ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยุคนี้เป็นยุคดิจิทัล ที่ส่งผลต่อยอดการสเป็นเงิน ดิจิทัลมีเดียเติบโต ซึ่งสร้างโอกาสให้เกิดขึ้นในหลายๆ ธุรกิจ แม้แต่เจ้าแห่ง Delivery อย่าง Grab เองก็หันมาสนใจที่จะลงมาเล่นในสมรภูมิของการเป็น “ธุรกิจมีเดีย” ลองมาดูว่า Grab มองเห็นโอกาสทางธุกริจนี้อย่างไรบ้าง
จากตัวเลขจะเห็นการเติบโตของ มีเดีย สเป็นดิ้งในไทย แตะบวกที่ +5.6% (เดือนมกราคม – มิถุนายน 2023) โดยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 25% การเติบโตดังกล่าว สร้างโอกาสให้ผู้เล่นใหม่ๆ อยากที่จะเข้ามาในสมรภูมินี้
ที่สำคัญ เป็นทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคและเพิ่มยอดขายได้ นอกเหนือจากการอัดเม็ดเงินไปที่สื่อออนไลน์, โซเชียลมีเดีย หรือดิจิทัลมีเดียอื่นๆ ดังนั้น โดยภาพรวมๆ จึงเรียกว่าเป็น Retail Media
การมาของ Retail media เวฟที่ 3 ของ Digital Advertising
Retail media (สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีก) คือคลื่นลูกที่ 3 คลื่นลูกใหม่ที่มาแรงของ Digital Advertising ต่อจาก Search และ Social media หลายสำนักยืนยันตรงกันถึง ความร้อนแรงของ Retail media ทั้งการที่พบว่า มียอดการซื้อที่เพิ่มขึ้นจากเอเจนซี่และแบรนด์ รายงานของตลาดเอเชียที่ระบุว่า 99% ของนักการตลาดในเอเชียเพิ่มการใช้จ่ายสื่อค้าปลีก รวมทั้งการคาดการณ์ว่ามีเม็ดเงินใน Retail media สูงถึง 125.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2023
ดังนั้น Retail media คือระบบนิเวศใหม่ ที่จะขับเคลื่อนสินค้าและแบรนด์ อย่างครบลูปแบบ Full-funnel ของการโฆษณา พร้อมกับผลักดันทรานส์แซกชั่นของ First-party Data ให้กับแบรนด์ได้อีกด้วย
จากความร้อนแรงของ Retail media ทำให้ Grab สนใจในสมรภูมินี้อย่างเต็มตัว ซึ่งอันที่จริง เริ่มมาตั้งแต่ปี 2018 ในโซนเซาท์อีสต์เอเชีย ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และไทย โดยที่ผ่านมาดำเนินการในรูปแบบ Super-app Advertising ที่ผลักดันผลลัพธ์ให้กับแบรนด์ โดยฝังตัวอยู่ในทุกๆ เจอร์นีย์ของผู้บริโภค
สำหรับ แกร็บ ประเทศไทย ได้ลุยธุรกิจโฆษณานี้มาพักใหญ่แล้ว แต่เมื่อเร็วๆ นี้ได้ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมกับการวางแผนที่จะเจาะกลุ่มนักโฆษณาและการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในยุคดิจิทัล โดยกลุ่มลูกค้าที่เล็งไว้ ได้แก่ FMCG ยานยนต์ และสถาบันการเงิน นอกเหนือจากกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมตั้งเป้าเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกอันดันต้นๆ ในประเทศไทย
จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโลกออนไลน์หรือออฟไลน์ แต่มีการผสมผสานกันอย่างไร้รอยต่อ ทำให้นักโฆษณาและนักการตลาดต้องออกแบบกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภคให้สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิต และสามารถเชื่อมโยงประสบการณ์บนโลกออนไลน์และออฟไลน์ของผู้บริโภคให้ได้อย่างลงตัว หากเจาะไปที่ธุรกิจโฆษณาในปีที่ผ่านมา (2565) สื่อออนไลน์และออฟไลน์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายลง ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา1 สื่อออนไลน์ยังคงได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 5.6% ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาในสื่อออฟไลน์ลดลง 1.9% จากการถดถอยของสื่อโทรทัศน์ ขณะที่สื่อนอกบ้าน (Outdoor & Transit media) มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
“นอกเหนือจากสื่อโฆษณาหลักเหล่านี้แล้ว อีกหนึ่งรูปแบบของสื่อที่กำลังมาแรงในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาคือ สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีก (Retail Media Network) ซึ่งบริหารและให้บริการโดยผู้ประกอบการค้าปลีกหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ถือเป็นช่องทางใหม่ที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ในขณะที่กำลังซื้อสินค้าออนไลน์หรือหน้าร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยจุดแข็งของการมีฐานข้อมูลที่มีคุณภาพ ทั้งในด้านพฤติกรรมการจับจ่าย ความชอบ และประวัติการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ทั้งนี้ ในปี 2566 สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกถือเป็นสื่อที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 3 โดยถูกคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ารวมทั่วทั้งโลกสูงถึง 125.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะสามารถทำรายได้รวมสูงกว่ารายได้จากสื่อโทรทัศน์ได้ภายในปี 2571”
นอกจากลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ซึ่งถือเป็นกลุ่มหลักที่ให้ความสนใจและทุ่มงบโฆษณากับ GrabAds แล้ว เรายังพยายามขยายฐานลูกค้าไปในอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย โดยในปีนี้ เราเตรียมรุกไปที่ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Fast Moving Consumer Goods: FMCG) กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) และกลุ่มสถาบันการเงินและธนาคาร (Finance & Banking) ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตและใช้งบเพื่อทำการตลาดกับกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เราเชื่อว่า GrabAds จะเป็นเครื่องมือการตลาดอันทรงพลังที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงเป้าหมายอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
Grab เข้าสู่ธุรกิจโฆษณาครั้งแรกในปี 2561 โดยเริ่มจากการนำเสนอสื่อโฆษณาภายในรถยนต์เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ ก่อนจะขยายตัวมาเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มเพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ร้านค้าหรือแบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการในแอปพลิเคชันได้มากขึ้น และถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกที่ครบวงจรภายใต้ชื่อ “GrabAds” อย่างในปัจจุบัน ครอบคลุมช่องทางการโฆษณาทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดย
ล่าสุด GrabAds ติดอันดับหนึ่งในสามของสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผู้บริโภคให้การตอบรับและมีความรู้สึกที่ดีต่อโฆษณา (Ad Equity) มากที่สุด สำหรับในประเทศไทย GrabAds เริ่มทำการตลาดอย่างจริงจังในช่วงสองปีที่ผ่านมา จนได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำในกลุ่มธุรกิจต่างๆ เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารและเข้าถึงผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อและทรงอิทธิพลด้วย 3 จุดแข็งสำคัญ นั่นคือ การเชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์ภายในอีโคซิสเต็มของแกร็บได้อย่างไร้รอยต่อ และการดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพ การเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค
3 จุดแข็งสำคัญของธุรกิจสื่อโฆษณาจาก GrabAds
- การเชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ (Online-to-Offline Integration within Grab’s Ecosystem)
GrabAds นำเสนอโซลูชันด้านการตลาดที่ครบวงจร ตั้งแต่ การสร้างแบรนด์ไปจนถึงปิดการขายกับกลุ่มเป้าหมาย (Awareness to Conversion) ด้วยรูปแบบและกลไกของสื่อที่มีความหลากหลาย ทั้งบนแอปพลิเคชันออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง Masthead Native Banner Search เป็นต้น ที่ผู้ใช้บริการสามารถสั่งซื้อสินค้า และผ่านทางการให้บริการออฟไลน์ อาทิ สื่อโฆษณาบนรถโดยสาร หรือ กระเป๋าส่งของของพาร์ทเนอร์คนขับ ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ
- การจับกลุ่มลูกค้าคุณภาพที่มีกำลังซื้อ (Capturing High-Value Audience)
กว่า 60% ของผู้ใช้บริการในประเทศไทยที่เปิดแอปพลิเคชันแกร็บมีการทำการใช้จ่ายบนแอปพลิเคชันในเดือนนั้น จึงทำให้อัตราการคลิกโฆษณา (Click Through Rate: CTR) สูงกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ในประเทศไทย ถึง 3 – 5 เท่า นอกจากนี้ จากการสำรวจของแกร็บ ยังพบว่า กว่า 77% ของผู้ใช้บริการไทยรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาอยู่บนแพลตฟอร์มแกร็บ
- การเข้าถึงข้อมูลการใช้จ่ายจริงของผู้บริโภค (First-party Data Insights)
ด้วยฐานข้อมูลคุณภาพ ที่รวบรวมพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงของผู้ใช้บริการบนแอปพลิเคชัน Grab ที่ครอบคลุมหลากหลายมิติของการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าใจอินไซต์และเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เช่น ไลฟ์สไตล์หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต อาทิ เมนูอาหารที่ชอบ ประเภทสินค้าที่สั่งเป็นประจำ สถานที่ที่มักเดินทางไปบ่อยๆ รวมถึงวิธีการเดินทาง
รูปแบบโฆษณาของ GrabAds มีอะไรบ้าง และตอบโจทย์อะไรบ้าง
- Superapp Hero format มีทั้งที่เป็น Masthed, ภาพและวิดีโอ ซึ่งช่วยสร้างทั้ง Awareness และ Consideration
- Mobile OOH and In car เป็นได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือจะอยู่ที่รถของไรเดอร์ (In-car Hanger) ก็ได้ ช่วยได้ตั้งแต่ Awareness, Considertion และ Conversion
- Rewarded Native Formats ได้ทั้งภาพและวิดีโอ หรือให้เป็นรีวอร์ดเก็บแต้มก็ได้ ซึ่งช่วยสร้างทั้ง Awareness และ Consideration รวมไปถึงสร้าง Conversion และ Loyalty
- Sampling ทำได้ทั้งกับ Grabfood, Grabkitchen, Grabmart และ Grabtransport หรือจะ Samlping survey ก็ได้
- GrabFood/GrabMart Hero Formats เป็นอีกรูปแบบที่ตอบโจทย์ทั้ง Full-funnel
Success Case
ตัวอย่างการลงโฆษณากับ GrabAds ที่ประสบความสำเร็จ
- อายิโนะโมะโต๊ะ มีเป้าหมายต้องการเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้รู้จักแบรนด์มากขึ้น ใช้วิธีการแจกสินค้าตัวอย่างผ่านคำสั่งซื้อเดลิเวอรีร้านส้มตำชื่อดังต่างๆ เพื่อให้เกิดการจดจำแบรนด์และเลือกซื้อในอนาคต
- เป๊ปซี่ เปิดตัวรสชาติใหม่ “เป๊ปซี่ ไลม์” ลงโฆษณาทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็ฯแบนเนอร์ แร็พอัป Grab car รวมถึงเสื้อและกระเป๋าไรเดอร์
นับเป็นอีกหนึ่ง business line ใหม่ของ GrabAds ที่ก้าวออกมาจากธุรกิจที่ตัวเองประสบความสำเร็จ แต่ต้องถือเป็นก้าวที่ท้าทายมาก เพราะต้องแข่งกับสื่อและมีเดียอีกหลายเจ้า รวมไปถึงโซเชียลแพล็ตฟอร์มต่างๆ แม้ว่าจะเล่นกันคนละเกมส์ก็จริงอยู่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสมรภูมิของการเป็น “พื้นที่โฆษณา” หอมหวนยิ่งสำหรับทุกคน โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลแบบนี้.