Marketing Automation สำคัญอย่างไรในยุคดิจิทัล ที่วันนี้ ‘รอ’ คือแพ้ ฟังคำตอบจากกูรู MarTech 2 ผู้ก่อตั้ง PAM Marketing Automation

  • 1.1K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

งานเยอะ คนไม่พอ! น่าจะเป็นปัญหาที่เกิดกับหลายธุรกิจ เช่นเดียวกับการทำการตลาด ที่วันนี้ดูเหมือนจะเป็นสายงานที่รับบทบาทหนักพอสมควร ยิ่งพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และเกิดช่องทางในการสื่อสารใหม่เพิ่มมากขึ้น คำตอบที่เข้ามาช่วยได้ก็คือการนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงาน MarTech (Marketing Technology) จึงเข้ามาเป็นคำตอบที่ทำให้การทำงานของนักการตลาดทำงานง่ายขึ้น เร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ดังนั้น เราจึงขอโอกาสเข้ามาพูดคุยกับ 2 บุคคลสำคัญที่จะมาให้ความรู้และแนะนำเทคนิคและกลยุทธ์ดีๆ ในการนำเอาเทคโนโลยี MarTech ต่างๆ มาใช้เพื่อตอบโจทย์ในการทำการตลาดยุคดิจิทัล และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เรากำลังจะก้าวสู่โลก Metaverse ได้แก่ คุณพงศ์-ไชยพงศ์ ลาภเลี้ยงตระกูล CEO บริษัท 3DS Interactive Co.,Ltd. และ คุณฝ้าย-ชนัญญา เลาหะพันธุ์ CMO บริษัท 3DS Interactive Co.,Ltd. ทั้งสองท่านอยู่ทั้งในวงการเทคโนโลยีและวงการการตลาดมาอย่างยาวนาน จึงมีความเชี่ยวชาญในเรื่อง Marketing Automation และ CDP (Customer data platform)  ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล และยังเป็นผู้ก่อตั้ง PAM Marketing Automation ซึ่งถือว่าเป็นแพล็ตฟอร์ม CDP มาแรงและได้รับการยอมรับจากแบรนด์และองค์กรใหญ่มากมาย ซึ่งวันนี้กำลังจะพาเรายกระดับไปสู่โลกเสมือนจริงหรือ Metaverse ในเร็วนี้อีกด้วย

 

ความสำคัญของ Marketing Automation และ CDP ในยุคดิจิทัล

คุณฝ้าย กล่าวถึง Marketing Automation มันคือภาพใหญ่ของแพล็ตฟอร์มการตลาด MarTech ซึ่งมี CDP (Customer Data Platform) เป็นส่วนหนึ่งในนั้น เมื่อคุณทำธุรกิจแล้วมีฐานลูกค้าจำนวนมากก็จะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้ามาไว้ที่ CDP ทำให้เราสามารถระบุตัวตนของลูกค้าข้ามแพลทฟอร์มที่หลากหลาย แล้วนำมาข้อมูลลูกค้าแบ่งเป็น Segmentation ต่างๆ ตามความสนใจของเค้าได้ เพื่อให้สามารถส่งข้อความในแบบ Personalized ให้กับลูกค้าได้ตามช่องทางต่างๆ หรือ เราเรียกว่า Omnichannel ที่ลูกค้าคนๆ นั้นมีการใช้งานที่แอคทีฟอยู่ นั่นคือภาพใหญ่ๆ ของ Marketing Automation

 

คุณฝ้าย-ชนัญญา เลาหะพันธุ์ CMO บริษัท 3DS Interactive Co.,Ltd.

 

คุณพงศ์ เสริมว่า สิ่งที่คุณฝ้ายกล่าวมามันเป็นหัวใจของการทำการตลาด คือการที่เรารู้ใจลูกค้า เวลาเราทำการตลาด เราต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร แล้วเสนอบริการหรือสิ่งที่ลูกค้าคนนั้นสนใจให้กับลูกค้าคนนั้น ดังนั้นเราจึงได้แบ่งลูกค้าออกเป็น Segment ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจลูกค้า ว่ากลุ่มนี้คือกลุ่มที่มีความชอบเหมือนกัน อาจจะชอบสินค้าเหมือนกัน หรืออยู่ในระดับราคาเดียวกัน โดยรวบรวมทั้งจาก Demographic ของลูกค้า พฤติกรรมต่างๆ โดยเฉพาะพฤติกรรมที่ลูกค้าได้มาใช้จ่ายผ่านเรา รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นกับช่องทางของแบรนด์ในแต่ละครั้ง แต่ปัญหาคือนักการตลาดไม่สามารถมานั่งจำพฤติกรรมเหล่านั้นได้ทั้งหมด ก็เลยต้องมี Marketing Automation ที่จะมาช่วยเก็บพฤติกรรมลูกค้าให้มีรูปแบบเดียวกัน เป็น Segment เดียวกัน เพื่อให้สามารถส่งเมสเสจที่ตรงกับความต้องการของคนกลุ่มนั้นได้

 

รู้จัก 8 Themes of Marketing Automation สูตรความสำเร็จของการตลาดยุคใหม่

คุณพงศ์ กล่าวว่า เมื่อเราทราบแล้วว่ายุคนี้ทำการตลาดแบบดั้งเดิมไม่ได้ เราจำเป็นต้องใช้ Marketing Automation เข้ามาช่วย แต่ก็เกิดคำถามที่พบบ่อยๆ ขึ้นอีกว่า แล้วแบรนด์ชั้นจะ Automate อะไรหรือทำท่าไหน จนกระทั่งเราได้ศึกษาและพบรูปแบบ 8 แบบ ซึ่งเกิดการกระทำซ้ำๆ แล้วประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์อีคอมเมิร์ซ  แบรนด์รีเทล แบรนด์ฟู้ดเดลิเวอร์ ทำแล้วเพิ่มยอดขายได้จริง สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นสูตรที่พอเราทำซ้ำๆ แล้วมันดีขึ้น ทำใหเราเห็นแพทเทิร์นของสิ่งที่ทำ 8 รูปแบบ แตกต่างกันเพียงความคิดสร้างสรรค์ที่ใส่ไปทำให้แตกต่างกันเท่านั้น ดังนั้น เราเลยจัดกลุ่มออกมาเพื่อให้นักการตลาดเห็นภาพที่ชัดและทำงานง่ายขึ้น ซึ่งก็คือ “8 Themes of Marketing Automation”

  • การสร้างความคุ้นเคย (Nurturing) เป็นการค่อยๆ ส่งข้อมูลหรือข้อความไต่ไปตามระดับความลึกทีละเสต็ปขั้นของความสนใจของผู้ใช้งาน เช่น เมื่อคุณสนใจบ้านคุณสมัครหรือ ลงทะเบียนรับข้อมูล ทางแบรนด์ก็จะส่งข้อมูลมาให้เช่น รายละเอียดของโครงการ เมื่อคุณเปิดอ่านแสดงว่าคุณมีความสนใจที่เพิ่มขึ้น ก็จะมีเมล์ที่ 2 ส่งตามมาเป็นเรื่องระบบการเดินทาง และเมื่อคุณเปิดอ่านอีก แบรนด์ก็จะส่งเมล์ที่ 3 มาให้อีก แสดงว่าคุณสนใจมากๆ แล้ว ก็จะส่งโปรโมชั่นของโครงการไปให้เลย หรือส่วนลดข้อเสนอพิเศษ เป็นต้น โดยธีมอันนี้เป็นระบบอัตโนมัติที่ดูจากพฤติกรรมตามลำดับขั้นค่อยๆ ลึกขึ้น
  • เลิกทำกลางทาง (Abandon) คือการที่ระบบสามารถตรวจจับการ Abandon ละทิ้งหรือ log out ออกไปได้แบบอัตโนมัติ ก่อนที่จะไปถึงจุดทำการซื้อขายสินค้าและชำระเงิน หรือขั้นสุดท้ายอาจจะเป็นการทำสัญญาซื้อขายก็ได้ แต่ไม่ว่าจะขั้นตอนที่ไหนที่ผู้ใช้งานออกจากช่วงใดช่วงหนึ่ง ระบบจะตรวจจับได้ทันทีแบบอัตโนมัติ และแจ้งแบรนด์เพื่อเข้าสอบถามลูกค้าต่อไป
  • การแจ้งเตือน (Reminder) เป็นระบบของการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ กรณีที่แบรนด์มีบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษให้กับลูกค้า เช่น คูปอง หรือรีดีมแลกแต้มแล้ว แต่ยังไม่ได้นำไปใช้ เราก็สามารถรีมายด์ลูกค้าไปได้แบบอัตโนมัติ โดยที่ลูกค้าไม่รู้สึกว่าเป็นการรบกวน เพราะแจ้งเตือนบนพื้นฐานข้อมูลในสิ่งที่ลูกค้าให้ความสนใจ
  • ช่วงเวลาสำคัญ (Time) จะเป็นเรื่องของ Seasoning ต่างๆ เช่น เทศกาลปีใหม่ คริสต์มาส ตรุษจีน หรือแม้แต่วันเกิด เป็นช่วงเวลาสำคัญต่างๆ ซึ่งถ้าแบรนด์มีแคมเปญหรือสิทธิพิเศษต่างๆ ระบบจะส่งเมสเสจหาลูกค้าตามโอกาสนั้นๆ
  • การแนะนำ (Recommend) จะเป็นเรื่องของระบบที่ให้คำแนะนำสินค้าหรือบริการตามความสนใจของลูกค้า หลังจากที่เคยเข้าเว็บเราแล้วกลับมาดูซ้ำอีกที จะมีการแนะนำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่เคยมาดูแล้วนั่นเอง
  • ไม่มีการใช้งาน (Inactive) เป็นระบบอัตโนมัติที่จะติดตามลูกค้าที่เคยมาใช้บริการเราเป็นประจำ ซึ่งแต่แล้วจู่ๆ ก็หายไป ระบบก็จะมีการส่งเมสเสจแบบอัตโนมัติไปทักว่าเกิดอะไรขึ้น คุณติดปัญหาอะไรไหม เราช่วยคุณได้นะลักษณะนี้ เป็นต้น
  • การตอบสนองทันที (Moment) เป็นการส่งข้อความอัตโนมัติในช่วงเวลาหรือบนกิจกรรมบางอย่าง เช่น ตรงกับเดือนเกิดของลูกค้าก็มีคูปองพิเศษมอบให้ หรือช่วงเวลาขณะที่ลูกค้ากำลังออกจากร้านค้าก็มีข้อความส่งไปทักว่าถ้าคุณกลับมาอีกก็จะมีส่วนลดหรือโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคุณให้ เป็นต้น
  • การให้ AI ช่วยคุณคิด หรือ ML (Machine Learning) เป็นการให้ AI (Artificial Intelligence) ช่วยคุณคิด ในเมื่อเรามีแคมเปญนี้หรือสินค้าแบบนี้เหมาะที่จะส่งเมสเสจให้กับลูกค้ากลุ่มไหนหรือคนแบบไหน เช่น มีสินค้ารองเท้ากีฬาตัวใหม่ ระบบจะทำการหาคนกลุ่มที่สนใจรองเท้าแบบนี้โดยอัตโนมัติแล้วส่งไปหาเขาทันที

 

โจทย์ยากของการตลาดกับการตอบสนองแบบ ‘เดี๋ยวนั้นและทันที’

คุณฝ้าย กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจาก 8 Theme ดังกล่าวแล้ว สิ่งสำคัญที่ Marketing Automation สามารถตอบโจทย์การทำการตลาดในปัจจุบันได้ก็คือ การตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบทันทีและอัตโนมัติ ถ้าชั้นต้องการชั้นต้องได้รับตอนนี้ ปัจจุบันลูกค้าจะมีความใจร้อนมากขึ้น ดังนั้น ในการที่จะสามารถจับได้ว่าลูกค้าต้องการตอนนี้หรือไม่ ระบบจะต้องมีความ Realtime ด้วย ข้อมูลต้องวิ่งไปประมวลผลทันที แล้วก็สามารถส่งข้อความให้ลูกค้าได้ทันทีด้วย ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความสนใจมีความต้องการไม่เหมือนกัน บนเวลาที่แตกต่างกัน นั่นคือการการทำ Segmentation เพื่อให้เกิด Conversion และ Action ในตอนจบ

 

 

แต่สิ่งเหล่านี้มนุษย์ทำไม่ได้ ลูกค้าแบรนด์ที่ต้องดูแลลูกค้าจำนวนมากหรือคอร์ปอเรทใหญ่ๆ ยิ่งทำไม่ได้เลย เพราะว่ามีจำนวนลูกค้าเป็นจำนวนมากหลักหลายหมื่นหลายแสน หรือหลายล้าน มันไม่สามารถทำด้วยมือได้ ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการคือ ระบบ Automation ที่จะมาช่วยงาน ซึ่งแต่ละระบบก็มีหลายแบบในตลาด ดังนั้น แบรนด์และคอร์ปอเรทจึงต้องการ Marketing suite ที่ตอบโจทย์ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ทำได้ตั้งแต่ Funnel แรกของการทำการตลาด เป็น one stop service ให้เขาได้ เพราะฉะนั้น แบรนด์หรือธุรกิจจึงมองหา CDP ที่สามารถเก็บข้อมูลของฐานลูกค้าได้มหาศาลและสามารถประมวลผลออกมาได้อย่างรวดเร็วและ Realtime จึงเป็นสิ่งที่แบรนด์และคอร์ปอเรทใหญ่ต้องการ และหลายแบรนด์เริ่มทำแล้ว เพื่อให้ตอบสนองลูกค้าจำนวนมหาศาลของเขาได้ในแบบ Personalized และ Push บน right time และ right channel นั่นจึงเป็นที่มาของการที่ 3DS Interactive เราได้สร้างสรรค์ PAM Platform ขึ้นมา

 

 

PAM Marketing Automation แพล็ตฟอร์มครบวงจรที่ตอบสนองการตลาดยุคใหม่

สำหรับ PAM Marketing Automation คือ Platform ที่ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการรวบรวม จัดกลุ่ม และดูแลข้อมูลลูกค้า พร้อมกับช่วยนักการตลาดสร้างแคมเปญที่มีประสิทธิภาพ ด้วยข้อความที่ใช่ เวลาที่ใช้ และช่องทางที่ใช่ แล้วยังออกแบบ Customer Journey ที่สอดคล้องกับลักษณะของธุรกิจได้ด้วยตัวเอง สามารถกำหนดการทำงานให้เป็นแบบอัตโนมัติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการตลาด และนำไปสู่ Awareness Engagement และ Conversion ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ข้อดีที่สำคัญอีกอย่างก็คือ PAM ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ให้นักการตลาดสามารถใช้งานได้แบบไม่จำเป็นต้องมีสกิลด้าน IT เยอะก็ใช้เป็น

นอกจากนี้ จุดแข็งที่สำคัญของ PAM และ ก็คือมี 1) ทีมซัพพอร์ตที่แข็งแกร่ง (Great Support Team) สามารถทำเรื่อง Integration ได้ด้วย เนื่องจากการทำ CDP ต้องดึงข้อมูลออกมาจากหลายๆ ทีม ดังนั้น ระหว่างทางก็อาจจะเกิดปัญหา หรือมีหลายสิ่งที่ต้องทำงานร่วมกัน ทีมของ PAM เราจะยังอยู่กับลูกค้าตลอดคอยสนับสนุนและเป็นที่ปรึกษาให้ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ติดตั้งแล้วจบงาน 2) ระยะเวลาในการติดตั้งระบบที่รวดเร็วในแบบ Fast Integration หลายแบรนด์มีความต้องการที่จะใช้งานและรวบรวมข้อมูลอย่างรวดเร็ว 3-6 เดือนก็อาจจะช้าไปแล้ว จะทำให้เสียโอกาสให้คู่แข่ง จึงต้องการการทำงานที่รวดเร็ว ซึ่ง PAM สามารถติดตั้งระบบได้ในระยะเวลาแค่ 1 เดือน เสร็จเรียบร้อยพร้อมใช้งานได้เลย และสุดท้าย 3) ราคาที่เหมาะสม (Cost of Value) บนประสิทธิภาพที่เทียบเท่า Marketing Automation ระดับโลก ลูกค้าสามารถใช้งานได้ตั้งแต่ฐานลูกค้าระดับหลักหมื่นคนไปจนถึงหลักสิบล้านคน โดยสามารถจ่ายก้อนเดียวแบบ flat rate ซึ่งปัจจุบันเราร่วมงานกับคอร์ปอเรทใหญ่ๆ แต่เขาสามารถดูแลควบคุมงบประมาณได้เป็นอย่างดี คอร์ปอเรทใหญ่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทุ่มเงินในการใช้งานตรงนี้ในงบประมาณก้อนโตเสมอไป

ในส่วนของการรวบรวมข้อมูลนั้น PAM ยังมีวิธีในการเก็บข้อมูลของลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ โดยหลักๆ เก็บได้ถึง 4 แกนหลักด้วยกัน ได้แก่ 1) Demographic ว่าลูกค้าเป็นใคร มีลักษณะอย่างไร อายุเท่าไหร่ ชื่อนามสกุลอยู่ทีไหน 2) Behavior ลูกค้าทำอะไรบ้าง สนใจอะไร เคยซื้ออะไรบ้าง ที่ไหน เมื่อไหร่ เท่าไหร่ รวมไปถึงพฤติกรรมที่เกิดจากทุกช่องทาง Touchpoint ทั้ง Online – Offline ของลูกค้า เช่น Web, Mobile app  POS, LINE, Facebook Chat อื่นๆ หรือ กด add to cart ไปกับสินค้าอะไร  3) Consent ลูกค้าคนนั้นจะต้องให้การอนุญาตที่ให้สามารถเก็บข้อมูลได้ รวมไปถึงอนุญาตให้ส่งข้อความกลับไปหาได้ด้วย 4) Engagement ที่เกี่ยวกับแคมเปญต่างๆ ที่ได้ส่งไปหาลูกค้านั้น จะสามารถรวบรวมได้ว่าลูกค้าสนใจแคมเปญไหนบ้าง ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลหลักๆ ที่เราเก็บจาก 4 แกนนี้แล้วนำมาประมวลผลเพื่อจัดข้อมูลอินไซต์เป็น segment แล้วก็ส่งเมสเสจไปตรงกับความต้องการ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับข้อความที่ตรงกับสิ่งที่เขาสนใจ ในเวลาที่เขาต้องการด้วย

 

CDP ที่ดีจะต้องเก็บข้อมูล ‘ลูกค้า’ อย่างดี เพราะเป็นสินทรัพย์สำคัญ 

คุณฝ้าย กล่าวย้ำว่า ดังนั้น ถ้ากลับไปที่ 4 Funnel สำคัญของการทำการตลาดที่เริ่มตั้งแต่ Awareness, Consideration,  Purchase และ Loyalty 3DS Interactive เราเป็น Marketing suite platform ตั้งแต่ funnel แรกจนถึง funnel สุดท้าย สามารถดูแลและจัดการได้ตั้งแต่ตอนเป็นข้อมูล ไปจนถึงขั้น Loyalty เรียกว่าเป็น Full funnel ของ Marketing ที่ครบถ้วน

คุณพงศ์เสริมว่า ถ้าบอกว่ามีแบรนด์ไหนที่เหมาะจะใช้งาน PAM ก็ต้องบอกว่าไม่มีแบรนด์ไหนเลยที่ไม่เหมาะ เพราะทุกแบรนด์มีสินทรัพย์ที่สำคัญ ปัจจุบันนักการตลาดไม่ได้มองว่าสินค้าเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญแล้ว เพราะแท้ที่จริงสิ่งสำคัญที่สุดของทุกแบรนด์ก็คือ ลูกค้า’ นั่นเอง

“ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แบรนด์จะลงทุนกับการจัดเก็บและรวบรวมลูกค้าให้ถูกต้อง ในเมื่อเรามีสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดแล้ว ก็ต้องอยากจะเก็บสิ่งนี้ให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัยที่สุด และมีการบริหารจัดการที่ถูกต้องที่สุดด้วย”  

สำหรับในปัจจุบันลูกค้าของ PAM มีตั้งแต่องค์กรใหญ่ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ถึงกลาง อาทิ ร้านอาหารในเครือไมเนอร์ฟู้ดทั้งหมด, โรบินฮู้ด, NaRaYa, ททท. (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย), Jaymart, BAM ฯลฯ รวมไปถึงแบรนด์ขนาดกลางก็เริ่มสนใจที่จะทำ CDP มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาเริ่มเข้าใจและเห็นความสำคัญในการทำ Marketing Automation มากขึ้น

 

Metaverse กับความสามารถในการทำ Marketing Automation 

คุณพงศ์ เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่เชี่ยวชาญเรื่องการทำงานบน Metaverse ก็อดที่จะถามถึงความจำเป็นของการทำการตลาดบนโลกเสมือนนี้ไม่ได้ โดยคุณพงศ์ให้ความเห็นว่า Metaverse อาจจะเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่หนึ่งที่เราสามารถเป็นเจ้าของได้ และมากไปกว่านั้นเราสามารถทำ commerce บนพื้นที่นั้นได้ด้วย เช่นเดียวกับการเปิดร้านใน Shopee  Lazada ลองนึกภาพตามว่า ถ้ามีพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นจาก e-marketplace เหล่านั้น เป็น Metaverse แล้วใช้เงินที่เป็นโทเคนใน Blockchain ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเลยไม่ใช่เป็นเงินบาทหรือเงินดอลลาร์ แต่เป็นเงินที่อยู่ในโลกนั้นๆ เลย ก็จะทำให้เห็นภาพว่านี่แหละคือ Metaverse ที่เราสามารถเข้าไปทำการค้าได้ และแน่นอนว่าเข้าไปทำ Marketing ได้ด้วย

 

คุณพงศ์-ไชยพงศ์ ลาภเลี้ยงตระกูล CEO บริษัท 3DS Interactive Co.,Ltd.

 

ดังนั้น เมื่อมาถึงจุดหนึ่งที่หากว่า มีคนเข้าไปทำการค้า มีคนเข้าไปใช้งานใน Metaverse นั้นๆ ในจำนวนมากพอ และมีการแอคทีฟอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าแบรนด์จะต้องเห็นโอกาส เพราะเมื่อผู้บริโภคอยู่ที่ไหนแบรนด์ก็ต้องไปอยู่ที่นั่นด้วย สิ่งที่นักการตลาดจะทำได้กับการเกิดขึ้นของ Metaverse (ซึ่งคุณพงศ์ ยืนยันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน) ก็คือเราจะเชื่อมต่ออย่างไรให้เกิดความ Seamless ในเมื่อตอนนี้เรามีทั้งโลกออฟไลน์ ออนไลน์ แล้วก็ยังมีโลก Metaverse อีก แล้วหากว่ามีมากกว่าสิบ Metaverse เกิดขึ้น นักการตลาดจะทำงานอย่างไรที่จะสามารถเข้าถึงลูกค้าของเขาได้ บนโจทย์ที่ซับซ้อนขึ้นไปอีกหากว่าแต่ละโลกนั้นลูกค้ามี Personalized ที่ไม่เหมือนกันด้วย

 

 

เป็นที่มาว่าปัจจุบัน 3DS Interactive เราได้ทำโปรเจ็คต์ทดลองทำการซื้อขายที่ดินบนโลก Metaverse หรือทดลองซื้อขาย NFT กันแล้วนำเอา PAM มาสร้างแคมเปญ Marketing Automation โดยสามารถระบุได้ด้วยว่า คนๆ นั้น หรือลูกค้าคนนั้นเป็นใครทั้งในโลกจริงและโลก Metaverse ระบบจะแสดงให้เราเห็นพฤติกรรมของเขาจากทั้งสองโลกเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งจะทำให้นักการตลาดมีอินไซต์ที่เพิ่มมากขึ้น และสุดท้ายก็จะสามารถรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาพัฒนาต่อยอดเป็นแคมเปญต่างๆ ได้ สามารถส่งเมสเสจหรือยิงแคมเปญส่งโปรโมชั่นให้เขาได้ตรงกับความสนใจตรงกับสิ่งที่เขาต้องการในแบบที่แตกต่างกันได้

มากไปกว่านั้น อย่างที่บอกว่าทุกอย่างจะต้องเชื่อมต่อกันอย่าง Seamless นั่นหมายความว่า สิ่งที่ลูกค้าได้รับ เช่น คูปอง หรือโปรโมชั่น ไม่ว่าจะเป็นโลกจริง โลกออนไลน์ หรือโลกเสมือน จะต้องทำคูปองหรือรีวอร์ดนั้นไปใช้ได้หมดในทุกๆ ที่ ไม่ว่าจะออฟไลน์ ออนไลน์ หรือ Metaverse ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในอนาคตของ Marketing Automation และมั่นใจว่าไม่ว่าแบรนด์ไหนก็พร้อมจะทำพร้อมจะลงทุนแน่ ถ้าเกิดว่ามันทำให้เขาก้าวสู่การเป็นผู้นำ

 

Marketing Automation ควรเกิดกับทุกสิ่งทุกอย่าง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต 

ทั้งหมดนี้ทำให้เราเห็นความสำคัญของการทำ Marketing Automation และการเลือก CDP แพล็ตฟอร์มที่ดีมาใช้งาน โดยเฉพาะในยุคการแข่งขันดิจิทัลที่ทุกอย่างรอไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายสิ่งที่ คุณพงศ์ กล่าวถึงโลกในอนาคตว่า ต้องบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรามันต้องอัตโนมัติทั้งหมดได้แล้ว ไม่เฉพาะกับวงการการตลาด แต่ทุกสิ่งแม้แต่ระบบสาธารณูปโภคหรือระบบขนส่ง ก็สามารถทำระบบอัตโนมัติได้ เช่นการแจ้งเตือนน้ำไฟดับหรือท่อประปาแตก หรือการแจ้งเตือนว่ารถไฟฟ้าขบวนไหนเสีย ถ้ามีระบบที่แจ้งเตือนอัตโนมัติ แล้วเราส่งขบวนใหม่ไปเปลี่ยนได้ทันทีซึ่งจะไม่ทำให้เกิดความล่าช้าในการให้บริการ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราเห็นภาพของคำว่า Smart City ที่เราได้ยินกันตลอดเวลา มันจะเป็นจริงได้แน่นอน

“สุดท้ายไม่ว่าโลกจะหมุนเร็วแค่ไหนหรือพฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่สิ่งที่วงการการตลาดเจอปัญหามาตลอดก็คือ ปัญหาเรื่อง ‘คนที่ไม่เพียงพอ’ ไม่ว่าจะเพิ่มคนสักแค่ไหนงานก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน ดังนั้น ทางเลือกหนึ่งที่ดีกว่าการเพิ่มคน ก็คือการใช้คนที่มีอยู่แล้วหาเครื่องมือให้เขาสามารถทำงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเอา tools บางอย่างเข้ามาช่วย นี่จึงเป็นสาเหตุของการที่ Marketing Automation ถึงได้เข้ามา เข้ามาจี้ในจุดที่ว่า เรามีคนเท่านี้แหละ แต่อยากให้คนเท่านี้ทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ต้องรีไซส์มากขึ้น และอัตโนมัติมากขึ้น ทำให้เขาได้ไปทำอะไรที่ไม่จำเป็นจะต้องทำ แล้วเอาเวลากับพลังงานไปสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นครีเอทีฟมากขึ้น นี่จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด.” คุณพงศ์ กล่าวในตอนท้าย


  • 1.1K
  •  
  •  
  •  
  •