ผ่านไปแล้วสำหรับงาน Consumer Electrics Show หรือ CES ประจำปี 2023 ที่จัดขึ้นที่เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีผู้จัดแสดงสินค้ากว่า 3,200 ราย ขณะที่ผู้เข้าชมงานมีมากกว่า 115,000 คน มากขึ้นกว่าปี 2022 ถึง 2 เท่า นั่นหมายถึงสินค้าที่นำมาจัดแสดงก็ต้องมีมากมายและมาพร้อมกับเทรนด์ใหม่ๆที่สำคัญที่จะเป็นมาตรฐานสำหรับสินค้าอิเลคทรอนิกในยุคต่อไป
แม้สินค้าหลายอย่างที่นำมาโชว์ในงานจะมีจำนวนมากที่เป็นเทคโนโลยีเก่าที่พัฒนามาจากปีก่อนๆ แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่มีความใหม่และน่าสนใจ ล่าสุดบริษัท Wunderman Thompson บริษัทเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ได้สรุปเทรนด์เทคโนโลยีสำคัญๆในงาน CES 2023 เอาไว้ 7 เทรนด์ด้วยกัน
New age navigation ยุคใหม่ของระบบนำทาง
Maping Technology มีทิศทางที่ชัดเจนที่จะนำไปสู่ระบบนำทางที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางและสามารถหยั่งรู้ความต้องการของมนุษย์ล่วงหน้าได้โดยมีระบบ AI เข้ามาช่วย อย่างเช่นเทคโนโลยี UniMap จากบริษัท Here Technologies ที่สามารถสร้างแผนที่สดๆจากบรรดาเซ็นเซอร์ต่างๆของรถ และนำไปใช้กับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของ BMW
นอกจากนั้นยังมีระบบนำทางที่ใช้กับ Wearable Device อีกหลายตัวหนึ่งในนั้นคือ Loovic Navigation ที่เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่คอที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ระบบนำทางได้โดยไม่ต้องมองหน้าจอสมาร์ทโฟน เทคโนโลยีที่สามารถช่วยผู้พิการทางสายตาได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์จาก Ashirase ที่สามารถติดตั้งไปที่รองเท้าของผู้ใช้งานใช้ร่วมกับการสั่งงานด้วยเสียงที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน โดยจะมีการใช้การสั่นเพื่อนำทางผู้สวมใส่ โดยอุปกรณ์นี้จะออกวางตลาดในเร็วๆนี้
Ritualistic tech เทคโนโลยีเพื่อจิตใจ
ตัวอย่างของเทคโนโลยีนี้ที่ถูกจัดแสดงที่ CES 2023 คือ Nowatch (ออกเสียงว่า now-watch) คือนาฬิกาที่ติดตามสุขภาพของผู้สวมใส่มีฟังก์ชั่นส่วนใหญ่ในการติดตามการนอนหลับ ภาวะความเครียด การเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่แบบ real-time เหมือนกับสมาร์ทวอชที่วางตลาดอยู่ในเวลานี้ แต่สิ่งที่ผู้ผลิตสร้างความแตกต่างได้ก็คือ Nowatch ไม่มีหน้าจอที่จะสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้งาน
คอนเซปต์ของ Nowatch คือการเป็น “awareable หรือการครองสติอยู่กับปัจจุบัน” เป็นนาฬิกาที่ถูกแทนที่หน้าจอด้วยเท็กซ์เจอร์วัสดุสวยงามต่างๆกันไป เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2021 ในราคา 500 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนเพื่อดูข้อมูลสุขภาพต่างตลอดทั้งวัน และแนะแนวทางในการพักผ่อน และสร้างสุขภาวะและสภาพจิตใจที่ดี โดยผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง Hylke Muntinga ระบุว่าเป้าหมายของบริษัทคือการ “ไม่เป็นอุปกรณ์ที่สร้างความรำคาญหรือเป็นอุปสรรคให้กับผู้สวมใส่ แต่จะนำเสนอเครื่องมืออันทรงพลังเพื่อให้ผู้คนครองสติอยู่ในปัจจุบันและมีสุขภาพที่ดีด้วย
New realities ยกระดับโลกเสมือน
Wunderman Thompson ระบุว่าในปีนี้มีสินค้า metaverse ที่จัดแสดงน้อยกว่าปีก่อน แต่ก็มีเทคโนโลยี metaverse ที่น่าตื่นตาตื่นใจในปนี้ไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือบริษัท Canon USA ที่เปิดตัวประสบการณ์ภาพยนตร์แบบ immersive ที่ทำให้ผู้ชมเข้าไปอยู่ในหนังเพื่อประสบการณ์ที่สมจริงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดย Canon และผู้สร้างอย่าง M.Night Shyamalan พร้อมกับซอฟต์แวร์ Kokomo VR ทลายกำแพงระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนที่ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าไปอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง Knock at the Cabin ภาพยนตร์ของ Universal Pictures ที่กำลังจะออกฉาย เทคโนโลยีนี้สะท้อนให้เห็นความสามารถของ metaverse ในการยกระดับประสบการณ์การรับชมได้
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ headset ของ OVR Technology ที่สามารถนำเอาอีกประสาทสัมผัสอย่างการดมกลิ่นเข้ามาสร้างประสบการณ์ด้วย ขณะที่ MREAL อีกเทคโนโลยีของ Canon ก็ผสานรวมโลกจริงกับโลกเสมือนเข้าไว้ด้วยอุปกรณ์ headset ที่สามารถสร้างประสบการณ์เสมือนจริงที่ยกระดับขึ้นไปอีกและสามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม
Inclusive Beauty ทุกคนก็สวยได้
อีกเทคโนโลยีที่น่าสนใจจาก CES 2023 คือ บรรดาแบรนด์เครื่องสำอางค์ที่นำเอาแนวคิดเรื่อง Inclusive เข้ามาใช้ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีเพื่อให้ลูกค้าที่เป็นผู้พิการ โดยแบรนด์อย่าง L’Oreal เปิดตัว HAPTA อุปกรณ์ลักษณะคล้ายกับ gimbal ช่วยให้ผู้พิการด้านการเคลื่อนไหวสามารถใช้ลิปสติกได้สะดวกมากยิ่งขึ้นเป็นต้น
AR Social Media สื่อสังคมออนไลน์ผสานเทคโนโลยี AR
ปัจจุบันแบรนด์ต่างๆพยายามหาวิธีการใหม่ๆในการเชื่อมต่อลูกค้าเข้ากับข้อมูลของสินค้ารวมไปถึงเชื่อมโยงลูกค้าของแบรนด์เข้าหากันโดยเฉพาะการผสานเอาเทคโนโลยี Augmented Reality หรือ AR เข้าไปด้วย นั่นคือสิ่งที่บริษัท startup ด้าน IT ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้มานำเสนอในงาน CES 2023 ผ่านบริการที่เรียกว่า Arbeon แอปพลิเคชั่น AR social media ที่รวมเอาการขายสินค้า การเชื่อมโยงผู้คนเข้าหากันผ่านสื่อสงคมออนไลน์ ข้อมูลสินค้า และการสร้างคอนเทนต์ AR เข้าไว้ในแอปฯเดียว
ความสามารถของแอปพลิเคชั่น Arbeon สามารถสแกนสินค้าต่างๆในโลกจริงเช่น ขวดไวน์แบรนด์หนึ่ง และจะแสดงผลข้อมูลต่างๆเช่น ข้อมูลสินค้า ช่องทางการสั่งซื้อ สิ่งที่ผู้คนพูดถึงสินค้าชิ้นนี้ผ่าน social media รวมไปถึงโฆษณาที่เกี่ยวข้องเป็น 3 มิติผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน รวมไปถึงสร้าง emogi 3 มิติได้ผ่านแอปด้วย
Traveltainment บันเทิงและเดินทาง
เกิดเทคโนโลยีที่ผสานรวมกันระหว่างความบันเทิงและการเดินทางใน CES 2023 ปีนี้เห็นได้จาก Sony และ Honda ที่ร่วมมือกันเปิดตัวแบรนด์รถยนต์ของตัวเองที่เรียกว่า Afeela เป็นการร่วมทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เตรียมออกวางจำหน่ายจริงในอเมริกาเหนือในปี 2026 นี้
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า In-vehicle VR entertainment จากบริษัท startup Holoride ที่นำมาจัดแสดงโดยเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถนำไปใช้ได้กับรถยนต์ทุกรูปแบบแล้ว โดยล่าสุดบริษัท Audi ได้นำเทคโนโลยีนี้ทำตลาดกับรถยนต์ Audi เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อแพคเกจความบันเทิง VR ที่ผสานเข้ากับโลกความจริงบนรถยนต์ Audi ได้
Sustainable tech เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน
ความยั่งยืนเป็นเทรนใหญ่ของโลกในปี 2023 ดังนั้นหลายแบรนด์ทั่วโลกก็พยายามนำเอาเทคโนโลยีเพื่อเข้ามาช่วยในการแก้ปัญหา Climate Change ที่เป็นวาระระดับโลก โดยในงาน CES เองก็มี Product และ Technologies ที่หลากหลายจากบริษัท SK Group ที่สามารถตัดลดการปล่อยคาร์บอนออกสู่ชั้นบรรยากาศที่สามารถนำไปใช้ได้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น SK Telecom’s Urban Air Mobility (UAM) Solution เป็นระบบการขนส่งทางอากาศที่ลดเวลาและมลพิษ ที่ใช้ระบบ AI และ Virtual Power Plant ระบบโรงงานผลิตพลังงานหมุนเวียนแบบ decentralized ที่สามารถให้พลังงานกับเครื่องบินและสนามบินได้
นอกจากนี้ SK ecoplant ยังนำเสนอโซลูชั่นอย่าง WAYBLE ที่สามารถติดตามและบริหารจัดการขยะได้ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เป็นเทคโลยีที่ได้รับรางวัล Innovation Award ในหมวด Smart City ในปีนี้ด้วย
นั่นคือ 7 เทรนด์เทคโนโลยีที่โดดเด่นซึ่ง Wunderman Thompson สรุปเอาไว้จากงาน CES 2023 งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในโลก และยังสะท้อนให้เห็นถึงอนาคตในโลกเทคโนโลยีที่จะเดินไปข้างหน้าได้อย่างชันเจนผ่านสินค้าและบริหารที่เป็นรูปเป็นร่างและพร้อมที่จะนำออกสู่ตลาดนั่นเอง