ยังคงมีข่าวคราวที่ไม่ดีออกมาอย่างต่อเนื่องสำหรับ Meta บริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของ Facebook ของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ที่นอกจากจะมีรายงานผู้ใช้งานลดลงต้องเผชิญกับคู่แข่งในตลาดสื่อสังคมออนไลน์ที่ผงาดขึ้นมาอย่าง TikTok จนต้องปรับกระบวนทัพตามขนานใหญ่แล้ว
ล่าสุด Business Insider รายงานว่า ความมั่งคั่งสุทธิ (Net Worth) ของซีอีโอ Meta นั้นลดลงไปแล้วมากถึง 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงไปแล้ว 55% นับตั้งแต่ต้นปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งนั่นส่งผลให้อันดับความร่ำรวยของ ซัคเคอร์เบิร์ก หล่นลงไปอยู่ในอันดับที่ 22 ของโลกแล้วด้วยเช่นกัน
ทรัพย์สินลดฮวบอันดับร่ำรวยดิ่ง
จากดัชนีบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกที่จัดทำโดย Bloomberg พบว่า ซัคเคอร์เบิร์ก มีทรัพย์สินที่ 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นปี 2022 ที่ผ่านมา แต่นับตั้งแน่นั้นมาทรัพย์สินของผู้ก่อตั้ง Facebook ร่วงลงมาอยู่ที่ 55,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงมาแล้วกว่า 55% นั่นทำให้อันดับความร่ำรวยของซีอีโอ Meta ร่วงลงไปอยู่ที่อันดับ 22 ของโลกในอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก (ณ วันที่ 23 กันยายน) ของ Bloomberg
เรียกได้ว่าธุรกิจของ Meta ซึ่งเป็นเจ้าของ Facebook, Instagram, WhatsApp, และ Oculus นั้นเต็มไปด้วยข่าวคราวที่ไม่ดีนักนับตั้งแต่ ซัคเคอร์เบิร์ก ประกาศมุ่งสู่การเป็นบริษัท “Metaverse” ก่อนจะรีแบรนด์บริษัท ครั้งใหญ่เมื่อเดือนตุลาคมปี 2021 ที่ผ่านมา และนับตั้งแต่นั้น Facebook ก็ต้องพบกับจำนวนผู้ใช้งานที่ลดลงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีเดียวกัน ไม่เท่านั้น Meta ยังต้องเผชิญกับการแฉเอกสารหลุดเกี่ยวกับงานวิจัยภายในที่พบว่า Instagram นั้นมีส่วนกับ Eating Disorder หรือพฤติกรรมการกินอาหารผิดปกติ และทำให้เกิดความคิดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายในกลุ่มหญิงวัยรุ่น
Meta รายงานผลประกอบการณ์ในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาระบุว่ารายได้บริษัทลดลง 36% หรือคิดเป็นเงินถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม Meta แถลงว่ารายได้ที่ลดลงนั้นเป็นผลจากการใช้เงินลงทุนกับ Metaverse ในปี 2021 หรือราว 50% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมดของบริษัทขณะที่มีพนักงานที่ทำงานในโปรเจ็กต์ Metaverse มากถึง 10,000 คนหากนับจนถึงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
Meta ปรับลดพนักงานรับเศรษฐกิจถดถอย
รายงานข่าวความร่ำรวยของซัคเคอร์เบิร์กที่ลดลงครั้งนี้มีขึ้นในเวลาเดียวกันกับที่มีรายงานว่า Meta กำลังดำเนินนโยบายเพื่อตัดลดการรับพนักงานใหม่ในปีนี้ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบกับบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลาย ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า Meta ปรับลดเป้าการจ้างวิศวกรเข้าสู่บริษัทในปีนี้ลงราว 1 ใน 3
ล่าสุด Wall Street Journal รายงานด้วยว่า Meta กำลังพยายามปรับลดพนักงานลงด้วยการขึ้นบัญชี “30-day list” โดยให้เวลาเหล่าพนักงานที่เข้าข่ายเป็นเวลา 1 เดือนในการหาหน้าที่ใหม่หรือย้ายออกจาก Meta ไปในกรณีที่หน่วยงานถูกลดขนาดหรือถูกยุบ รายงานระบุว่าแม้วิธีการดังกล่าวจะเป็นวิธีการปกติที่ Meta ใช้มาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาจะมีผลกระทบกับพนักงานที่มีผลงานไม่ดีเท่านั้น แต่ในเวลานี้ที่บริษัทกำลังเตรียมรับมือกับเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้น มาตรการดังกล่าวก็เริ่มเกิดขึ้นกับพนักงานผลงานดีแล้ว
“แผนของเราคือการลดอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนพนักงานในปีหน้า หลายๆทีมจะต้องลดขนาดลงเพื่อให้เราสามารถใช้พลังงานไปกับส่วนอื่นๆภายในบริษัทได้” มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ระบุในการแถลงผลประกอบการณ์รายไตรมาสเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
รายงานการปรับลดพนักงานครั้งนี้ตรงกันกับที่ Business Insider เคยรายงานว่าอาจจะมีการตัดลดพนักงานใน Meta ลงซึ่งจะส่งผลให้จำนวนพนักงานนั้นลดลงมากถึง 10% ภายในปีนี้ ขณะที่เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Meta มีบันทึกข้อความส่งให้บรรดาผู้จัดการหน่วยงานต่างๆตัดลดพนักงานที่มีผลงานไม่เป็นไปตามที่บริษัทคาดหมายลงด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ Meta ไม่ใช่บริษัทเดียวที่มีมาตรการปรับลดพนักงาน แต่ Google เองก็มีรายงานว่าใช้มาตรการในทิศทางเดียวกันโดยล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Google ประกาศขึ้นบัญชีพนักงานกว่า 10 รายให้หาหน้าที่ใหม่ในบริษัทหรือย้ายออกจาก Google ภายใน 90 วัน เช่นกัน
นับว่าเป็นช่วงเวลายากลำบากสำหรับ Meta รวมถึงอีกหลายบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องปรับตัวพร้อมๆกับ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะมาถึงในไม่ช้านี้แล้ว และก็คงต้องจับตามองกันต่อไปว่าการเดินหน้าสู่ Metaverse อย่างเต็มกำลังของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก และ Meta นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือไม่