น้ำผลไม้เป็นเครื่องดื่มที่ไม่ว่าใครก็ชอบกันทั้งนั้น ยิ่งอากาศร้อนๆ แบบบ้านเราแล้วถ้าได้ดื่มน้ำผลไม้เย็นๆ ก็จะทำให้รู้สึกสดชื่นมีแรงที่จะทำงานต่อไปได้ และด้วยความที่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมนี่เอง ทำให้การแข่งขันในตลาดย่อมดุเดือดเป็นธรรมดา หนึ่งในน้ำผลไม้ที่เราต้องบอกว่า โตมาด้วยกันเลยก็คือ “ดีโด้” น้ำส้มที่วัยเด็กทุกคนได้เคยสัมผัสรสชาติกันมาแล้วทั้งนั้น และวันนี้ “ดีโด้” ภายใต้การบริหารงานโดย บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 30 แล้ว
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัท ฟู้ดสตาร์ฯ กับความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม และการเป็นผู้นำน้ำผลไม้พร้อมดื่มและครองตำแหน่งผลิตภัณฑ์ยอดขายอันดับ 1 ในหมวด Fruit Juice (Economy & Super Economy) อีกด้วย กับความเคลื่อนไหวล่าสุดโดยการประกาศอัพลุคใหม่ให้คนไทยได้ Freshen up กว่าเดิม และก้าวไปเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องดื่มในเอเชีย ซึ่งน่าสนใจว่า ฟู้ดสตาร์ฯ จะทำอย่างไรเพื่อก้าวไปสู่จุดหมายดังกล่าว ทำให้เราต้องขอโอกาสเข้ามาคุยกลยุทธ์และการวางแผนทั้งหมดจากแม่ทัพคนสำคัญคนนี้ ที่ถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ต้องบอกเลยว่าเธอมากไปด้วยความสามารถและวิสัยทัศน์ที่ไม่ธรรมดาเลย ได้แก่ คุณลิลลี่ – จันทรา พงศ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้พร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ “ดีโด้” และ “มิกกุ”
จุดเริ่มต้น 30 ปีของความสำเร็จ “ดีโด้”
คุณลิลลี่ เล่าถึงการเปิดบริษัท ฟู้ดสตาร์ ว่าเริ่มต้นเมื่อปี 2536 เริ่มด้วยทุนจดทะเบียนเพียงแค่ 65 ล้านบาทเท่านั้น จนวันนี้ผ่านมา 30กว่าปีแล้ว ปัจจุบันบริษัท ฟู้ดสตาร์ มีทุนจดทะเบียนสูงถึง 300 ล้านบาทแล้ว ซึ่งแบรนด์ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีภายใต้บริษัทนี้ก็คือ “ดีโด้” ซึ่งมีแนวคิดว่าจะทำให้ชื่อติดหูเด็กๆ ก็เลยตั้งชื่อเน้นความน่ารักสดใส เหมือนชื่อของเด็กน้อยคนหนึ่ง โดยมี “น้ำส้มดีโด้” ที่หลายๆ คนคุ้นเคยดี แต่นอกเหนือจากน้ำผลไม้รสส้มแล้วก็ยังน้ำผลไม้รสชาติอื่นๆ อีกด้วย เช่น น้ำผลไม้รสลิ้นจี่จักรพรรดิ น้ำผลไม้รสสตรอว์เบอร์รี่ เป็นต้น ซึ่งช่วงแรกขายในราคา 3 บาท และเน้นที่ไปต่างจังหวัดเป็นส่วนมาก
ผลการตอบรับจากตลาดดีมากทีเดียว โดยกลุ่มลูกค้าก็ไม่ได้มีแต่เด็กๆ แต่มีผู้ใหญ่ก็นิยมเช่นกัน กลายเป็นน้ำผลไม้ที่ทานกันได้ทั้งครอบครัว ซึ่งคิดว่าสิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในยุคต้นๆ ได้ อาจจะเป็นเพราะว่าในช่วงนั้นตลาดน้ำผลไม้ยังแข่งกันไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเครื่องดื่มน้ำดำที่แข่งกันแรงๆ มากกว่า และในยุคนั้นน้ำส้มส่วนใหญ่ก็ยังมีแบบเป็นขวดแก้ว ขวดเล็กแบบฝาฟอยล์อย่างเราก็ยังไม่มีใครทำ ก็เลยทำให้เราเป็นที่ฮิตติดตลาดอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคและตลาดยอมรับเราก็คือเรื่องของคุณภาพและรสชาติที่กลมกล่อม ซึ่งทางฟู้ดสตาร์ฯ มีการทำ R&D (Research and Development) โดย Food Science มาใช้พัฒนาสินค้าต่างๆ ของบริษัท ซึ่งทำให้เป็นที่ยอมรับและธุรกิจเติบโตมาได้จนทุกวันนี้
การพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
นอกเหนือจากความสำเร็จแล้วก็มีเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญมรสุมเช่นกัน คุณลิลลี่เล่าว่า แม้สินค้าเราจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค แต่เราก็เคยประสบปัญหาเช่นกัน พอหลังจากก่อตั้งมาได้แค่ 3 ปีก็ต้องมาพบกับวิกฤตฟองสบู่แตก ค่าเงินบาทลอยตัว แต่เราตัดสินใจรุกมากกว่าที่จะถอยหรือชะลอตัว จึงทำการเพิ่มทุนเข้าไปเพิ่มเป็น 90 ล้านบาท เพื่อทำให้บริษัทไปต่อได้ เพราะเราเล็งเห็นว่า ตลาดมันโตไปได้ต่อแน่ๆ ซึ่งวันนั้นพวกเราก็พยายามกันอย่างสุดความสามารถ ตั้งแต่ผู้บริหารไปจนถึงพนักงานทุกในการฟันฝ่าอุปสรรคครั้งนั้นไปได้จนทุกอย่างลุล่วง นอกจากนี้เรายังพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งเริ่มต้นจากการที่เป็นเพียงน้ำส้มและน้ำผลไม้ใส่ขวดฝาฟอยล์ จากนั้นเพื่อเจาะกลุ่มเด็กๆ ก็พัฒนามาทำในรูปแบบ Ice Stick นำไปแช่เย็นดูดทานได้ ขายในราคาถูกมากสำหรับเด็กๆ เพียงแค่ 1 บาทเท่านั้น ซึ่งก็ได้รับความนิยมจากเด็กๆ รวมถึงร้านค้าต่างๆ เป็นจำนวนมาก จนปัจจุบันนอกจากจะมีน้ำผลไม้รสชาติต่างๆ แล้ว ก็ยังมีน้ำผลไม้ผสมโยเกิร์ต ที่ใช้ชื่อแบรนด์ว่า “มิกกุ” เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ใช้นวัตกรรมที่เรียกว่า Temp ให้สามารถเก็บรักษาในอุณหภูมิห้องได้แม้ไม่ต้องแช่เย็น เป็นโปรดักส์ที่เราต้องการสร้างความแปลกใหม่ให้กับตลาด
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ 30 ปี ฟู้ดสตาร์ฯ ภายใต้แนวคิด 30th Always up “อัพ” คุณภาพในทุกๆ ด้าน เริ่มจากด้านนวัตกรรมการคัดสรรวัตถุดิบ กระบวนการการผลิต การควบคุมคุณภาพไปจนถึงการขนส่งและส่งมอบสินค้า โดยเฉพาะการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม และล้ำไปข้างหน้า เพราะไม่ว่าโลกจะหมุนไปทางใด ฟู้ดสตาร์ก็พร้อมตอบทุกโจทย์ของความต้องการที่ผันแปรไปอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค
“กระนั้นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ทำให้ผู้บริโภคยังคงให้การตอบรับเราเป็นอย่างดีจนถึงทุกวันนี้ หรือเรียกว่าเป็นจุดแข็งเราเลยก็คือ เรื่องของคุณภาพ กลิ่น และรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม เพราะเราคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี ภายใต้ปรัชญาในการทำงานโดยมุ่งมั่นพัฒนา “สินค้าคุณภาพในราคาที่เหมาะสม” นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เรายังคงความนิยมมาได้อยู่ในทุกยุคทุกสมัย”
30 ปี บิ๊กแคมเปญ “ดีโด้ อัพลุคใหม่ สดชื่น…สะใจ ม่วนๆ”
โดยในปีนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษครบรอบ 30 ปี เราได้จัดบิ๊กแคมเปญ “ดีโด้ อัพลุคใหม่ สดชื่น…สะใจ ม่วนๆ” ด้วยการอัพเดทโลโก้แบรนด์ DeeDo ให้มีความ Modernize มีความทันสมัยโดดเด่นชัดเจนอ่านง่ายเหมาะกับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย รวมทั้งปรับฉลากใหม่ของน้ำผลไม้ DeeDo ให้ดู “อัพความสดชื่น” พร้อมกันนี้ดีโด้ยังเตรียมเดินหน้ารุกขยายตลาดอัพความสดชื่นให้กับทุกคน โดยเฉพาะในกลุ่ม Young Generation ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด
นอกจากนี้ เรายังมีการออกภาพยนตร์โฆษณา 3 เรื่องที่นำเสนอโดย 2 พรีเซ็นเตอร์ใหม่ ได้แก่ “เบิ้ล ปทุมราช” จากอาร์สยาม และ “โจอี้ ภูวศิษฐ์” จากแกรมมี่ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคน จากสองค่าย มาทำงานร่วมกัน ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนเลย สำหรับเหตุผลที่เราเลือกทั้งสองคนก็เพราะ เรามองไปที่กลุ่มเป้าหมายของเราซึ่งส่วนใหญ่อยู่ตามหัวเมืองและอยู่ต่างจังหวัด และเป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นใหม่ทั้งประเทศในวงกว้าง รวมถึงในกลุ่มประเทศ CLMV ด้วย ที่สำคัญคือ ทั้งคู่ยังมีภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ที่มีความสดใส จึงนับเป็นตัวแทนที่ดีของแบรนด์ มากไปกว่ากลยุทธ์การทำการตลาดผ่าน 2 พรีเซ็นเตอร์แล้ว เรายังมีการทำการตลาดแบบ Above the line ผ่านกิจกรรมอีเวนต์และ Road Show ทั่วประเทศด้วย ซึ่งมั่นใจว่า จะสามารถสร้างยอดขายเติบโตขึ้นกว่า 30% สร้างรายได้มากกว่า 4,000 ล้านบาทในปี 2566
นอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวไปแล้ว “ดีโด้” ยังจัดกิจกรรมคืนกำไรให้กับลูกค้าเพื่อร่วมเฉลิมฉลอง 30 ปี ภายใต้กิจกรรมชื่อ “เศรษฐีดีโด้ เศรษฐี 4 ภาค” แจกทองทุกภาค รวยทุกภาค แจกทองรวมมูลค่ากว่า 4.5 ล้านบาท ร่วมลุ้นง่ายๆ เพียงซื้อน้ำผลไม้ดีโด้ขนาด 450ml.และ 225 ml รสชาติใดก็ได้ สแกน QR Code และกรอกรหัสใต้ฝาดีโด้ ก็มีสิทธิในการลุ้นรวย 2 ต่อ ต่อที่ 1 ลุ้นสร้อยทอง ทุกวัน , ต่อที่ 2 ลุ้นรางวัลใหญ่ ทองหนัก 5 บาท แจก 4 ภาค ทั่วไทย เริ่มไปแล้วตั้งแต่ 1 กรกฎาคม ไปจนถึง 30 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งจะเป็นแคมเปญที่ยาวไปจนถึงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ท้ายที่สุดทิศทางต่อไปของ “ดีโด้” ภายใต้การบริหารของฟู้ดสตาร์ฯ คุณลิลลี่ปักหมุดไว้ว่า จากความสำเร็จในประเทศ และการส่งออกไปมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก เราไปทั้งเอเชียและอเมริกามาแล้ว ซึ่งนับจากนี้เราจะทำการตลาดในต่างประเทศอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อก้าวเป็น “ผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องดื่มในเอเชีย”
“เราภาคภูมิใจมากเลยที่เราเป็นแบรนด์น้ำผลไม้สัญชาติไทยที่สามารถไปอยู่ต่างประเทศได้ ดังนั้น อยากให้ผู้บริโภคชาวไทยทุกคน มั่นใจและภูมิใจในผลิตภัณฑ์ของคนไทยด้วยเช่นกันที่สามารถนำสินค้าไทยไปปักธงไทยยังต่างประเทศได้ จึงอยากให้คนไทยร่วมสนับสนุนสินค้าของคนไทยด้วยกันตลอดไป”