ถอดรหัสความสำเร็จ 80 ปี ไทยประกันชีวิต กับแผน IPO ท่ามกลางความท้าทาย

  • 4K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากของหลายธุรกิจ จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่เป็นเสมือน ฟิลเตอร์ คัดกรองศักยภาพทางธุรกิจแล้ว ก็ยังต้องจับตาต่อไปว่ายุค Post-Pandemic ธุรกิจต่าง ๆ จะพลิกภาพการดำเนินธุรกิจอย่างไรต่อไป การเติบโตจะกลับมาเป็นเหมือนยุค Pre-Pandemic หรือไม่ ประเด็นนี้…แม้แต่แบรนด์ที่มีความพร้อมและศักยภาพสูงก็ยังยอมรับว่าเป็นความท้าทายยิ่งกว่าทุกสถานการณ์ที่เคยผ่านมา ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์นี้ คือ ธุรกิจประกันภัย โดยในอีกมุมหนึ่งก็เป็นการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของแบรนด์ ว่าใครจะเป็นตัวจริงในสมรภูมินี้

อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์เช่นนี้ยังคงมีแบรนด์ที่สามารถสร้างการเติบโตและได้รับความเชื่อมั่นอย่างแข็งแกร่งมาโดยตลอด อย่าง บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ที่เป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่ก่อตั้งโดยคนไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจมายาวนานถึง 80 ปี และยังมีแผนเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย

 

 

แข็งแกร่ง 80 ปี จากรากแก้วพร้อมแตกกิ่งเป็นต้นสนอายุยืน

ไทยประกันชีวิต เป็นแบรนด์ใหญ่ที่กล้าเดินหน้าสู้กับความท้าทาย และไม่ยึดติดอยู่กับความสำเร็จเดิม กับภาพลักษณ์ที่แบรนด์สื่อสารกับผู้บริโภคว่าเป็น คู่คิด เพื่อทุกชีวิต รู้รอบ รอบรู้ คนดี มุ่งมั่นทำดี และมองไกลและทุ่มเท และภาพจำของหนังโฆษณาสุดซึ้ง ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนไทยในทุกๆ ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ที่แบรนด์ประกาศไว้ว่า มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน ไทยประกันชีวิต นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยแนวคิด “ทุกคำตอบของชีวิต หรือ Life Solutions Provider ที่นำเสนอแบบประกันที่คุ้มครองชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล การวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล ทั้งการออม การลงทุน การวางแผนภาษี และการวางแผนมรดก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งประเภทบุคคลและประกันแบบกลุ่มได้หลากหลาย โดยไม่ใช่แค่การเป็นผู้ให้บริการด้านการประกันชีวิตแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างครอบคลุมเท่านั้น แต่ไทยประกันชีวิตยังพัฒนาบริการที่ยกระดับการดูแลลูกค้า เป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกและแห่งเดียวที่มีบริการ “ไทยประกันชีวิตฮอตไลน์” ที่ให้บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางการแพทย์ทุกที่ทั่วโลก โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงพัฒนาแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ และทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ง่ายด้วยตัวเอง

แบรนด์ไทยประกันชีวิตเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งลำดับต้น ๆ การันตีจากรางวัลด้านแบรนด์ที่ได้รับมากมายทั้งในระดับประเทศและระดับโลก และจากข้อมูลผลการสำรวจคุณภาพแบรนด์ (Brand Health Check) ที่จัดทำโดย Nielsen ในเดือนพฤศจิกายน 2563 ไทยประกันชีวิต ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 2 ของอุตสาหกรรมประกันชีวิตเมื่อพิจารณาจากดัชนีชี้วัดคุณค่าของแบรนด์ (Brand Equity Index) ซึ่งสะท้อนภาพลักษณ์การเป็นบริษัทประกันชีวิตที่อยู่ในใจผู้บริโภค เมื่อพิจารณาจากความชื่นชอบในแบรนด์และความเต็มใจจ่ายเพื่อใช้บริการของแบรนด์ ผลของการจัดอันดับดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแบรนด์ไทยประกันชีวิตเป็นหนึ่งในแบรนด์ประกันชีวิตที่ได้รับความนิยม และเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะแนะนำต่อ

 

 

‘ความยั่งยืน’ ที่ไม่ใช่แค่ไอเดีย แต่พิสูจน์ได้จริงจากผลลัพธ์

การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไทยประกันชีวิต มีปัจจัยสนับสนุนสู่การสร้างความยั่งยืนตามที่ประกาศไว้ ภายใต้นโยบายต่าง ๆ อาทิ การเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต (Life Solutions Provider) เพื่อมุ่งให้ลูกค้ามีสุขภาพดี ชีวิตยืนยาว ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมั่นคงกับเงินออม หรือประเด็นความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ ไทยประกันชีวิตเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงบรรษัทภิบาล (Governance) สิ่งแวดล้อม (Environmental) และสังคม (Social) หรือ ESG มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายให้ไทยประกันชีวิตและสังคมไทยเติบโตควบคู่กันอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ไทยประกันชีวิตยังจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่วมกับสถาบันไทยพัฒน์ โดยอ้างอิงจากแผนแม่บทเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ตามแนวทางของ UN Global Compact กับ 3ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่

Promise การยึดมั่นคำสัญญา: สร้างความมั่นคงทางการเงินให้ทุกชีวิตเพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตชั้นนำระดับสากลที่เป็นคำตอบของการประกันชีวิต และบริหารจัดการองค์กรแบบ Corporate Governance เป็นมืออาชีพบนพื้นฐานของการกำกับดูแลกิจการที่ดี

Protect การคุ้มครองป้องกัน: ตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจ เข้าถึงได้โดยสะดวก และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกันและการให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต

Prosper การสร้างความรุ่งเรืองเฟื่องฟู: สร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจพร้อมการสนับสนุนบุคลากรให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม ชุมชน และสภาพแวดล้อม

 

ระดมทุน IPO เสริมแกร่ง 3 เป้าหมาย ‘Digital Transformation- ช่องทางจัดจำหน่าย – เงินทุน’

มาจนถึงตรงนี้ ขอย้ำอีกครั้งว่า…ไทยประกันชีวิต ไม่ได้โดดเด่นด้วยการดำเนินธุรกิจที่มั่นคงเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายต่อยอดการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน จึงเตรียมพร้อมระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อ 3 เป้าหมาย ได้แก่

– การลงทุนด้าน Digital Transformation และการทำการตลาด ผ่านนวัตกรรมและโซลูชันเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการให้บริการและดูแลลูกค้าได้อย่างครบวงจร

– เสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่าย ทั้งช่องทางตัวแทนประกันชีวิต และผ่านทางพันธมิตรที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับลูกค้าทั่วประเทศ

– เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุน รองรับวิสัยทัศน์การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน

โดยรายละเอียดของการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) นี้ เป็นครั้งแรกที่ไทยประกันชีวิต ดำเนินการเพื่อเสริมศักยภาพ รองรับการดำเนินงานสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน ซึ่งจะเสนอขายหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 2,207,309,200 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 19.3 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้ว แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายจำนวนไม่เกิน 850,000,000 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 7.4 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้ว และหุ้นสามัญที่ถือโดยผู้ถือหุ้นเดิมจำนวนไม่เกิน1,357,309,200 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 11.9 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้ว ซึ่งหากวันปิดการเสนอขายหุ้น มีผู้จองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมากกว่าหุ้นสามัญที่เสนอขายทั้งหมด ก็อาจมีการพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกินให้แก่ผู้ลงทุนเป็นจำนวนไม่เกิน 320,578,000 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 14.5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายทั้งหมดในครั้งนี้

 

ความน่าเชื่อถือระดับสากล สะท้อนผ่านความมั่นคงการเงิน

หากถามถึงตัวเลขความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจของไทยประกันชีวิต ก็ต้องบอกว่าความแข็งแกร่งด้านการบริหารงานและการเงิน ถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่าในเชิงธุรกิจ เพราะถือเป็นบริษัทประกันชีวิตสัญชาติไทยรายแรก ที่ได้รับการจัดอันดับจากสถาบันจัดอันดับจากหน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากล ซึ่งในเดือนเมษายน 2565 ไทยประกันชีวิตได้รับอันดับความน่าเชื่อถือ A- (ระดับสากล) และ AAA (ระดับในประเทศ) จาก Fitch Ratings ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงทางการเงินของไทยประกันชีวิต

 

 

ในส่วนของรายได้รวม ก็เติบโตจาก 107,642.26 ล้านบาท ในปี 2563 เป็น 109,246.02ล้านบาท ในปี 2564 สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2564 และปี 2565 รายได้รวมของบริษัทฯ มีจำนวนเท่ากับ 25,198.42 ล้านบาท และ 25,954.55 ล้านบาท ตามลำดับ และแม้ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 แต่กำไรสุทธิของไทยประกันชีวิตก็ยังปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 8,393.52 ล้านบาท สำหรับปี 2564 คิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 9.12 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2563 และสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2564 และปี 2565 กำไรสุทธิของบริษัทฯ มีจำนวนเท่ากับ 3,307.97 ล้านบาท และ 3,793.28 ล้านบาท ตามลำดับ ยังไม่รวมถึงประสิทธิภาพในการรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ของรายได้เบี้ยประกันภัยรับรวม ซึ่งเพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.9 (ระหว่างปี 2561 – 2563) ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวมของทั้งอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 2.2 อีกด้วย

ทั้งหมดนี้ ยังไม่รวมถึงความสำเร็จจากการบริหารโดยทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจประกันชีวิตชั้นนำทั้งในระดับประเทศและระดับสากล รวมถึงการสนับสนุนจากพันธมิตรรายสำคัญอย่าง Meiji Yasuda Life Insurance Company ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพให้ไทยประกันชีวิตสามารถขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านช่องทางขายที่กว้างขวาง ขณะที่ ช่องทางจัดจำหน่ายในประเทศไทยก็ครอบคลุมด้วยเครือข่ายตัวแทนกว่า 64,000 ราย ช่องทางเครือข่ายพันธมิตรธนาคารและองค์กรต่างๆ และช่องทางอื่นๆ เช่น แพลตฟอร์มดิจิทัล (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565) สะท้อนความแข็งแกร่งทางธุรกิจของไทยประกันชีวิต ที่พร้อมจะก้าวไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

 


  • 4K
  •  
  •  
  •  
  •