‘ไปรษณีย์ไทย’ ยึดจุดยืนไม่ขอแข่งในสงครามราคา สู้ศึกในตลาดแข่งเดือดพลิกทำกำไร 158 ล้าน หลังขาดทุนมา 2 ปี

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

 

บริษัทขนส่งแรกที่หลายคนรู้จักคงจะมีชื่อว่า “ไปรษณีย์” แน่นอน ซึ่งดำเนินธุรกิจมากกว่า 140 ปี ธุรกิจผ่านการดิสรัปชั่นมาหลายยุค ยิ่งในปัจจุบันการแข่งขันในอุตสาหกรรมขนส่งโลจิสติกส์ดุเดือดมากขึ้นมีผู้เล่นทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ตบเท้าลงแข่งขันในตลาดฟาดฟันกันด้วยสงครามราคา ไปรษณีย์ไทย ยื่นคำขาดยึดจุดยืน “เราจะไม่ลงแข่งในสงครามราคา” พร้อมก้าวสู่การเป็น Data Company

 

ไปรษณีย์ไทย เปิดรายได้ครึ่งปีแรก 2566

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ครบรอบ 140 ปี ภาพรวมธุรกิจไปรษณีย์ไทยในช่วงครึ่งปีแรกมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้ 10,833.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 12.67% กำไรสุทธิทั้งสิ้น 157.72 ล้านบาท โดยกลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ครองสัดส่วนรายได้สูงสุดถึง 44.11% ตามด้วย กลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ 36.04% กลุ่มบริการระหว่างประเทศ 13.60% กลุ่มบริการค้าปลีก 2.35% กลุ่มบริการการเงินและบริการอื่นๆ 2.84% และรายได้อื่นๆ 1.06% นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก 2566 ไปรษณีย์ไทยได้สนับสนุนการให้บริการพื้นฐาน เข้าถึงทุกพื้นที่ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล กรรมการ และประธานคณะอนุกรรมการด้านกลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาดและการสื่อสาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า “ตลาดขนส่งในปีนี้ คาดการณ์ว่าจะยังคงมีการแข่งขันกันด้วยหลากหลายกลยุทธ์ รวมถึงมีการนำเสนอจุดแตกต่างที่แต่ละแบรนด์มีเพื่อรักษาตลาด ซึ่งในส่วนของไปรษณีย์ไทยได้ให้ความสำคัญกับการครองใจผู้ใช้บริการด้วยความแน่นแฟ้น เป็นเพื่อนสนิทที่พร้อมเดินเคียงข้างคนไทยในทุกเส้นทางที่ส่งมอบทั้งความสัมพันธ์ และความสำเร็จ อีกทั้งยังรู้จริง รู้ใจ ผู้ใช้บริการทุกคน”

 

เปิดเส้นทางไปรษณีย์ไทย จากวันแรกสู่ปีที่ 140

ในวาระ 140 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย ได้มุ่งให้แบรนด์เปลี่ยนความท้าทายที่มีอยู่รอบด้าน พลิกเป็นโอกาสและสร้างรายได้ทางธุรกิจ โดยความท้าทายที่เกิดขึ้นขณะนี้มีทั้งรูปแบบที่หลากหลายของเศรษฐกิจดิจิทัล  การเกิดขึ้นของเจเนอเรชันใหม่ ๆ ความต้องการของผู้ใช้บริการที่เริ่มมีความเป็นปัจเจก ฯลฯ ซึ่งไปรษณีย์ไทยจะใช้ความเป็นเพื่อนที่เข้าใจ และนำศักยภาพที่องค์กรมีอยู่มารองรับการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนส่งมอบคุณค่าที่คุ้มค่าผ่านทั้งบริการดั้งเดิม โซลูชันบริการใหม่ และรักษาความเป็นผู้นำตลาดในด้านคุณภาพให้ได้อย่างต่อเนื่อง ย้อนรอยจากจุดเริ่มต้นสู่ปีที่ 140       

 

  • ปี พ.ศ. 2426 พระบาทสมเด็จพระจุลเจ้าเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปิดกิจการไปรษณีย์โดยบ้านของพระปรีชากลการปรบปรุงเป็นตึก “ไปรสนียาคาร” และออกตราไปรษณียากรชุดแรกของสยาม ‘ชุดโสฬส’ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426
  • ปี พ.ศ. 2441 ‘กรมไปรษณีย์’ และ ‘กรมโทรเลข’ รวมเป็น ‘กรมไปรษณีย์โทรเลข’ ขณะนั้นมีที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ 165 แห่ง เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2441
  • ปี พ.ศ. 2462 ทดลองใช้เครื่องบินของทหารขนส่งถุงไปรษณีย์ ระหว่างกรุงเทพฯ – จันทบุรี ในปี พ.ศ. 2462
  • ปี พ.ศ. 2469 รวมที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขที่ 1 และ 2 เข้าด้วยกันเรียกว่า ‘สำนักงานไปรษรีย์โทรเลขกลาง’
  • ปี พ.ศ. 2483 เปิดตึกกรมไปรษณีย์โทรเลขที่บางรัก
  • ปี พ.ศ. 2520 จัดตั้งการสื่อสารแห่งประเทสไทย (กสท.) โดยแยกออกจากกรมไปรษณีย์โทรเลขตามพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทสไทย
  • ปี พ.ศ. 2526 ครบรอบ 100 ปี กิจการไปรษณีย์ไทยและตราไปรษณียากรดวงแรกของไทย และมีการจัดงานแสดงตราไปรษณียากรระหว่างประเทศครั้งแรกในประเทศไทย
  • ปี พ.ศ. 2546 ครบรอบ 120 ปี กิจการไปรษณีย์ไทยและตราไปรษณียากรดวงแรกของไทย และการแปรสภาพการสื่อสารแห่งประเทศไทย มาเป็น บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)
  • ปี พ.ศ. 2556 ครบรอบ 130 ปี กิจการไปรษณีย์ไทยและตราไปรษณียากรดวงแรกของไทย และครบรอบ 10 ปี บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด
  • ปี พ.ศ. 2566 ครบรอบ 140 ปี กิจการไปรษณีย์ไทยและตราไปรษณียากรดวงแรกของไทย และครบรอบ 20 ปี บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด

 

นอกจากนี้ ในปีนี้ที่ไปรษณีย์ไทยเดินทางมาถึงอายุ 140 ปี และอยู่ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงให้ความสำคัญกับการเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเชื่อถือเมื่อนึกถึงบริการขนส่ง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่อาจมีภาพจำว่าไปรษณีย์ไทยเป็นแบรนด์ที่อยู่มานาน ไม่ทันสมัย ทำให้ไปรษณีย์ไทยต้องทลายกำแพง

 

 

ภาพจำตรงนี้ไปให้ได้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนนิวเจนให้มากขึ้น ทั้งในเชิงการสร้างฐานผู้บริโภคผ่านโครงการและแคมเปญต่าง ๆ พร้อมทั้งมองหาไอเดียใหม่ๆ และอินไซต์จากคนรุ่นใหม่ มาปรับใช้และต่อยอดให้กับแบรนด์ให้ดูสดใสมากขึ้น โดยล่าสุด ไปรษณีย์ไทยได้ร่วมกับสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัดโครงการประกวดแผนแบรนด์ “J-MAT Brand Planning Competition” เพื่อนำแผนการสร้างแบรนด์ที่ได้ไอเดียมาจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ มาใช้พัฒนาการสื่อสารแบรนด์ให้เข้าถึงและตรงใจคนรุ่นใหม่ Gen Z และเป็นแบรนด์ที่พร้อมจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มาสู่ภาคเศรษฐกิจ อีกทั้งยังได้ฟังเสียงสะท้อนจากตัวแทนผู้ใช้บริการจริง ซึ่งจะทำให้ไปรษณีย์ไทยเป็นองค์กรที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง เป็น Unique Brand ที่แตกต่างจากผู้ให้บริการขนส่งอื่น ๆ

 

เปิดกลยุทธ์ ไปรษณีย์ไทย กับการก้าวสู่ Data Company

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดการเดินทาง 140 ปีที่อยู่เคียงข้างเศรษฐกิจและสังคม ไปรษณีย์ไทยถือเป็นผู้เปิดเส้นทางและเพื่อนร่วมทางที่เห็นโอกาสที่สำคัญทั้งในเชิงธุรกิจ และโอกาสใหม่ๆ สำหรับทุกภาคส่วน ด้วยกลยุทธ์ 1-4-0  โดย 1 คือ การเป็นที่หนึ่งเรื่องคุณภาพ พร้อมส่งมอบคุณค่าด้วยบริการที่มีคุณภาพเพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่อง 4 คือ เส้นทางขนส่งทางรถยนต์ ทางรถไฟ ทางอากาศ ทางดิจิทัลครอบคลุมทั่วไทย ทั่วโลก ครบถ้วนทุกไลฟ์สไตล์ และ 0 คือ Zero Complaint ลดข้อร้องเรียนเป็นศูนย์ หรือแก้ปัญหาให้ผู้ใช้บริการอย่างรวดเร็วที่สุด และ Net Zero เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 และสำหรับครึ่งปีหลัง ไปรษณีย์ไทยพร้อมใช้เทคโนโลยีพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อคนไทยอีกมากมายโดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก

 

ไปด้วยกันที่มากกว่าการส่ง ซึ่งจะเน้นการนำศักยภาพที่มี และสร้างศักยภาพใหม่ให้

ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ที่มากกว่าการขนส่ง โดยเฉพาะการก้าวสู่ Data Company จากการเป็น Information Logistics ที่มีข้อมูลแบบไร้ขีดจำกัด เช่น บริการ Prompt Post ที่จะทรานส์ฟอร์มเอกสารทุกรูปแบบสู่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ การแปลงระบบจ่าหน้าหรือที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัลผ่านระบบ Digital Post ID การให้บริการ

ในรูปแบบ Postman as a service ที่สามารถนำข้อมูลและความรู้ ความเข้าใจในทุกพื้นที่มาต่อยอดนำเสนอบริการที่ตรงใจ พร้อมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อนพี่ไปรฯ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ

 

ไปด้วยกันกับประสบการณ์ใหม่ ๆ

ผ่านบริการและโซลูชันที่จะทำให้คนไทยทุกคนและไปรษณีย์ไทยได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น มีสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าผ่าน Post Family ที่ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 600,000 ราย และตั้งเป้าให้ครบ 1,000,000 รายภายในปีนี้ การรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ของคนทุกเจเนอเรชันด้วยการใช้บริการไปรษณีย์ไทย เชื่อมโยงไปสู่ทุกจุดหมาย พร้อมเป็นแบรนด์ Top of Mind ที่ทุกคนนึกถึงทั้งในการช้อปปิ้ง ทำธุรกิจ ตลอดจนเป็นผู้นำด้านการให้บริการขนส่งที่หลากหลายในตลาด ทั้งส่งใหญ่ ส่งยุ่ง ส่งยาก ส่งยา ส่งเย็น

 

ไปด้วยกันให้ทุกชีวิตดีขึ้นได้จริง

จะเป็นการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยหลัก ESG+E หมายถึงEnvironment, Social, Governance และ Economy ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนโดยการสร้างเครือข่ายการเติบโตที่ยั่งยืนเพื่อคนไทย เช่น การก้าวสู่ผู้ให้บริการไปรษณีย์ด้วยระบบประหยัดพลังงาน โครงการ reBOX ที่ขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรกล่อง ซองอย่างคุ้มค่า การส่งเสริมรายได้สินค้าชุมชนผ่านไทยแลนด์โพสต์มาร์ทและโครงการไปรษณีย์เพิ่มสุข เป็นต้น

 


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •