มิติใหม่แห่งการ Collaboration ปังจนสร้างเรื่อง! SAPPE x ตะขาบ 5 ตัว บุกตลาดภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่ “เซ็ปเป้ อินหยาง”

  • 9
  •  
  •  
  •  
  •  

 

หมดยุคเติบโตคนเดียวเมื่อการ Collaboration สามารถสร้างอิมแพ็คได้ การหาพันธมิตรเพื่อเดินเกมแบบผนึกกำลังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ได้ออยู่ในธุรกิจเดียวกันก้สามารถสร้างสีสันให้กับตลาดได้ จนกลายเป็นจุดขายที่แปลกใหม่ และสร้างประสบการณ์อันแตกต่างให้กับผู้บริโภค

เซ็ปเป้ x ตะขาบ เปลี่ยนชื่อเป็น “เซ็ปเป้ อินหยาง” ตั้งเป้าโต 100 ล้านบาท

 

2 ปีที่แล้ว บริษัทนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มอย่าง บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) และบริษัท ห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด เจ้าของแบรนด์ตะขาบ 5 ตัว ยาสามัญประจำบ้านที่อยู่คู่สังคมไทยมากว่าแปดทศวรรษได้ผนึกกำลังออกสินค้ารุกตลาดเครื่องดื่มสมุนไพรแบบขวดช็อต ‘SAPPE x Takabb’โดยมีจุดเด่นคือ เป็น Functional Herbal Drink ที่ผลิตจากสารสกัดสมุนไพร อย่างหล่อฮั่งก๊วย มะขามป้อม ชะเอมเทศ และมะนาว ในรูปแบบขวดแก้วช็อตรุกตลาดกลุ่มคน Gen Y-Z ซึ่งความน่าใจของตลาดสมุนไพรไทยกลุ่มอาหารเสริมที่บริโภคในประเทศและการส่งออกโดยมีมูลค่าเฉลี่ยกว่า 80,000 ล้านบาท

 

จากความสำเร็จของเครื่องดื่มสมุนไพรแบบขวดช็อตแบรนด์ “เซ็ปเป้ x ตะขาบ” ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้แบรนด์เห็นช่องทางในการเติบโตเห็นได้จากตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรในไทยปี 2564 มีมูลค่าสูงถึง 4.5 หมื่นล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี โดยจะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 6 หมื่นล้านบาทภายในปี 2569

 

ทั้งนี้ จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือการแพร่ระบาดของโควิด-19  และผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น (อ้างอิงข้อมูลจาก Euromonitor)  ส่งผลให้รุกตลาดเปลี่ยนเกมจาก “เซ็ปเป้ x ตะขาบ” เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “เซ็ปเป้ อินหยาง” ที่มาพร้อมดีไซน์โลโก้ใหม่

 

 

 

แต่ส่วนผสมและสรรพคุณจัดเต็มเหมือนเดิม ไอเท็มสุดฮิตที่ช่วยบรรเทาอาการระคายคอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดื่มแล้วโล่งคอในขวดเดียว มีฤทธิ์เย็น ช่วยดับร้อนในร่างกาย เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นกลุ่มเป้าหมายหลักของ เซ็ปเป้ อินหยาง ผู้บริโภค Gen Y-Z รวมถึงกลุ่ม Pre-aging วัย 45 ปีขึ้นไปตั้งเป้ายอดขายในปีแรกไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท  แย้มเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์อินหยางเพิ่มเติมภายในปีนี้

 

แน่นอนว่าการ Collaboration ในครั้งนี้เป็นมิติใหม่ที่ฉายภาพให้เห็นว่า การ Collaboration ของแบรนด์ที่ต่างเป็นผู้นำใน Category ของตัวเอง การมีฐานแฟนและได้รับการไว้วางใจจากผู้บริโภคสามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นปรากฏการณ์ให้กับวงการเครื่องดื่มและยาสมุนไพรไทยได้อย่างมาก ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าใจสนให้แบรนด์อื่นๆ หยิบจับไปปรับใช้ได้


  • 9
  •  
  •  
  •  
  •