นับเป็นก้าวของการลงทุนข้ามชาติที่น่าจับตามองและครั้งสำคัญระหว่าง อาร์เซลิก (Arcelik) กับ ฮิตาชิ โกลบอล ไลฟ์ โซลูชันส์ (Hitachi Global Life Solutions) สองกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ระดับโลกที่ร่วมทุนก่อตั้งบริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ (Arcelik Hitachi Home Appliances) เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นหลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและเป็นหนึ่งในบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือนชั้นนำของโลกที่ใช้ประโยชน์จาก ความรู้ความชำนาญของอาร์เซลิกผ่านแพลตฟอร์มที่มีคุณภาพดีเยี่ยม ศักยภาพของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ของฮิตาชิ โดยมีเป้าหมายที่พร้อมจะบรรลุในอีก 5 ปีข้างหน้า
ที่น่าจับตาก็คือ อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ เลือกประเทศไทยเป็นฐานทัพใหญ่ทั้งสำนักงานและโรงงานการผลิต เสริมความแข็งแกร่งทางการแข่งขันในตลาดเอเชียที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคชนชั้นกลางจำนวนมาก
มร.ซาแฟร์ อัสทูเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ เผยว่า ได้วางรากฐานบริษัทในประเทศไทยเพื่อตอกย้ำชื่อเสียงระดับโลกของผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ฮิตาชิ ปัจจุบันมีการส่งออกผลิตภัณฑ์แบรนด์ฮิตาชิที่ผลิตในประเทศไทยไปยังกว่า 65 ประเทศทั่วโลก และมากกว่าร้อยละ 50 ของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าฮิตาชิที่ใช้กันในครัวเรือนตามประเทศต่าง ๆ นั้น ผลิตขึ้นที่ฐานผลิตในประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดหลักของเรา ไม่ใช่แค่กำลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น หรือความต้องการในสินค้าที่มีคุณภาพดี แต่ยังรวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย แรงงานที่มีทักษะ และสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน ทำให้ไทยเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยปัจจัยอันหลากหลายพร้อมผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้
“ขณะนี้เรามีพนักงานในประเทศไม่น้อยกว่า 5,200 คน โดยเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยและได้วางกลยุทธ์ให้ประเทศเป็นศูนย์กลางของเรา จะสานต่อความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ ควบคู่ไปกับการปกป้องโลก อาร์เซลิก-ฮิตาชิ ตั้งเป้าบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับทุกขั้นตอนทางธุรกิจและห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด ภายใต้การวางกรอบนโยบายและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้น ทั้งนี้กว่าร้อยละ 20 ของพลังงานที่ใช้ในโรงงานผลิตในอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี มาจากพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 6,000 ตันต่อปี”
สำหรับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงของการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ได้เห็นแนวโน้มของผู้บริโภคที่ใส่ใจในเรื่องของสุขอนามัยมากขึ้น การได้ Work from Home และการได้อยู่กับบ้านมากขึ้น ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้หลังจากสถานการณ์การระบาดเริ่มคลี่คลาย ประเทศไทยเริ่มเปิดประเทศอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ผู้บริโภคเอาใจใส่ด้านสุขอนามัยและสุขภาพมากขึ้น ยกระดับความสะดวกสบายภายในบ้านให้มากขึ้น ที่ได้ช่วยคงบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ในครัวเรือนไปด้วย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ กล่าวต่อว่า ผู้บริโภคมีเงื่อนไขในการเลือกซื้อเครื่องใช้ในบ้านที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งความใส่ใจในด้านสุขภาพ ลักษณะภายนอกของสินค้า นวัตกรรม และคุณภาพ รวมถึงการทำงานของผลิตภัณฑ์ ทำให้กลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือนระดับไฮเอนด์และสินค้าที่มีฟังก์ชันแบบอัจฉริยะจึงเป็นตัวผลักดันสำคัญที่จะทำให้แบรนด์เติบโตต่อไป การเพิ่มขึ้นของยอดจำหน่ายตู้เย็นที่มีมูลค่าสูงขึ้นเป็น 6.7% ในปี 2564 เราจึงคาดว่า เทรนด์การใช้สินค้าที่มีคุณภาพและตอบโจทย์จะดำเนินต่อไปอีกในปี 2565
เมื่อกล่าวถึงแผนงานหลังจากนี้ มร.ซาแฟร์ กล่าวว่า ตั้งเป้าที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอของเราด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อาทิ ตู้เย็นมัลติดอร์ไซส์ใหญ่แบบพรีเมียม หรือเครื่องซักผ้าฝาหน้าและเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย รวมถึงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของเราที่ไม่เคยทำมาก่อน อาทิ เครื่องล้างจาน เครื่องอบผ้า และเครื่องชงกาแฟ
เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อ สำหรับ อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ ที่กำลังสร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน บนเป้าหมายของการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของโลก