บนเส้นทางของผู้พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์โลก
เมื่อจอห์น วอล์กเกอร์ ซื้อกิจการร้านชำเล็กๆ ในเมืองคิลมาร์น็อค สก็อตแลนด์ ในปีพ.ศ. 2363 และเริ่มธุรกิจของตนเอง เขาคงคิดไม่ถึงว่าชื่อของเขาจะกลายมาเป็นตำนานในโลกของเครื่องดื่มชั้นนำของโลกและเป็นแรงบันดาลใจให้คนนับล้านๆ คนทั่วโลกในทุกวันนี้ และสิ่งที่เขาทำคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางแห่งความสำเร็จอันเกิดจากวิสัยทัศน์อันเป็นเลิศ จิตวิญญาณนักบุกเบิก และความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่สามารถพลิกโฉมหน้าของโลกได้ทั้งใบ และได้กลายเป็นตำนานที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมายในทุกวันนี้ แม้เวลาจะผ่านไปนานเกือบ 2 ศตวรรษแล้วก็ตาม Game Changer จึงเป็นคำสดุดีที่คู่ควรแก่บุคคลที่โลกต้องจารึกเช่นพวกเขา
Game Changer คือผู้ที่ไม่ยอมถูกผูกมัดอยู่ในกฎระเบียบอย่างใดอย่างหนึ่งตายตัว คือผู้มีวิสัยทัศน์ซึ่งคิดล้ำหน้าไปไกลกว่าผู้อื่น คือผู้มีความหลงใหลและมุ่งมั่นต่อสิ่งที่กำลังทำอยู่ คือผู้ที่มีความกล้ามากพอที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงวิถีอันเป็นดำเนินสืบเนื่องต่อไปในแวดวงของตนเองทว่าไม่ทำลายประเพณีนิยมอันดีงามซึ่งสืบทอดต่อมา คือผู้ที่กล้าลุกขึ้นกำหนดชะตาชีวิตของตนเองและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับโลกรอบๆ ตัว คำอธิบายเหล่านี้คือพันธสัญญาอันมุ่งมั่นในการทำธุรกิจของคนในตระกูลวอล์กเกอร์ ซึ่งได้สืบสานปณิธานเหล่านี้ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นสืบมาจนถึงปัจจุบัน
ในวันนี้ ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ ต้องการเน้นย้ำปณิธานอันสืบทอดมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์ของตระกูลวอล์กเกอร์ จึงได้แนะนำแคมเปญ “จอห์น วอล์กเกอร์ แอนด์ ซันส์ โวยาจเจอร์” ขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค พร้อมทั้งเฉลิมฉลองชีวิตอันเป็นที่สุดของผู้พลิกตำนานในวงการธุรกิจของแต่ละประเทศไปพร้อมกัน ซึ่งสำหรับประเทศไทย ผู้เป็นทั้งตำนานด้วยตัวของเขาเองและเป็นผู้พลิกประวัติศาสตร์ในแวดวงธุรกิจที่เราจะสดุดีชีวิตและผลงานของเขาก็คือ เรวัต พุทธินันทน์ ผู้สร้างตำนานอันยิ่งใหญ่ให้กับวงการเพลงของไทย
ก้าวของ เรวัต พุทธินันทน์
httpv://youtu.be/QFmjzKxl94g
เรวัต พุทธินันทน์ หรือ “เต๋อ” เกิดที่กรุงเทพฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ.2491 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเพราะร่ำเรียนมาในสาขานี้ เรวัตจึงเป็นผู้ที่เข้าใจการทำธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ประกอบกับความรักในดนตรีที่มีมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่น่าแปลกใจที่เรวัตจะผสมผสานความรู้ความสามารถทางธุรกิจและความคิดสร้างสรรค์ในฐานะนักดนตรี จนทำให้เขากลายเป็นนักดนตรี นักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์เพลง และหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ทั้งยังเป็นผู้พลิกประวัติศาสตร์วงการเพลงไทยด้วยการนำแนวเพลงสตริงร็อคมาใช้เป็นคนแรกจนเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน
เรวัตเป็นบุคคลที่มีความมุ่งมั่นในการทำงาน เป็นคนที่คิดจะทำสิ่งใดก็จะศึกษาเรื่องนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้รู้จริงเกิดเป็นความมั่นใจ และเกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด เรวัตยังเป็นบุคคลที่มีความจริงใจ และเอาใจใส่ดูแลคนที่ทำงานด้วยอย่างสม่ำเสมอ
เขาเคยกล่าวว่า
“เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ และมีหน้าที่ดูแลคน เราต้องให้ความยุติธรรมกับทุกคน การที่เราจะรักใครมากใครน้อย เป็นเรื่องของความรู้สึก ซึ่งทุกคนจะมีไม่เหมือนกัน แต่ตราบใดที่เราเป็นหัวหน้าและผู้นำคน เราต้องเก็บความรู้สึกไว้ในใจ และให้ความยุติธรรมกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน จะทำให้คนทำงานมีความสุข สบายใจ และมีกำลังใจที่ดี ซึ่งจะนำพาให้องค์กรนั้นอยู่ได้อย่างสงบสุข และเติบโตอย่างมีคุณภาพ”
“ผมไม่ได้คิดว่าคนไทยจะต้องฟังเพลงแบบที่ผมคิดทั้งหมด ผมเพียงคิดแต่ว่า ผมจะเป็นคนหนึ่งที่นำเสนออาหารจานใหม่ให้แก่สังคมไทย นี่คือความคิดของผม” จากบทสัมภาษณ์เรวัต พุทธินันทน์ ในนิตยสารอิมเมจ ฉบับเดือนเมษายน 2538
ส่วนที่สำคัญที่สุดอีกประการหนึ่งในผลงานของเรวัตตลอดช่วงเวลาที่เขาทำงานในวงการเพลงก็คือ การผลักดันให้อาชีพนักดนตรีเป็นอาชีพที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในสังคมไทย ในยุคหนึ่งอาชีพร้องรำทำเพลงถูกมองว่าเป็นอาชีพ “เต้นกินรำกิน” ทว่าการเกิดขึ้นแกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์และการทำเพลงในรูปที่แตกต่างและมีคุณภาพจนได้รับความนิยมอย่างสูงของเรวัต ได้ทำให้อาชีพนี้ได้รับการยอมรับ ทั้งยังทำให้อาชีพนักดนตรีกลายเป็นธุรกิจแห่งความบันเทิงที่มีมูลค่าทางการตลาดมหาศาลไม่แพ้ธุรกิจแขนงอื่นๆ
เรวัตเคยกล่าวไว้ในการสัมภาษณ์กับนิตยสาร “จีเอ็ม” เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2536 ว่า “ผมทำงานที่หัวจิตหัวใจสำหรับวันข้างหน้าเท่านั้น ผมไม่ได้เป็นศาสดา ไม่ได้เป็นเซียน ผมเพียงตั้งใจทำงาน เป็นคนมีคุณภาพในตัว มีจิตใจที่ดีกับผู้อื่น ไม่เกเรคนอื่น แล้วผมก็ทำงานของผมไป ทำเมื่อไหร่ผมก็ร้อยตลอด” นั่นจึงเป็นสาเหตุให้บุคลากรในแวดวงดนตรี ต่างก็เสียดายและเสียใจอย่างสุดซึ้งเมื่อต้องเสียพี่ชายที่ทุกคนรักและเคารพผู้นี้ไปก่อนวัยอันควร
ถึงวันนี้ คงจะเป็นที่ประจักษ์ต่อคนทั้งโลกแล้วว่า สิ่งที่บุคคลคุณภาพอย่างครอบครัววอล์กเกอร์ และ เรวัต พุทธินันทน์ มีร่วมกัน ก็คือวิสัยทัศน์อันเป็นเลิศ จิตวิญญาณนักบุกเบิก และความมุ่งมั่นมุมานะอย่างแรงกล้า ที่ในที่สุดได้สร้างผลงงานอันยิ่งใหญ่ที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้และถูกกล่าวขานจากรุ่นสู่รุ่น เป็นตำนานที่คงอยู่ตลอดกาล
จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล ขอสดุดีท่าน