระบบ Magic Bay ของ Lenovo คือระบบที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับคนใช้งาน Laptop ให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมไว้ที่หน้าจอได้ไม่ว่าจะเป็นระบบ “ไฟส่องสว่าง”, “กล้องเว็บแคม” หรือแม้แต่ “พัดลม” ซึ่งล่าสุดที่งาน CES 2024 Lenovo ได้เปิดตัว Magic Bay ตัวใหม่อย่าง Magic Bay Robot ผู้ช่วย AI ที่สามารถแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้าได้
ในเวลานี้แม้ Migic Bay Robot อาจทำอะไรไม่ได้มากกว่าการกระพริบตาและยิ้มมากมายเท่าไรนัก แต่ในอนาคต Lenovo วางแผนที่จะติดตั้ง “ไมโครโฟน” และ “ลำโพง” ที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงและตอบโตกับผู้ใช้งานได้ เหมือนกับ Microsoft Copilot หรือ ChatGPT ที่มีใบหน้าน่ารักๆด้วยก็ว่าได้
เกิดข้อตกลงระหว่าง “มนุษย์” และ “เอไอ”
เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นหรืออาจเป็นต้นแบบของกรอบข้อบังคับในการนำคอนเทนต์ต่างๆมาให้ AI สร้างเป็นผลงานก็ว่าได้ เมื่อในงาน CES 2024 ที่ผ่านมาเกิดข้อตกลงระหว่าง กลุ่มสหภาพศิลปินนักแสดง วิทยุ และโทรทัศน์อเมริกัน หรือ The Screen Actors Guild – American Federation of Television and Radio Artists (SAG-AFTRA) ที่บรรลุข้อตกลงกับ Replica Studio บริษัทผู้พัฒนา AI สร้างเสียง ในการต้องจ่ายเงินให้กับนักแสดงหรือศิลปินเจ้าของเสียงหากจะนำไป generate และนำไปใช้ในวิดีโอเกม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีกลุ่มสหภาพแรงงานสามารถทำข้อตกลงเพื่อกำหลดข้อตกลงในการจ่ายเงินให้กับเจ้าของเสียงได้นั่นเอง
Google วางอนาคต AI กับเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน
Google ทำนายว่า Software ในสมาร์ทโฟน ที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องพื้นฐานมาอย่างยาวนานจะเปลี่ยนแปลงไปโดยมี AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น กว่าการแค่ช่วยพิมพ์ข้อความ หรือการตัดต่อตกแต่งภาพเท่านั้น
Google เปิดเผยว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆต่อจากนี้จะมีพลังประมวลผลข้อมูลแรงๆและออกแบบให้ทำงานได้ผ่านอุปกรณ์ได้เลยแทนที่จะประมวลผลผ่านระบบคลาวด์เพื่อมารองรับการประมวลผลระบบ AI ในอนาคต ซึ่งสิ่งนี้มีแล้วในชิปประมวลผลใหม่ของ Google อย่าง Tensor และ ชิป Qualcomm’s Snapdragon 8 Gen 3 ซึ่งคาดว่าจะใส่มาในสมาร์ทโฟนหายรุ่นที่จะเปิดตัวในปี 2024 นี้
แอปพลิเคชั่นแปลเสียงเด็กทารกพลังเอไอ
หนึ่งในเทคโนโลยีน่าสนใจในงาน CES 2024 ก็คือ แอปพลิเคชั่น Cappella (https://www.cappella.io/) ที่สามารถแปลเสียงร้องของเด็กทารกได้ว่าเด็กต้องการอะไรไม่ว่าจะเป็น หิว, ไม่สบายตัว, เหนื่อย หรืออยากเปลี่ยนผ้าอ้อม ได้โดยเทคโนโลยีนี้ใช้ AI และ Machine Learning มาเรียนรู้เสียงร้องและความต้องการของเด็ก โดย Cappella ระบุว่าแอปพลิเคชั่นมีความแม่นยำถึง 95% เปรียบเทียบกับโอกาสที่พ่อแม่ทายความต้องการลูกท่ถูกต้องเพียง 30% เท่านั้น
สำหรับแอปพลิเคชั่น Cappella นั้นมีค่าบริการ 10 ดอลลาร์สหรัฐหรือราวๆ 300 บาทต่อเดือน โดย Capella กำลังพัฒนา Data Piont ใหม่ๆไปถึงเรื่องอุณหภูมิเพื่อทำความเข้าใจว่าเด็กทารกร้องเพราะร้อนหรือหนาวต่อไปด้วย
Rabbit R1 อุปกรณ์ AI Device แห่งอนาคต
Rabbit R1 เป็นอุปกรณ์ราคา 199 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7,000 บาท ออกแบบมาเพื่อให้ทำงานบางอย่างแทนการใช้สมาร์ทโฟนของเรา ไม่ว่าจะเป็นเล่นเพลงในเพลย์ลิสต์แอปสตรีมิ่งของเรา สั่งอาหาร หรือจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พัก มีกล้องถ่ายภาพสามารถถ่ายภาพวัตถุดิบที่มีในตู้เย็นและให้ Rabbit R1 แนะนำเมนูอาหารและวิธีการทำให้ได้ในเวลาไม่กี่วินาที เพียงแค่กดปุ่มและสั่งสิ่งที่อยากให้ Rabbit R1 ทำ เรียกได้ว่าจะเป็น User Interface แห่งอนาคตในการใช้แอปพลิเคชั่นต่างๆแทนที่จะใช้นิ้วสัมผัสหน้าจอหลายขั้นตอน แต่จะมีผู้ช่วย AI ทำสิ่งเหล่านั้นแทนเราโดยอัตโนมัติผ่านแอปพลิเคชั่นที่อยู่บนคลาวด์ที่รักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลไว้เป็นอย่างดี
หุ่นยนต์ผู้ช่วยประจำบ้าน Ballie AI จาก Samsung
Samsung เคยเปิดตัว Ballie ในปี 2020 มาแล้วแต่ในครั้งนี้ Samsung อัพเกรด Ballie ใหม่โดยในครั้งนี้มีดีไซน์ใหม่มาพร้อมกับโปรเจ็กเตอร์ในตัว พร้อมกับพลัง AI โดย Ballie สามารถเป็นสัตว์เลี้ยง AI ที่สามารถเดินสำรวจบ้าน ส่งภาพรายงานเหตุการณ์ พูดคุยกับเราได้ผ่านแชท สามารถสั่งงาน IoT ต่างๆในบ้านได้ นอกจากนี้ยังมีโปรเจ็กเตอร์ที่สามารถตรวจจับมุมการฉายและมุมมองของคนดูในห้องได้โดยอัตโนมัติด้วย
AI Upscale ภาพจาก SD สู่ 8K
นอกจากหน้าจอแบบใสที่เป็นที่ฮือฮาในงาน CES 2024 แล้ว Samsung ยังเปิดตัวความสามารถของทีวี 8K QLED ที่งาน CES 2024 ด้วเช่นกันนั่นก็คือความสามารถในการใช้พลังของ AI ในการ “อัพสเกล” ความละเอียดภาพจากจาก Standard Definition หรือ SD ไปให้คมชัดถึงระดับ 8K ได้เป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมทีวี นอกจากนี้ยังใช้ AI ช่วยเปลี่ยนโหมดภาพตามคอนเทนต์ที่ดูได้ด้วย
Volkswagen ID 7 มี ChatGPT ใส่เข้าไปด้วย
ChatGPT ที่ AI Chatbot ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับคนทั้งโลกในช่วงปีที่ผ่านมากำลังจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในฟีเจอร์ของรถยนต์ EV ของ Volkswagen อย่าง ID 7 และยังรวมไปถึง ID 3, ID 4 และ ID 5 ด้วยนอกจากนี้ยังจะถูกใส่ให้กับถรยนต์สันดาบอย่าง Tiguan, Passat, Golf ด้วย ซึ่งนั้นจะทำให้ผู้ขับขี่สามารถพูดคุยหรือแม้กระทั่งให้ ChatGPT ช่วยหาร้านอาหารใกล้เคียงได้แบบง่ายๆ
Microsoft กับปุ่ม Co-Pilot บนคีย์บอร์ด
นอกจาก Co-Pilot ผู้ช่วย AI จะเข้าไป integrate กับผลิตภัณฑ์ต่างๆของ Microsoft ตั้งแต่ระบบปฏิบัติการ และซอฟท์แวร์ในการทำงานต่างๆแล้ว ล่าสุด Dell ในไลน์อัพ XPS แลปท็อปที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Window ของ Microsoft ก็จะมีปุ่ม Co-Pilot แบบถาวรให้เรียกใช้ Co-Pilot มาช่วยสรุปเอกสาร เซิร์ชข้อมูลในอินเตอร์เน็ตหรือแม้แต่สร้างรูปภาพได้แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าไม่เฉพาะ Dell เท่านั้น แต่แลปท็อประบบปฏิบัตการ Window ทั้งหมดก็จะมีปุ่มนี้ติดตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน
เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอื่นๆกับ AI
ในงาน CES 2024 นอกจากสินค้าเครื่องใช้ในบ้านยอดฮิตอย่าง ทีวี หรือแม้แต่ตู้เย็น จะใช้พลังของ AI เข้าไปผสานกับความสามารถเดิมแล้ว ยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆที่ไม่น่าเชื่อว่าจะนำ AI เข้าไปช่วยอัพเกรดความสามารถได้อีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นแปรงสีฟันไฟฟ้า Oclean X Ultra ที่ใช้ AI ตรวจจับคุณภาพการแปรงฟัน และยังสามารถให้คำแนะนำในการพัฒนาการแปรงฟันให้สะอาดขึ้นได้ด้วย
ไม่เท่านั้นยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่นำ AI เข้าไปผนวกรวมอย่างตู้เย็นหรือแม้แต่เครื่องย่างสเต็ก Perfecta Grill ที่ใช้พลังของ AI เรียนรู้และย่างสเต็กให้อร่อยได้มากที่สุดได้เป็นต้น
นั่นคือส่วนหนึ่งของนวัตกรรมแกตเจ็ตต่างๆในงาน CES 2024 งานแสดงเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่นำ AI เข้าไปเพิ่มความสามารถอำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์ได้มากขึ้นและที่สำคัญนวัตกรรมเหล่านี้เราสามารถซื้อหามาเป็นเจ้าของได้แล้วด้วยเช่นกัน จากนี้ไปก็น่าติดตามว่าสินค้า AI เหล่านี้ชิ้นไหนจะรุ่งหรือจะรอด และเทคโนโลยี AI เดินหน้าต่อไปอย่างไรและจะไปเป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมใหม่ๆอะไรให้เราได้ใช้กันอีกบ้าง
ที่มา CNET