“เก็บมิตรไว้ใกล้ตัว แต่เก็บศัตรูไว้ใกล้กว่า” บทความนี้น่าจะเหมาะกับประโยคนี้มากสำหรับการเปิดประเด็น หลังจากที่มีบทวิเคราะห์น่าสนใจจาก CNN Business เกี่ยวกับ Netflix หลังจากที่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา Netflix เปิดเผยผลประกอบการช่วงไตรมาส 1/2022 ว่ายอดสมาชิกลดลง 2 แสนคน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 12 ปี
จากมุมมองในอุตสาหกรรมสตรีมมิ่ง Netflix ยังคงอยู่เป็นอันดับท็อปๆ ในวงการ เพียงแต่ความสำเร็จตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เปิดตัวแพลตฟอร์มกำลังถูกสั่นคลอนด้วยแพลตฟอร์มทางเลือกใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นรายวันในปัจจุบัน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะโฟกัสไปที่กลยุทธ์ในเรื่อง ‘การโฆษณา’ และ ‘การลดปัญหาการแชร์ password’ ซึ่งเป็นปัญหาอันดับแรกๆ ที่ Netflix พยายามแก้ไขมาตลอด แต่โซลูชั่นเหล่านี้ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่นักวิเคราะห์มองเห็น เพราะมีอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ และหลายธุรกิจมักจะใช้กันก็คือ ‘การหาพาร์ทเนอร์ธุรกิจ’
แต่ที่น่าสนใจคือ นักวิเคราะห์มองว่า Netflix สามารถจับมือสร้างแคมเปญ หรือโปรโมชั่นดีๆ ร่วมกับธุรกิจที่เป็นศัตรูกันมาก่อนได้ นั่นก็คือ ‘โรงภาพยนตร์’
กลยุทธ์ Win-Win ฉันได้แฟรนไชส์ เธอได้ภาพยนตร์
ที่ผ่านมาแม้ว่า Netflix ได้เปิดตัวภาพยนตร์หลายเรื่องในโรงภาพยนตร์มาก่อน ทั้งยังซื้อโรงภาพยนตร์มาแล้ว 2-3 แห่งเพื่อบู๊ตคอนเทนต์ของตัวเอง อย่างไรก็ตามหลายคนมองว่า ความพยายามนี้ของ Netflix ยังถูกจำกัดเงื่อนไขหลายอย่าง เช่น แนวทางคอนเทนต์, กลุ่มเป้าหมาย ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม Frank Pallotta นักวิเคราะห์ของ CNN Business พูดว่า ในภาวะที่ธุรกิจต้องโฟกัสที่การฟื้นตัวก่อนอันดับแรก จากวิกฤตการแพร่ระบาด COVID-19 การลดต้นทุน, ค่าใช้จ่ายบางส่วน และหันมาร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ไม่ว่าจะเคยเป็นคู่แข่งกันมาก่อนหรือไม่ก็ตาม
การเปิดตัวภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์มากขึ้น Netflix จะสามารถสร้างรายได้ใหม่จากการขายบ็อกซ์ออฟฟิศได้ รวมไปถึงสามารถขยายแบรนด์ไปยังสมาชิกที่มีศักยภาพมากขึ้นได้เช่นกัน ที่สำคัญคือ สร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ได้ดีมากทั้งยังทำให้ภาพยนตร์ของ Netflix จดจำได้ดดีขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย
ขณะเดียวกัน Jeff Bock นักวิเคราะห์อาวุโสของบริษัทวิจัยด้านความบันเทิง Exhibitor Relations ที่มองว่าไม่ใช่แค่ Netflix แต่โรงภาพยนตร์ก็จำเป็นต้องขยายขอบเขตและเงื่อนไขของภาพยนตร์ด้วย เพราะตอนนี้โรงภาพยนตร์ก็ต้องการคอนเทนต์มากกว่าที่เคยเช่นกัน (ส่วนหนึ่งเพราะแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง)
โซลูชั่นนี้เป็นเพียงบางส่วนจากความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ที่เราหยิบมาแชร์ และมองว่าหากในอนาคต Netflix และโรงภาพยนตร์สามารถร่วมงานกันได้มากขึ้น ในฐานะผู้บริโภค และนักการตลาดเองก็ตามน่าจะมีไอเดียใหม่ๆ และแนวทางที่น่าสนใจจากกรณีนี้ก็ได้
อย่าลืมว่าโลกในยุคใหม่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับ Customer Centric (การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง) ดังนั้น ซัพพลายอะไรก็ตามที่ให้ความหลากหลายและสะดวกสบายต่อพวกเขาถือว่าเป็น key สำคัญอย่างหนึ่งที่จะขึ้นเป็น Top of Mind ผู้บริโภคได้
ที่มา: CNN