‘เซ็นทรัล รีเทล’ เดินหน้าสู่เบอร์ 1 ค้าปลีกในเอเชีย ภายใต้กลยุทธ์ CRC Retailligence และการลงทุนกว่าแสนล้าน ภายในปี 2026

  • 404
  •  
  •  
  •  
  •  

“ปีนี้เป็นปีเสือ อีกอย่างผมคิดว่า เสือเป็นนักสู้ มองการณ์ไกล และจับเหยื่อเก่งมาก คล้ายกับ CRC ซึ่งเสือตัวนี้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาถูกล่ามด้วยโซ่โควิด หิวกระหาย แต่ช่วงเกิดโควิดเสือตัวนี้ได้ทรานฟอร์มตัวเอง จนร่างกายแข็งแรงมากขึ้นมหาศาล เหมือนกับ CRC ที่ตอนนี้พร้อมติดปีกบิน และจะเป็นเสือติดปีก ในปี 2026”

คำกล่าวของ ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ในงานแถลงถึงยุทธศาสตร์ 5 ปีต่อจากนี้ (ปี 2022-2026)ด้วยเป้าหมายการเป็นเบอร์ 1 ค้าปลีกในภูมิเอเชีย ควบคู่กับสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน หลังจากเมื่อปี 2019 ได้ประกาศทรานฟอร์มเมชั่นสู่ New Central New Retail

ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CRC

แล้วอะไรที่จะทำให้ CRC กลายเป็นเสือติดปีก และบรรลุภารกิจที่วางไว้ คำตอบก็คือ CRC Retailligence  ซึ่งจะถูกขับเคลื่อนด้วย ‘เทคโนโลยี’ และ ‘ดาต้า’ โดยทั้งหมดยังยึดมั่นให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการเป็น Central to Life หรือ ศูนย์กลางชีวิตของผู้คน

4 ยุทธศาสตร์สำคัญของ CRC

การเดินหน้าดังกล่าว ทาง CRC ได้วาง 4 ยุทธศาสตร์ เป็นกุญแจสำคัญ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ได้แก่

1.Reinvent Next-Gen Omni Retail ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ขึ้นมาให้เป็น Next-Gen Omni Retail  เชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริง เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งฟู้ด แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ พร็อพเพอร์ตี้ รวมถึงกลุ่มธุรกิจใหม่ ๆ ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี โดยจะเริ่มที่เซ็นทรัล แอปฯ ตามด้วย ท็อปส์, เพาเวอร์บาย, ซูเปอร์สปอร์ต และขยายสู่แบรนด์อื่น ๆ

2.Accelerate Core Leadership เร่งการขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจหลักของ เซ็นทรัล รีเทล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับสากล

3.Build New Growth Pillars เดินหน้าสร้างธุรกิจใหม่ โดยเริ่มจากกลุ่ม Wellness รวมถึงเซ็กเมนต์อื่น ๆ ที่เป็นไปตามเทรนด์ของโลกและความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงสร้างกลุ่มธุรกิจที่ 5 ขึ้นมา จากหน้านี้กลุ่มธุรกิจของ CRC จะประกอบด้วย กลุ่ม Food, กลุ่ม Hardline , กลุ่ม Property และกลุ่ม Fashion

4.Drive Partnership, Acquisition and Spin Off ขยายธุรกิจภายใต้แนวคิด Inclusive Growth สร้างความสำเร็จร่วมกันกับพาร์ทเนอร์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งภายในสิ้นปีนี้จะมีการนำบริษัทที่ Spin Off เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

“เรื่องเทคโนโลยีมันมีอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่า จะทำยังไงให้นำมาใช้ได้ดีที่สุด อย่าง Metaverse ผมมองว่า เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นแน่นอนแต่จะเกิดเซ็กเม้นท์ไหนก่อน โดยเราเองกำลังเตรียมทดลองนำแบรนด์หนึ่งในเครือ CRC เข้าไปอยู่ใน Metaverse อยู่บนนี้ เพื่อทดลองและเรียนรู้ไป เพราะเรื่องพวกนี้เข้าเร็วไป ก็มีปัญหา ช้าไปก็ไม่ดี ส่วนเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เราให้ความสำคัญเช่น ฟินเทค และโรบอท เป็นต้น”

ตั้งงบลงทุนกว่า 100,000 ล้านบาทภายในปี 2026

จากยุทธศาสตร์ 5 ปีที่ได้ประกาศไป ญนน์ตั้งเป้าว่า ผลประกอบการของ CRC ในปี 2026 จะเติบโตในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านรายได้เติบโต 2.5 เท่า EBITDA เพิ่มขึ้น 3.5 เท่า และ Market Cap เพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ด้วยงบลงทุน 100,000 ล้านบาท โดย 75% จะเป็นการลงทุนเรื่อง physical store และการปรับปรุงสาขา  อีก 25% จะเป็นการลงทุนด้านเทคโนโลยี และอื่น ๆ

“สิ่งที่เราเชื่อคือ ออนไลน์ จะไม่ฆ่าออฟไลน์ แต่จะช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน ทำให้เราขยาย physical store ที่เป็นจุดแข็งของเราตลอดเวลา ขณะที่หลังจากมาบุกออนไลน์เมื่อ 4-5 ปีก่อน ตอนนี้รายได้ออนไลน์มีกำไรแล้ว ซึ่งถ้าตอนนั้นเราไม่ปรับเปลี่ยน ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปี 2021 ที่มีการล็อคดาวน์ ธุรกิจเราจะเสียหายมากกว่านี้เยอะ เพราะเจอหนักสุดและเจอพร้อมกันทั้งไทย เวียดนาม และอิตาลี ที่เรามีธุรกิจอยู่”

แม้เป้าหมายที่วางไว้ จะได้มาไม่ง่าย แต่ทางประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CRC ก็เชื่อว่า ด้วยแผนงานชัดเจน มีความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกฝ่าย บวกกับเห็นผลสำเร็จของกลยุทธ์ New Central New Retail การเดินหน้าพิชิตเป้าหมายดังกล่าวไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะสำหรับ CRC ตอนนี้ คือ ฟ้าหลังฝน มองเห็นแสงสว่างปลางอุโมงค์ชัดเจนมากขึ้น และจะเป็นคนแรกที่ออกจากอุโมงค์ของโควิด


  • 404
  •  
  •  
  •  
  •