กางพอร์ตฯ “KCG” ผู้ผลิตเนย-ชีส-คุกกี้อิมพีเรียล กับ 4 กลยุทธ์ขับเคลื่อนความสำเร็จกว่า 60 ปี

  • 2.9K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ปัจจุบันวัฒนธรรมการกินอาหารตะวันตกมีอิทธิพลในไทยพอสมควร ส่งผลให้ธุรกิจผลิตและจำหน่ายส่วนประกอบอาหารอย่างเนยและชีสเป็นที่ต้องการของตลาดอุตสาหกรรมอาหารตามไปด้วย ตัวอย่างร้านสะดวกซื้อที่เราเห็นอยู่บ่อย ๆ ก็ได้มีการวางขายเบเกอรี่หลายรสชาติชนิดต่าง ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนที่ใช้เวลาเร่งรีบที่มองหาอาหารเช้ากินง่าย ๆ ได้เป็นอย่างดี

หนึ่งในบริษัทที่ผลิตส่วนประกอบอาหาร เนย ชีส ผลิตภัณฑ์บิสกิต รวมถึงน้ำผลไม้ และผลิตภัณฑ์ประกอบอาหารและเบเกอรี่ ที่เราจะไปทำความรู้จักกันในวันนี้ เรียกได้ว่าน่าจะมีใครเคยเห็นผลิตภัณฑ์ผ่านตากันมาบ้าง หรืออาจเคยได้ยินชื่อผลิตภัณฑ์กันมาก่อน บริษัทที่เรากำลังพูดถึงอยู่นั้นจะเป็นใคร มีความน่าสนใจอย่างไร วันนี้เราจะตามไปดูกัน

 

 

บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG หนึ่งในผู้นำในการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค กลุ่มผลิตภัณฑ์เนย-ชีส ที่เป็นส่วนสำคัญในการประกอบอาหาร ภายใต้แบรนด์อลาวรี่ และอิมพีเรียล รวมถึงยังมีการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บิสกิต และผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบอาหารและเบเกอรี่ โดย KCG ยังมีชื่อเสียงจากการเป็นผู้นำเข้าเนย ชีส และวัตถุดิบเบเกอรี่และอาหารตะวันตกจากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก อาทิ มารินฟู้ด, เอเร่ แอนด์ เวียร์, คะวาน, กาโรฟาโล ฯลฯ ด้วยความรู้และประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 64 ปี

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ KCG จะประสบความสำเร็จในวันนี้ได้ ต้องบอกว่าเส้นทางธุรกิจแรกเริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2501 ผ่านห้างหุ้นส่วนจำกัด กิมจั๊วพาณิชย์ โดยผลิตภัณฑ์ชนิดแรกที่นำเข้ามาขาย คือ ผลิตภัณฑ์เนยภายใต้แบรนด์อลาวรี่ จากประเทศออสเตรเลีย ต่อมาได้มีการขยับขยายนำเข้าสินค้ามาขายเพิ่ม เช่น ชีสจากยุโรป ผลไม้กระป๋องจากอเมริกา และในปี 2505 ก็เริ่มนำเข้าน้ำส้ม SUNQUICK เข้ามาขายในไทย ด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ที่ดำเนินธุรกิจมา จนกระทั่งได้พัฒนาจากธุรกิจนำเข้าสินค้า ที่นำเข้าสู่กระบวนการผลิตสินค้าด้วยตัวเอง

โดยกระทั่งในปี 2515 ก็ได้มีการสร้างโรงงานผลิตเนยของตัวเองแห่งแรกที่บางนา โดยซื้อแบรนด์ สูตรและวิธีการผลิตมาจากแบรนด์ อลาวรี่ เมื่อมีโอกาสในการขยายกิจการจึงได้ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจจาก กิมจั๊วพาณิชย์ มาเป็น KCG ในปัจจุบัน

 

      

กางพอร์ตโฟลิโอ “KCG” ผู้ผลิต-จำหน่ายเนย-ชีส-บิสกิต-ผลิตภัณฑ์ประกอบอาหารและเบเกอรี่รายใหญ่

กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ KCG ในปัจจุบัน สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ดังนี้

 

1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (Dairy Products)

ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เนย ชีส และผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากนม เช่น นมพร้อมดื่ม วิปปิ้งครีม และโยเกิร์ต

 

 

2.กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการประกอบอาหารและเบเกอรี่ (Food and Bakery Ingredients) และผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ผลิตภัณฑ์อาหาร

– ผลิตภัณฑ์ส่วนผสมของอาหาร เช่น น้ำมันมะกอก และมายองเนส

– ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป

– ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารทะเล

 

ผลิตภัณฑ์ประกอบการทำเบเกอรี่

– เช่น แป้งเค้ก แป้งมิกซ์ ยีสต์ ไส้ขนมปังรสชาติต่าง ๆ

 

 

ผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้เข้มข้น

– เช่น SUNQUICK น้ำรสส้มชนิดเข้มข้น น้ำรสผลไม้รวมชนิดเข้มข้น น้ำรสมิกซ์เบอร์รี่ชนิดเข้มข้น

 

อุปกรณ์ในการทำเบเกอรี่ และอุปกรณ์ประกอบอาหาร

– เช่น เตาอบไฟฟ้า, ช้อนตวง, เครื่องตัดพิซซ่าขนาดเล็ก

 

 

3. กลุ่มผลิตภัณฑ์บิสกิต (Biscuits)

– ผลิตภัณฑ์คุกกี้อิมพีเรียล บัตเตอร์คุกกี้ สูตรเดนมาร์ก, Cookie choice

– ผลิตภัณฑ์แครกเกอร์ อาจมีไส้หรือไม่มีก็ได้ เช่น แครกเกอร์ ภายใต้แบรนด์ ROSY และ Violet

– ผลิตภัณฑ์เวเฟอร์ ไส้ครีมรสชาติต่าง ๆ

โดยสำหรับปี 2565 ผลิตภัณฑ์หลักที่ทำรายได้ให้แก่ KCG มากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ทำรายได้อยู่ที่ 3,597.6 ล้านบาท รองลงมาเป็นรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการประกอบอาหารและเบเกอรี่ และอื่น ๆ ทำรายได้อยู่ที่ 1,734.0 ล้านบาท และรายได้จากการขายบิสกิต 825.3 ล้านบาท

 

 

4 กลยุทธ์ขับเคลื่อนความสำเร็จ “KCG”

การที่ KCG มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนให้เห็นถึงการไม่หยุดนิ่งในการดำเนินธุรกิจ โดย KCG มีกลยุทธ์พาธุรกิจเดินไปข้างหน้า 4 กลยุทธ์ ดังนี้

1. นำเทคโนโลยีมายกระดับกระบวนการผลิต ลงทุนซื้อเครื่องจักรอัตโนมัติ เพื่อขยายกำลังการผลิตชีส และเดินหน้าขยายกำลังการผลิตเนยเพื่อรองรับตลาดผู้บริโภค ด้วยโรงงานมาตรฐานยุโรป

2. พัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ โดยพัฒนาสูตรใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมและขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ทำจากนมตามแผนมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายดี รวมถึงการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค

3. สร้างช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ทั้งกลุ่มผู้บริโภค B2C ผ่านการร่วมกับพันธมิตร เช่นการนำเนยและชีสวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ Lawson 108 และการนำผลิตภัณฑ์บิสกิตไปวางจำหน่ายผ่านตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) นอกจากนั้นยังมุ่งที่จะขยายกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการB2B ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

4. ขยายธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการมุ่งสร้างโอกาสเติบโตทั้งในและต่างประเทศผ่านการร่วมทุน หรือการควบรวมกิจการ รวมถึงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจต้นน้ำ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจ

แม้จะเป็นธุรกิจที่มีสมรภูมิคู่แข่งในตลาดเดียวกันอยู่บ้าง แต่ก็เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ที่เคยดำเนินธุรกิจมายาวนานจะเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างมีศักยภาพและมุ่งสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ว่าจะพาบริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนได้สำเร็จในอนาคต…

 

 

Reference:

– หนังสือชี้ชวนหรือแบบไฟลิ่ง จากสำนักงาน ก.ล.ต.

– KCG – Fact Sheet

https://workpointtoday.com/kcg-story-to-ipo/

 


  • 2.9K
  •  
  •  
  •  
  •