หนึ่งในเรื่องของเทรนด์รักสุขภาพ (Healthy) คือการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ไร้น้ำตาล (Low Sugar) โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เคลมว่า “น้ำตาล 0%” ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการใช้สารทดแทนความหวาน ที่ช่วยลดปัญหาเรื่องของโรคเบาหวานและโรคอ้วนได้ รวมถึงยังเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาเรื่องของภาษีน้ำตาลที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยสารที่นิยมใช้กันมากในหลากหลายผลิตภัณฑ์คือ แอสปาร์แตม (Aspartame)
ซึ่งสารแอสปาร์แตมอยู่ในหลายผลิตภัณฑ์และหนึ่งในนั้นคือ เครื่องดื่มน้ำอัดลมระดับโลกอย่าง Diet Coke และ Pepsi Max กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ องค์กรอนามัยโลก (WHO – World Health Organization) เตรียมจะประกาศให้ สารแอสปาร์แตมเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง อย่างเป็นทางการในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้
การประกาศครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจที่มีการใช้สารทดแทนความหวานชนิดนี้ได้รับผลกระทบทันที โดยเฉพาะสารทดแทนความหวานที่อยู่ในรูปของส่วนประกอบอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านอาหาร เป็นต้น และแอสปาร์แตมยังมีส่วนสำคัญในการช่วยให้หลายธุรกิจรับมือกับสถานการณ์ขึ้นภาษีน้ำตาลทั่วโลก
โดยก่อนถึงวันประกาศอย่างเป็นทางการ หลายธุรกิจต่างพยายามเรียกร้องให้มีการทบทวน รวมถึงการให้หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมวิจัย โดยคาดหวังว่าจะมีผลวิจัยที่สามารถระบุได้ถึงปริมาณที่สามารถใช้ได้โดยไม่เป็นอันตราย เพื่อให้ธุรกิจสามารถใช้สารทดแทนดังกล่าวได้โดยไม่ต้องใช้น้ำตาลที่มีภาษีแพงและเป็นต้นทุนสำคัญ
ขณะที่นักวิเคราะห์เชื่อว่า การประกาศของ WHO ครั้งนี้อาจส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยกับเครื่องดื่มน้ำอัดลม 2 ค่ายใหญ่ระดับโลก เนื่องจากเคยเผชิญปัญหาเรื่องการปรับขึ้นภาษีน้ำตาลและผ่านพ้นมาได้ และเมื่อตรวจสอบการผลิตพบว่า Coca-Cola มีการปรับเปลี่ยนไปใช้สารให้ความหวานจากธรรมชาติแทนสารทดแทนความหวาน ด้าน PepsiCo ก็หันไปใช้ส่วนผสมของ Sucralose และ Acesulfame Potassium ซึ่งเป็นสารที่ให้ความหวานจากธรรมชาติเช่นกัน