ปี 2023 เป็นปีที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลกฟื้นตัวเต็มรูปแบบ สะท้อนได้จากโปรแกรมหนังฟอร์มยักษ์จ่อคิวเข้าโรงฉายตลอดทั้งปี รวมถึงการเดินหน้าขยายสาขาของธุรกิจโรงภาพยนตร์ พร้อมบริการใหม่ๆ การกลับมาใช้บริการของลูกค้า และการเติบโตของสื่อโรงภาพยนตร์
เพื่อตอบรับการกลับมาของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่หลายคนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ทำให้เวลานี้เริ่มเห็นสีสันในแวดวงการตลาดกับการใช้กลยุทธ์สุดคลาสสิก แต่สามารถสร้าง Impact ให้กับแบรนด์อย่าง “Movie Marketing” ด้วยการผนึกกำลังกับ “โรงภาพยนตร์” และ “ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์” ร่วมกันทำแคมเปญการตลาด โปรโมชั่น กิจกรรม On Ground และสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษ เพื่อให้เหล่าแฟนๆ ของภาพยนตร์เรื่องนั้นได้อินและฟินกันอย่างเต็มที่!
ล่าสุดปรากฏการณ์ความร่วมมือที่ได้รับกระแสผลตอบรับที่ดีมาก เมื่อ “เป๊ปซี่” ร่วมกับ “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” ผู้นำความบันเทิงนอกบ้าน ทำกิจกรรมการตลาดผ่านภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “Transformers Rise Of The Beast” หนึ่งในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี เพื่อพาแบรนด์เข้าไปอยู่ในโมเมนต์แห่งความสุขของผู้คน ถือเป็นกรณีศึกษากลยุทธ์ Movie Marketing ที่สร้าง Win-Win ให้กับทั้งแบรนด์ – โรงภาพยนตร์ และภาพยนตร์ – ผู้บริโภค
หนังฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ ดันรายได้ “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” โตแข็งแกร่ง!
ภาพรวม “ธุรกิจโรงภาพยนตร์” ในไทยปีนี้อยู่ในทิศทางคึกคัก เนื่องจากหนึ่งใน Key Driver มาจาก “ภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์” ซึ่งเป็นแม่เหล็กดึงคนดูมาใช้บริการโรงภาพยนตร์ ได้ทยอยเข้าฉายต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทำให้ผลการดำเนินงานของ “บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป” หรือ “MAJOR” ในไตรมาส 1/2566 (มกราคม – มีนาคม 2566) ทำรายได้เติบโตขึ้น 41% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
นับเป็นสัญญาณบวกของธุรกิจโรงภาพยนตร์ และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้าฉายอีกเพียบ และได้การตอบรับที่ดีจากผู้ชมอย่างล้นหลาม หลายเรื่องสามารถกวาดรายได้เฉียดร้อยล้าน ไปจนถึงทะลุหลักร้อยล้าน! ไม่ว่าจะเป็น
– Fast & Furious 10 ถึงปัจจุบันทำรายได้ไปกว่า 300 ล้านบาท
– The Little Mermaid และ Spiderman-Man Across The Spider-Verse ทำรายได้แตะหลัก 100 ล้านบาท
– Transformers Rise Of The Beats คาดการณ์ว่าจะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
– The Flash เพิ่งเข้าฉาย 15 มิถุนายนที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถกวาดรายได้ถล่มทลายอีกเรื่องจากแฟนๆ หนังซุปเปอร์ฮีโร่
ไม่เพียงเท่านี้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2023 ยังอัดแน่นด้วยภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกเพียบ เช่น
– Indiana Jones and The Dial of Destiny ฉายแล้ววันนี้
– Mission : Impossible Dead Reckoning – Part One (เข้าฉาย 11 กรกฎาคม)
– Oppenheimer (20 กรกฎาคม)
– The Meg 2 : The Trench (3 สิงหาคม)
– Teenage Mutant Ninja Turtles : Mutant Mayhem (24 สิงหาคม)
– The Equalizer 3 (31 สิงหาคม)
“สื่อโฆษณาในโรงหนัง” โตรับโรงภาพยนตร์ฟื้น – แบรนด์จับเทรนด์ “Movie Marketing” เรียนรู้ผ่านกรณีศึกษา “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ x เป๊ปซี่” ส่งแคมเปญสุดว้าว! เอาใจแฟน Transformers
แน่นอนว่าเมื่อธุรกิจโรงภาพยนตร์กลับมาเฉิดฉาย และมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จ่อคิวเข้าฉายมากมาย ย่อมส่งผลให้ “สื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์” เติบโตควบคู่กัน โดยในช่วงไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา โตถึง 42% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ไม่เพียงแต่แบรนด์-เอเจนซีวางแผนซื้อสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์เป็นหนึ่งในสื่อหลักแล้ว ขณะเดียวกันได้เห็นสีสันความคึกคักในแวดวงธุรกิจการตลาดที่แบรนด์ต่างๆ จับกระแสฮิตภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ต่อยอดสู่กลยุทธ์ “Movie Marketing” หรือการตลาดผ่านภาพยนตร์ เพื่อเอาใจคนรักหนัง และแฟนคลับของหนังเรื่องนั้นๆ
กรณีศึกษาตัวอย่างของการทำ “Movie Marketing” ที่สามารถตอบโจทย์ Objective ของแบรนด์ในหลายมิติ คือ “เป๊ปซี่” (PEPSI) โดยบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด เล็งเห็นว่าปีนี้มี “Transformers Rise Of The Beast ทรานส์ฟอร์เมอร์ส : กำเนิดจักรกลอสูร” หนังแอ็คชั่นที่ได้รับความนิยมและการตอบรับที่ดีมาอย่างยาวนานด้วยภาคต่อถึง 7 ภาค มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา จึงประกาศความร่วมมือกับ “โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” และพันธมิตรต่างๆ ลุยกลยุทธ์ Movie Marketing ผ่านภาพยนตร์แฟรนไชส์ระดับบล็อกบัสเตอร์เรื่องนี้
ภายใต้กลยุทธ์ Movie Marketing ครั้งนี้ ทั้งโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และเป๊ปซี่ รวมถึงพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ร่วมกันสร้างสรรค์แคมเปญและกิจกรรมการตลาดหลากหลายรูปแบบ ครอบคลุม 360 องศา ทั้งจัดอีเว้นท์เปิดตัวภาพยนตร์ ออกสินค้าคอลเลคชันพิเศษ กิจกรรมทั้งบน Online และ On-ground ตลอดจนทำโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตรช่องทางจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่
– สร้างการรับรู้ถึงการเข้าฉายของ Transformers ภาค 7 ด้วยการจัดงานเปิดตัวภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “THAILAND GALA PREMIERE TRANSFORMERS RISE OF THE BEASTS” ได้ยกบรรยากาศ Blue Carpet ของการเปิดตัวภาพยนตร์เมืองคานส์มาไว้ที่ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม ในธีมของภาพยนตร์ที่ได้ร่วมผจญภัยย้อนไปในยุคทศวรรษ 90 พร้อมกับเหล่าออโตบ็อตส์อีกครั้ง โดยมีเหล่าซุปตาร์และเซเลบริตี้คนดังมากมายมาร่วมงานนี้ อีเว้นท์นี้ช่วยจุดพลุกระแสภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีให้ดังกระหึ่มทั่วประเทศ
– สร้าง Wow! Experience ให้กับผู้บริโภค ด้วยการร่วมกันออกบ็อกซ์เซ็ทเป๊ปซี่คอลเลคชันพิเศษ รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ลายเหล่าออโตบ็อตส์ 4 ลาย บรรจุอยู่ในกล่องสีดำสวยหรู เอาใจกลุ่มแฟนภาพยนตร์ Transformers และนักสะสมชาวไทย ได้สะสมกัน
– ส่งมอบสิทธิพิเศษให้กับผู้ชมด้วยแคมเปญ “Pepsi Movie Mania” กับ 2 แพ็คเกจสุดคุ้ม
แพ็กเกจที่ 1: ตั๋วหนังราคาสุดพิเศษเพียง 590 บาท จากปกติ 1,165 บาท ประกอบด้วยบัตรชมภาพยนตร์ จำนวน 2 ที่นั่ง มูลค่า 480 บาท มาพร้อมกับบักเก็ต ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 1 ชิ้น มูลค่า 450 บาท, เป๊ปซี่ ลายทรานส์ฟอร์เมอร์ส แพ็ก 4 กระป๋อง ขนาด 245 ml. มูลค่า 140 บาท และ เครื่องดื่มเป๊ปซี่ ขนาด 44 ออนซ์ 1 แก้ว มูลค่า 95 บาท
โดยสามารถซื้อแพ็กเกจพิเศษนี้ได้ที่จุดจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ (Box Office) ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป สาขาที่ร่วมรายการ และ Major Mall ใน Shopee และ Lazada ได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา จำนวนจำกัดเพียง 16,000 สิทธิ์เท่านั้น
แพ็กเกจที่ 2: ทำโปรโมชั่นร่วมกับเป๊ปซี่, กูร์เมต์ มาร์เก็ต และ ท็อปส์ เมื่อซื้อเป๊ปซี่ หรือ เป๊ปซี่ ไม่มีน้ำตาล แพ็ก 6 กระป๋อง ขนาด 245 ml. มูลค่า 195 บาท จำนวน 3 แพ็กที่กูร์เมต์ มาร์เก็ต หรือ ท็อปส์ มาร์เก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 – 30 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา สแกน QR CODE เพื่อรับโค้ดแลกบัตรชมภาพยนตร์ 1 ที่นั่ง มูลค่า 240 บาท และเครื่องดื่ม 1 แก้ว ขนาด 44 ออนซ์ มูลค่า 95 บาท
– นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม On-Ground Experience เดินสาย “ขบวนรถ Transformers แจกความซ่าทั่วกรุงเทพ” เช่น สีลม, อโศก,สยาม, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, เยาวราช, เสาชิงช้า และอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้การตอบรับจากผู้คนในย่านต่างๆ มาร่วมสนุกกับกิจกรรมที่จัดขึ้น
วิเคราะห์ทำไม “Movie Marketing” เป็นกลยุทธ์ที่สร้าง Impact ให้กับแบรนด์มหาศาล
เหตุผลหลักที่ทำให้ “Movie Marketing” หรือการตลาดผ่านภาพยนตร์ เป็นกลยุทธ์ที่แบรนด์ควรนำมาปรับใช้กับการตลาดและการสื่อสารของแบรนด์ตนเอง เนื่องจากสามารถตอบโจทย์วัตถุประสงค์และเป้าหมายของแบรนด์ในหลายมิติ และสร้าง Win-Win ให้กับทั้งแบรนด์ – โรงภาพยนตร์ และภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ และที่สำคัญคือ ผู้บริโภค ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการดำเนินธุรกิจในทุกวันนี้
1. นำแบรนด์เข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
ด้วยความที่ภาพยนตร์ เป็น Entertainment Content ประเภทหนึ่งที่อยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้คนมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ดังนั้น Movie Marketing เป็นกลยุทธ์ที่อยู่บนแกนของ “ความบันเทิง” และ “ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค” ทำให้เมื่อแบรนด์นำกลยุทธ์ Movie Marketing มาปรับใช้กับแบรนด์ของตนเอง ด้วยการสร้างสรรค์แคมเปญและกิจกรรมการตลาดรูปแบบต่างๆ ผู้คนจึงเปิดรับอยากเข้าไปมีส่วนร่วมกับแบรนด์ และรู้สึกว่าแบรนด์นั้นๆ เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์เขาเอง
2. Movie Marketing เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างการรับรู้ – การจดจำและนึกถึงแบรนด์
ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดมายาวนาน หรือแบรนด์ใหม่ ล้วนต้องการสร้างการรับรู้ (Brand Awareness), การจดจำและนึกถึง (Brand Remind) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลยุทธ์ Movie Marketing สามารถตอบโจทย์ Objective ดังกล่าวให้กับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– Brand Awareness ผ่านกระแสภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ โดยเฉพาะแบรนด์ใหม่เป็น short cut ที่ช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคได้เร็ว
– Brand Remind การตลาดผ่านภาพยนตร์ ไม่เพียงสร้างการรับรู้ในแบรนด์เท่านั้น แต่ยังช่วยนำพาแบรนด์เข้าไปอยู่การจดจำ และการนึกถึงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระหว่างจัดแคมเปญการตลาด และหลังสิ้นสุดแคมเปญไปแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการจดจำและนึกถึงชื่อแบรนด์, ภาพลักษณ์ที่แบรนด์สื่อสารออกไป ตลอดจน key message ในการสื่อสารของแบรนด์
3. สร้าง “Customer Experience” สุดว้าว! สู่การเติบโตของยอดขาย
การทำตลาดทุกวันนี้ ต้อง beyond ไปมากกว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ ด้วยการสร้าง “Customer Experience” ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับตลอดทั้ง Customer Journey
โดยหลักพื้นฐานของกลยุทธ์ Movie Marketing คือ การมุ่งสร้าง Customer Experience ผ่านโรงภาพยนตร์ และภาพยนตร์แคมเปญการตลาด ผลิตภัณฑ์คอลเลคชั่นพิเศษ โปรโมชั่นสุดคุ้ม เพื่อทำให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมตลอดทั้ง Customer Journey
ยิ่งแบรนด์ไหนสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดผ่าน Movie Marketing ได้แปลกใหม่และแตกต่าง จะยิ่งสร้างประสบการณ์สุดว้าวให้กับลูกค้า นำไปสู่ “ยอดขาย” ที่เติบโต
4. จาก “แฟนหนังตัวยง” สู่การเป็น “แฟนแบรนด์”
Movie Marketing ไม่ได้เพียงแค่ตอบเป้าประสงค์ด้าน “ยอดขาย” ให้กับแบรนด์เท่านั้น หากแต่ยังช่วยให้แบรนด์สามารถสร้าง “Brand Love” หรือแบรนด์ที่ผู้บริโภครักจากฐานแฟนภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ สู่การเป็น “แฟนแบรนด์”
เพราะเหล่าแฟนภาพยนตร์มองว่าแบรนด์ที่ทำการตลาดผ่านภาพยนตร์ที่พวกเขารัก โดยเฉพาะถ้าเป็นหนังแฟรนไชส์ที่มีภาคต่อหลายภาค ย่อมมีฐานแฟนคลับขนาดใหญ่และเหนียวแน่นติดตามทุกภาค แฟนเหล่านี้จะมองว่าแบรนด์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Community ของพวกเขา พร้อมจะสนับสนุนในทุกกิจกรรมที่แบรนด์ทำร่วมกับภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ
จาก 4 เหตุนี้ดังกล่าว จึงเป็นคำตอบว่าทำไม Movie Marketing เป็นกลยุทธ์ที่สร้าง Win-Win-Win ให้กับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น “แบรนด์” ได้ทั้งการรับรู้ สร้างการจดจำ การพูดถึง นำแบรนด์เข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ และโมเมนต์ความสุขของผู้คน รวมทั้งยังได้ฐานแฟนแบรนด์ที่มาจากฐานแฟนภาพยนตร์อีกด้วย
ในขณะที่ “โรงภาพยนตร์ และภาพยนตร์” ได้กระแสการพูดถึงจากช่องทางต่างๆ กระตุ้นให้คนรู้สึกต้องไม่พลาดที่จะมาดูภาพยนตร์ให้ได้
ที่สำคัญคือ “ผู้บริโภค” นอกจากได้เต็มอิ่มกับ Movie Experience จากการชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่ให้ทั้งคุณภาพ-เทคโนโลยีความคมชัดของภาพและเสียง ตลอดจนที่นั่งที่สบาย และการบริการต่างๆ แล้ว ยังได้สนุกและรู้สึกมีส่วนร่วมกับการร่วมแคมเปญและกิจกรรมการตลาดต่างๆ ที่จัดขึ้น