ปัจจุบันปัญหาเรื่อง Climate Change เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมยอมรับตรงกันแล้วว่าเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง ไม่ใช่เรื่องที่ Nice to Do’s อีกต่อไปแต่จะต้อง Must Do’s และต้องทำทันทีเพื่อชะลอความสูญเสียที่จะนำไปสู่ภาวะโลกล่มสลายที่ใกล้ตัวเราเข้ามาทุกขณะ หนึ่งในนั้นคืออุตสาหกรรม “ธนาคาร” ที่ทุกวันนี้ให้ความสำคัญกับ Green Finance มากขึ้นเพื่อให้เงินลงทุนไหลไปสู่กิจกรรมต่างๆ ที่สามารถช่วยชะลอหรือลดผลกระทบจาก Climate Change ได้ และนั่นก็คือหนึ่งในนโยบายของ KBank ที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainability) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างสมดุลทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
ล่าสุดธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBank ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักการนี้อย่างต่อเนื่อง จึงมีนโยบายให้ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) ซึ่งเป็น Corporate Venture Capital Fund ของธนาคารกสิกรไทยจัดตั้ง Beacon Impact Fund เน้นลงทุนกับสตาร์ทอัพด้าน ESG ที่สามารถวัดผลได้ มีศักยภาพในการสร้างผลกำไรและขยายผลต่อไปในวงกว้างได้ ด้วยงบลงทุนเริ่มต้น 1,200 ล้านบาทภายในระยะเวลา 3 ปี
Impact Fund คืออะไร?
Impact Fund เป็นกองทุนรูปแบบหนึ่งของการลงทุนแบบ Impact investing ซึ่งหมายความถึงการลงทุนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมไปกับการสร้างผลตอบแทน ความหมายกว้างๆของ Impact investing ก็เช่นการลงทุนในบริษัทที่มีเป้าหมายในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงเรื่อง ESG นอกจากนี้ยังมีความหมายรวมไปถึงการบริจาคเงินทุนกับองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรหรือโครงการที่นำเงินทุนการกุศลไปรวมกับเงินลงทุนเพื่อสนับสนุนโครงการความเสี่ยงสูงที่อาจเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนด้วยก็ได้
จากสถิติจาก Global Impact Investing Network ระบุว่า ตลาดของ Impact Investing ทั่วโลกเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมามีมูลค่าถึง 1.164 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นครั้งแรกที่มีมูลค่าพุ่งทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แสดงให้เห็นว่าโลกให้ความสำคัญกับการลงทุนด้าน ESG มากขึ้นเรื่อยๆ และกลายมาเป็นอีกหนึ่งกลไกในการช่วยลดปัญหา Climate Change ได้
Beacon Impact Fund คืออะไร?
สำหรับ Beacon Impact Fund ของ “บีคอนวีซี” เองก็นับเป็น Impact Investing และ KBank นับเป็นธนาคารแรกในประเทศไทยที่จัดตั้ง Impact Fund ให้เกิดขึ้นจริงได้ผ่าน บีคอน วีซี โดย Beacon Impact Fund จะเข้าไปลงทุนกับบริษัทสตาร์ทอัพที่มีเป้าหมายในการสร้างสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 1,200 ล้านบาท หรือประมาณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อแสวงหาบริษัทสตาร์ทอัพที่สร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืน วัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม และมีศักยภาพที่จะสามารถขยายผลไปในวงกว้าง สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ และเจตนารมณ์ของธนาคารกสิกรไทย ขณะที่นโยบายการลงทุนบริษัทสตาร์ทอัพเหล่านั้นจะต้องเป็นสตาร์ทอัพที่แสวงหาผลกำไร อยู่ในช่วง Post-Revenue หรือสามารถสร้างรายได้ได้อย่างสม่ำเสมอแล้ว เช่นเดียวกันกับการลงทุนอื่นๆของบีคอนวีซีที่ผ่านมาด้วย
คุณธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บีคอน วีซี เปิดเผยว่า บีคอน วีซี เป็น Corporate Venture Capital Fund ของธนาคารกสิกรไทย ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพมาเป็นเวลานาน ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการสนับสนุนสตาร์ทอัพที่มีแรงผลักดันในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่โลกและมนุษยชาติกำลังเผชิญอยู่ ด้วยความเชื่อว่าผู้บริโภคมีความต้องการที่จะสนับสนุนสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับแนวคิดความยั่งยืน นอกจากนี้ หน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงสถาบันการเงิน และองค์กรขนาดใหญ่ล้วนกำลังมองหานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อช่วยให้องค์กรของตนสามารถปรับตัวเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการสร้างสมดุลด้านสิ่งแวดล้ม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ได้ดียิ่งขึ้น และบริษัทสตาร์ทอัพเองก็อยู่ในจุดที่ดีที่จะช่วยให้องค์กรเหล่านั้นสามารถก้าวข้ามไปยังระบบเศรษฐกิจแห่งความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มบริษัท Startup เป้าหมาย
คุณธนพงษ์ระบุว่าเวลานี้กำลังพิจารณาบริษัทสตาร์ทอัพเป้าหมายทั้งในไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีแนวทางสอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UNSDGs)นับ 10 บริษัท โดยบริษัทเหล่านี้จะต้องมีแนวทางที่สร้างผลกระทบเชิงบวกด้าน ESG ที่วัดผลได้ โดยกลุ่มเป้าหมายจะอยู่ในมิติต่างๆของ ESG ยกตัวอย่างเช่น
ด้านสิ่งแวดล้อม (E: Environment): มุ่งเน้นธุรกิจที่ช่วยลดการสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการลดการใช้พลังงานฟอสซิล (Decarbonization) การลดขยะและการผลิตเกินความจำเป็น (Waste Reduction) และการลดผลกระทบจากสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Adaptation)
ด้านสังคม (S: Social): มุ่งเน้นธุรกิจที่สร้างความเท่าเทียมและการเข้าถึงด้านการเงินและเทคโนโลยี (Financial and Digital Inclusion) การสร้างความรู้ความเข้าใจและวินัยด้านการเงินและเทคโนโลยี (Financial and Digital Literacy) และการสร้างการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ (Access to Health Care)
ด้านธรรมาภิบาล (G: Governance): มุ่งเน้นธุรกิจที่ปกป้องสิทธิผู้บริโภค (Consumer Protection) การสร้างความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Visibility) และการสร้างความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ (Business Transparency) เป็นต้น
นอกจากการลงทุนในสตาร์ทอัพด้าน ESG แล้ว บีคอน วีซี ยังคงตั้งเป้าที่จะมองหาโอกาสในการสร้างร่วมมือและพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่ได้ลงทุนไปแล้ว หรือ Portfolio Company ต่างๆ เพื่อผลักดันแนวคิดแห่งความยั่งยืนและสนับสนุนพฤติกรรมเชิงบวกให้แก่บริษัทสตาร์ทอัพและพนักงานของสตาร์ทอัพเหล่านั้นด้วย
คุณธนพงษ์ กล่าวปิดท้ายว่า บีคอน วีซี เป็นหน่วยงาน Venture Capital ของธนาคารกสิกรไทย มีความเชื่ออย่างยิ่งว่าการสร้างบทสนทนาและจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับความยั่งยืน ระหว่างบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่จะเป็นกุญแจสำคัญในการขยายผลกระทบเชิงบวกที่บริษัทสตาร์ทอัพเหล่านี้สามารถสร้างให้กับประเทศไทยหรือโลกใบนี้ได้ จึงมีความหวังว่าการหันมาเริ่มลงทุนในธุรกิจกลุ่ม ESG ของบีคอน วีซี และธนาคารกสิกรไทย จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับองค์กรและหน่วยงานลงทุนต่างๆ ในทุกระดับความสามารถ ให้หันมาสร้างนโยบายการลงทุนเชิงรุกในหมวดธุรกิจ ESG โดยให้ความสำคัญกับผลกระทบเชิงบวกต่อโลกและสังคม นอกจากนี้ ยังหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงผลักดันและให้การสนับสนุนผู้คิดค้นนวัตกรรมรุ่นใหม่ที่มีปณิธานในการแก้ปัญหาสำคัญๆ ที่พวกเราทุกคนและโลกใบนี้กำลังเผชิญอยู่ด้วย