กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ประกาศแผนเตรียมขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสยามพิวรรธน์ในฐานะผู้นำการพัฒนาโครงการจุดหมายปลายทางที่ประสบความสำเร็จและมีความสำคัญระดับโลก (World-class Destination) ที่ได้รับการยอมรับนับถือในเวทีพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
โดยผลประกอบการของทั้งกลุ่มบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของ ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้เติบโตกว่า 25% จากปี 2565 อีกทั้งมีจำนวนผู้เข้าใช้บริการที่ศูนย์การค้าในกลุ่มวันสยามอันประกอบด้วย สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ มากถึง 45 ล้านคน เติบโตกว่า 50% จากปีที่ผ่านมา ส่วนไอคอนสยามซึ่งในปัจจุบันเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากในหลายประเทศว่า เป็นโครงการที่เป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงการเมือง ที่รวบรวมความครบครันของการ ช้อปปิ้ง เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ศิลปวัฒนธรรมและนวัตกรรมที่อำนวยความสะดวกสบาย โรงแรมและคอนโดมีเนียมที่อยู่อาศัยเหนือระดับ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ รองรับด้วยการสัญจรที่เชื่อมต่อระบบรถ ราง เรือ เข้าด้วยกันอย่างลงตัว อีกทั้งเป็นจุดหมายสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้อยากมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากนั้น ในปัจจุบันไอคอนสยามมีจำนวนลูกค้าแตะวันละ 100,000 คน และใน 6 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนผู้ที่มาใช้บริการในไอคอนสยามทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมกันถึง 15.5 ล้านคน ซึ่งเติบโตจากปี 2565 อย่างมากถึง 70%
นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ กล่าวว่า “ในปัจจุบันวงการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก เริ่มมีการตื่นตัวหลังจากผ่านพ้นวิกฤตการณ์โควิด 19 ทั้งนี้ในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมานั้น สยามพิวรรธน์ได้รับการติดต่อจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับต้นๆ จากหลายประเทศที่เดินทางมาเยี่ยมชมศูนย์การค้าต่างๆ ของสยามพิวรรธน์เป็นจำนวนมาก ได้แสดงความประสงค์ที่จะให้สยามพิวรรธน์ไปร่วมลงทุน เพื่อสร้างโครงการที่เป็นแลนด์มาร์คในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ซึ่งนอกจากจะมีแผนการลงทุนภายในประเทศแล้ว คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นชอบที่จะศึกษาการขยายธุรกิจไปต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าจะทำแผนเสร็จสมบูรณ์และประกาศได้ต้นปี 2567”
เพื่อรองรับแผนยุทธศาสตร์และการขยายธุรกิจระยะยาว บริษัทฯ จึงได้ลงนามแต่งตั้งบริษัท หลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อช่วยปรับโครงสร้างและวางแผนทางการเงิน ศึกษาเรื่องการระดมทุนที่เหมาะสม รวมทั้งความเป็นไปได้ในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต
“การที่สยามพิวรรธน์ได้รับการทาบทามให้ไปร่วมลงทุนกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในหลายประเทศนั้น ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งและเป็นบทพิสูจน์ว่า งานของสยามพิวรรธน์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัยด้วยคอนเซปต์แปลกใหม่และเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศ สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในสาขาต่างๆ บนเวทีโลก สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คน และล้วนแต่เป็นโครงการที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยตลอดมา ในวันนี้สยามพิวรรธน์พร้อมแล้วที่จะก้าวออกไปต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศด้วยความมั่นใจ” นางชฎาทิพกล่าวในตอนท้าย