ก่อนหน้านี้เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร้านอาหาร Fast Food ชื่อดังระดับโลกอย่าง McDonald’s ที่มีการใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามาทดแทนหุ่นยนต์ ซึ่งหลายคนหวั่นเกรงว่าอาจส่งผลกระทบต่อแรงงาน โดยเฉพาะการปรับลดแรงงานและนำระบบอัตโนมัติเข้ามาทดแทน เนื่องจากทำได้รวดเร็วกว่า ใช้ต้นทุนน้อยกว่า และความผิดพลาดน้อยกว่า ที่สำคัญยังสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ตลอด 24 ชม.
| บทความที่เกี่ยวข้อง
McDonald’s เปิดตัวสาขาทดสอบบริการอัตโนมัติแห่งแรก ที่อาจจะเกิดขึ้นทั่วโลก |
ทว่าเทรนด์การใช้ระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับธุรกิจอาหาร Fast Food ซึ่ง Technomic บริษัทที่ทำการวิจัยด้านร้านอาหาร โดยชี้ว่า เชนร้านอาหาร Fast Food ทื่มีสาขามากมายจะมีการเปลี่ยนระบบจากการใช้แรงงานมาสู่การใช้ระบบอัตโนมัติ และถือเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี่อย่างแน่นอน
คนหาย – ต้นทุนแพงขึ้น
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เชนร้านอาหารเหล่านี้ ต้องยอมรับว่าคือสถานการณ์โรคระบาด นั่นเพราะช่วงที่เกิดสถานการณ์โรคระบาด ผู้คนจะไม่ออกจากบ้านทำให้ร้านอาหารเหล่านี้จำเป็นต้องปรับลดพนักงานลง โดยยังคงเหลือไว้สำหรับการให้บริการผ่าน Delivery และเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย กลายเป็นว่าพนักงานเหล่านั้นกลับหายไปเลย
หลายครั้งที่ธุรกิจร้านอาหารพยายามเรียกตัวพนักงานกลับมา แต่เพราะช่วงสถานการณ์โรคระบาดทำให้หลายคนหันไปทำอาชีพอื่นเพื่อหารายได้ช่วงที่ไม่มีงาน โดยเฉพาะการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งรายได้ที่มีก็ทำให้หลายคนตัดสินใจไม่กลับไปทำงานในเชนร้านอาหาร Fast Food นั่นจึงทำให้เชนร้านอาหารเหล่านั้น ต้องประกาศรับสมัครงานด้วยอัตราค่าแรงที่สูงกว่าเดิมเพื่อจูงใจให้คนเข้ามาทำงาน
นั่นหมายความว่า ต้นทุนค่าแรงงานมีอัตราที่สูงขึ้น ในขณะที่การปรับราคาขายสินค้าทำได้เพียงเล็กน้อยท่ามกลางการแข็งขันที่สูงขึ้น กระหน่ำซ้ำเติมด้วยต้นทุนวัตถุดิบพาเหรดกันขึ้นราคา ตามภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก จึงกลายเป็นเรื่องท้าทายอย่างมากสำหรับธุรกิจเชนร้านอาหาร Fast Food โดยการรักษาระดับกำไรให้ใกล้เคียงกับระดับเดิม
Startup จับ Pain Point ธุรกิจ
เมื่อธุรกิจต้องประสบกับปัญหา จึงเป็นหน้าที่ที่เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาผ่านธุรกิจ Startup ซึ่งมีหลาย Startup ที่พยายามคิดค้น Solution ต่างๆ เพื่อแก้ Pain Point ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Miso Robotic ผู้คิดค้นหุ่นยนต์ Flippy ที่สามารถพลิกเบอร์เกอร์และทอดปีกไก่ได้ โดยเปิดให้เช่าระบบดังกล่าวในราคาประมาณ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน
หรืออย่าง Startup ที่มีชื่อ Picnic Works ที่คิดค้นเทคโนโลยีผลิตพิซซ่าอัตโนมัติ ซึ่งความพิเศษของเครื่องนี้อยู่ที่สามารถเพิ่มชีส ซอสและท้อปปิ้งอื่นๆ ตามที่ต้องการ โดย Domino Pizza มีการนำระบบดังกล่าวไปทดสอบกับร้านต้นแบบ และมีการให้เช่าเทคโนโลยีดังกล่าวทั้งระบบอยู่ที่ 3,250 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน
นอกจากนี้ยังมี Startup อีกเป็นจำนวนมากที่พยายามคิดค้นเทคโนโลยีที่จะมาช่วยให้ธุรกิจเชนร้านอาหาร Fast Food สามารถลดต้นทุนในการจ้างพนักงาน รวมไปถึงลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน อาทิ ระบบตรวจสอบปริมาณและอุณหภูมิของกาแฟ หุ่นยนต์ทอดมันฝรั่ง หุ่นยนต์สำหรับบรรจุอาหารเพื่อจัดส่ง Delivery
หุ่นยนต์กระทบแรงงานจริงหรือ???
หลายครั้งที่เมื่อพูดถึงการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้เพื่อทดแทนแรงงานที่เป็นมนุษย์ ผู้ที่ต่อต้านมักจะนำเสนอในมุมมองที่คัดค้าน เช่น การสร้างผลกระทบต่อพนักงานจนอาจก่อให้เกิดปัญหาการเลิกจ้าง และนำไปสู่ปัญหาการว่างงาน ด้วยเหตุผลที่หุ่นยนต์ทำงานได้ตลอด 24 ชม. และสามารถกำหนด Productivity ได้ตามที่ต้องการ
แต่สำหรับมุมมองของธุรกิจหลังได้ทดลองระบบใหม่แล้ว พบว่า การนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ ไม่ได้ทดแทนงานทั้งหมดของพนักงาน แต่จะเข้ามาทดแทนงานบางอย่างที่มีความซ้ำซาก ซึ่งจะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญยังสร้างประสบการณ์การทำงานที่ดีให้กับพนักงาน โดยหลายแห่งยังพบอัตราการลาออกของพนักงานลดลง
ยิ่งไปกว่านี้ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ผู้บริโภคหลายคนเบื่อกับบริการที่ล่าช้า ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งเทคโนโลยีจะสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ โดยนักวิชาการเชื่อว่า เมื่อหุ่นยนต์เข้าสู่ธุรกิจแล้ว โอกาสที่จะกลับมาพึ่งพาพนักงานก็จะน้อยลง ยิ่งถ้าการใช้เทคโนโลยีสามารถลดต้นทุนลงได้
อย่างไรก็ตามนักวิจัยยังชี้ว่า ไม่ใช่ว่าหุ่นยนต์จะสามารถเข้ามาทดแทนธุรกิจอาหารได้ทั้งหมด เพราะยังมีหลายธุรกิจด้านอาหารที่ยังจำเป็นต้องใช้ทักษะจากมนุษย์ ในขณะที่สังเกตให้ดีจะพบว่า ระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์จะเข้ามาแก้ปัญหาในเรื่องของความรวดเร็วในการให้บริการมากกว่า เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความเป็น Fast Food
Source: CNBC
